แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 18 มิถุนายน 2555
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า แนวทางการพัฒนาระบบบริการภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการประชาชน โดยต้องอิงจากฐานข้อมูลจริงเพื่อยืนยันการเป็นตัวตนของแต่ละคน ดังนั้นข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร จากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จึงมีความสำคัญอย่างมาก และเป็นความท้าทายของกระทรวงมหาดไทย ที่จะต้องพัฒนาให้มีความก้าวหน้า ปลอดภัย และรองรับการใช้งานของทุกส่วนราชการต่อไป การเชื่อมต่อกับระบบไอทีของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสรอ.ในครั้งนี้จึงเป็นแนวทางที่สำคัญอย่างยิ่งของกระทรวงมหาดไทย ที่ผ่านมากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้วางรากฐานข้อมูลประชากรมาตั้งแต่ปี 2525 โดยการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ และสร้างดัชนีให้กับรายการบุคคลทุกคนที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูล ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 103 หน่วยงาน ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรเช่น กรมการกงสุล ใช้ในการบริการประชาชนด้านการออกหนังสือเดินทาง กรมการขนส่งทางบก ใช้ในการออกใบอนุญาตขับรถ โดยเฉพาะกรมสรรพากรได้มีการปรับเปลี่ยนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร มาเป็นเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักแทน นอกจากนั้น กระทรวงมหาดไทย ยังให้ความสำคัญกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ให้สามารถจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนได้ ไม่ต้องเดินทางกลับมาทำที่ประเทศไทย ซึ่งในปี 2555 จะดำเนินการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนนำร่อง ณ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยจำนวน 6 แห่ง รวมทั้งได้สนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในการพัฒนาระบบการเลือกตั้งทั่วไป สำหรับคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศให้สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ด้วย ซึ่งนับได้ว่า ในยุคของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร จากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น การได้ร่วมมือกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการขยายการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรไปสู่การให้บริการต่อประชาชนอย่างแท้จริง
นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า หนึ่งในพันธกิจเร่งด่วนของกระทรวงไอซีทีในขณะนี้คือ การสร้างระบบการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบบริการภาครัฐโดยใช้ประโยชน์จากบัตรประจำตัวประชาชน หรือ Citizen Smart Info ขึ้นมาโดยเป้าหมายสูงสุดของระบบนี้คือ การที่ประชาชนทั่วไปสามารถนำข้อมูลของตนเองที่เกี่ยวกับธุรกรรมภาครัฐมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสะดวกสบายและทั่วถึง นโยบาย Citizen Smart Info นั้นต้องการทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบดิจิทัลแบบ Single Sign On หรือการใช้รหัสผ่านครั้งเดียว ก็สามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวกับตนเองขึ้นมาได้ ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลของตน เพื่อทำให้เกิดการวางแผนและบริหารกิจกรรมต่างๆ ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องนำข้อมูลบัตรประชาชนจากกรมการปกครองมาเป็นตัวอ้างอิงหลักไปสู่บริการของหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จากเดิมหากหน่วยงานใดต้องการใช้ข้อมูลของกรมการปกครองก็จำเป็นต้องเดินสายต่อเชื่อมข้อมูลเข้าหากรมการปกครองโดยตรง ซึ่งสร้างภาระงบประมาณทั้งกรมการปกครองและหน่วยงานต่างๆ และยังทำให้เกิดความยุ่งยากในการบริหารจัดการสถาปัตยกรรมทางด้านไอซีทีเป็นอย่างมาก การลงนามสัญญาบันทึกข้อตกลงหรือ การทำ MOU ระหว่างกรมการปกครองกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสรอ.จึงเป็นการจัดระบบและสร้างความร่วมมือให้เกิดระบบ Citizen Smart Info ด้วยการที่สรอ.จะเข้าไปเพิ่มขนาดเครือข่ายจากกรมการปกครอง ซึ่งเป็นปลายทางหลักเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ฟาร์มของสรอ. ผ่านระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ หรือ Government Information Network หรือ GIN แล้วสร้างระบบเซิร์ฟเวอร์ของสรอ.ให้เป็นระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ดังนั้นสรอ.จะกลายเป็นแม่ข่ายหลักในการเชื่อมต่อกับหน่วยงานต่างๆ แทนกรมการปกครอง หน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการใช้ฐานข้อมูลบัตรประชาชนก็สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในรูปแบบของข้อมูลดิบ หรือผ่านระบบแอพพลิเคชันที่เขียนขึ้นมาครอบฐานข้อมูลนี้ ในทางปฏิบัติต่อจากการลงนามบันทึกข้อตกลงนี้เสร็จแล้ว ทุกหน่วยงานหากจะใช้ข้อมูลจากบัตรประชาชนเพียงแค่ทำความตกลงกับกรมการปกครอง หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องลงทุนทางด้านไอทีเพิ่มเติมก็สามารถเชื่อมต่อข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยระบบ GIN ซึ่งไม่มีค่าบริการ ขณะเดียวกันเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพทุกหน่วยงานก็จะต้องเร่งพัฒนาแอพพลิเคชันของตนเองเป็นระบบ Web Services เพื่อเรียกการใช้งานผ่านคลาวด์คอมพิวติ้งของสรอ. ได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นจะเกิดมาตรฐานกลางของแอพพลิเคชันต่างๆขึ้นมา ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อฐานข้อมูลข้ามหน่วยงานด้วยกันทำได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันถ้าหากแอพพลิเคชันและข้อมูลเหล่านั้นติดตั้งอยู่บนระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของสรอ.ด้วยแล้วก็จะทำให้เกิดความรวดเร็วในการเรียกใช้บริการง่ายขึ้นอีกด้วย จากแผนงานหลักของสรอ.ในการเร่งพัฒนาระบบ GIN และคลาวด์คอมพิวติ้งให้มีประสิทธิภาพแล้ว คาดว่าภายในปีนี้จะมีบริการหลักของหน่วยงานรัฐมาเข้าสู่ระบบเพื่อบริการประชาชนได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น โครงการพัฒนาระบบตรวจสอบข้อมูลสิทธิประโยชน์คนพิการ สปสช.,โครงการพัฒนาระบบตรวจสอบข้อมูลประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม เป็นต้น ซึ่งเมื่อหน่วยงานเข้ามาใช้บริการแล้ว จะดึงดูดให้บริการส่วนอื่นๆ เข้ามาต่อเชื่อมเพื่อใช้ฐานข้อมูลร่วมกันได้ง่ายขึ้น และคาดว่าภายในปีหน้าจะมีหน่วยงานไม่ต่ำกว่า 30 หน่วยงานเข้ามาเชื่อมต่อฐานข้อมูลร่วมกันได้ และคาดว่าภายใน 3 ปีนี้จะมีหน่วยงานรัฐที่พร้อมจะเข้ามาร่วมในโครงการ Citizen Smart Info มากกว่า 50% นอกจากการผลักดัน Citizen Smart Info กระทรวงไอซีทียังดำเนินการในส่วนอื่นๆ ไปพร้อมกันไม่ว่าจะเป็น smart province, โครงการ ICT Free Wifi และอื่นๆ เพื่อทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมในการใช้ Citizen Smart Info ได้อย่างสมบูรณ์แบบไปพร้อมๆ กัน
นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า งานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนเป็นด่านแรกของการให้บริการภาครัฐ เนื่องจากข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิสูจน์ ยืนยัน และรับรองตัวบุคคล เพื่อการเข้าถึงบริการภาครัฐและเอกชนได้ ดังนั้น หากมีการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการต่าง ๆ กับกรมการปกครองแล้ว จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนได้อย่างแท้จริง ปัจจุบันกรมการปกครอง ได้อนุญาตให้ส่วนราชการต่าง ๆ เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง จำนวน 103 หน่วยงาน ซึ่งในแต่ละปีจะมีปริมาณการใช้งานจากการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรของกรมการปกครอง มากกว่าปีละ 100 ล้านรายการ โดยหน่วยงานที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ใช้สูงถึง 24,500,547 รายการต่อปี รองลงมาคือ กรมการขนส่งทางบก 14,296,246 รายการ ขณะที่หน่วยงานอันดับสามคือ กรมสรรพากร 13,131,703 รายการ ทุกหน่วยงานมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น สำหรับภาคเอกชน ที่กฎหมายยังไม่อนุญาตให้สามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ได้นั้น กรมการปกครองได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ การอนุญาตให้ใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart Card แทน หรือเรียกว่า Smart Card Off-line ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการขอใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว จำนวน 86 หน่วยงาน เพื่อต้องการอ่านข้อมูลตามรายการที่ปรากฏตามหน้าบัตรประจำตัวประชาชนที่กรมการปกครองได้จัดเก็บไว้ใน IC Chip ซึ่งรวมถึงภาพใบหน้า นอกจากนั้นยังได้จัดเก็บข้อมูลของส่วนราชการอื่น ๆ ที่จำเป็นไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนด้วย เช่น ข้อมูลการแสดงสิทธิการรักษาพยาบาล ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงสิทธิการรักษาพยาบาลต่อสถานพยาบาลได้ ในส่วนของภาคเอกชน เช่น ธนาคาร รวมทั้งสถาบันการเงิน ได้เห็นประโยชน์ในการใช้งานโปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อป้องกันการทุจริตในการแอบอ้าง สวมตัวเจ้าของรายการบุคคล ซึ่งการอ่านข้อมูลจาก IC Chip ในบัตรฯ สามารถพิสูจน์ ยืนยัน ตัวตนที่แท้จริงได้ และช่วยลดขั้นตอนการบันทึกข้อมูลใหม่ที่อาจเกิดความผิดพลาดได้ ลดการใช้กระดาษ ลดความเสี่ยงการใช้เอกสารปลอม ที่สำคัญประชาชนได้รับบริการที่ถูกต้อง สะดวก รวดเร็วมากขึ้น
ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือสรอ. เปิดเผยว่า แผนดำเนินการ 3 ขั้นตอนเพื่อทำให้โครงการ การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบบริการภาครัฐโดยใช้ประโยชน์จากบัตรประจำตัวประชาชน (Citizen Smart Info) ลุล่วงนั้นประกอบด้วย ขั้นที่ 1 คือการลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือ MOU กับกรมการปกครองในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกหน่วยงานภาครัฐสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลของกรมการปกครองและนำไปใช้ได้ทันที โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ในขั้นตอนนี้ทางสรอ.ใช้วิธีบริหารจัดการระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network: GIN) ขึ้นมาใหม่ จากเดิมเป็นการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานรัฐในปริมาณที่เท่ากัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
จากจุดเริ่มนี้สรอ.ได้เข้ามาตั้งค่าการใช้งาน GIN ให้กับหน่วยงานหลักที่มีความจำเป็นมากขึ้นตามความต้องการใช้งานจริง ในกรณีของระบบคอมพิวเตอร์ของกรมการปกครองที่จะต้องเป็นฐานข้อมูลหลัก ทางสรอ.ได้เพิ่มปริมาณขนาดของเครือข่ายเป็น 50 MPs ในปีนี้ และหากมีความต้องการดึงฐานข้อมูลจากหน่วยงานรัฐต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทางสรอ.ก็พร้อมจะเพิ่มขนาดเครือข่ายให้เป็น 100 MPs ในปีหน้า ซึ่งถือเป็นขนาดเครือข่ายที่ใหญ่มาก ขณะเดียวกันฐานข้อมูลทั้งหมดของกรมการปกครองจะเข้ามาใช้ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของสรอ. ที่เป็นศูนย์กลาง ดังนั้นหน่วยงานต่างๆ ที่ใช้ระบบ GIN อยู่แล้วสามารถดึงฐานข้อมูลผ่านเครือข่ายภายในนี้ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องต่อสายตรงไปยังกรมการปกครองเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้อย่างมาก การดำเนินการประการที่สอง ทางสรอ.มีข้อตกลงกับทางกรมการปกครองในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงมีระบบความปลอดภัยสูงสุดด้วย ขณะเดียวกันก็สามารถขยายฐานการใช้งานไปได้อย่างไม่จำกัด โดยมีสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยมาสนับสนุน และยังทำให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เข้ามาใช้งานสามารถเข้ามาใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้ร่วมกัน เพื่อทำให้เกิดเอกภาพในการใช้งานระหว่างกันในอนาคต
โดยงบประมาณในส่วนของการพัฒนาศูนย์ดาตาเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์คอมพิวติ้งนั้น ทางสรอ.จะเป็นผู้ดำเนินการและจัดหา โดยในปีแรกจะใช้ประมาณ 50 ล้านบาท และจะเร่งเพิ่มเติมงบประมาณมากขึ้นในปีต่อๆ ไป ซึ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐ 30 หน่วยงานอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบ ดังนั้นทิศทางจากนี้ไป จะมีทั้งหน่วยงานรัฐที่เข้ามาใช้ฐานข้อมูลของกรมการปกครองมากขึ้น โดยลงทุนระบบคอมพิวเตอร์น้อยลง ขณะเดียวกันแต่ละหน่วยงานก็สามารถแบ่งปันข้อมูลของหน่วยงานตัวเองเข้ามาในระบบมากขึ้น และกรมการปกครองรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ก็สามารถนำไปใช้งานได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทางสรอ.จะทำหน้าที่ในการประสานงาน และเข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการวางระบบสถาปัตยกรรมในส่วนนี้ต่อไป อีกประการหนึ่งที่เป็นหน้าที่ของสรอ.ในโครงการ Citizen Smart Info คือ การทำต้นแบบให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ง่าย โดยสรอ.จะนำไปเชื่อมโยงกับโครงการ Smart Province หรือจังหวัดอัจฉริยะ ด้วยการจัดทำกล่องอัจฉริยะต้นแบบไปติดตั้งที่จังหวัด เพื่อเป็นเครืองทดลองใช้ หรือ demo ซึ่งในกล่องนี้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลของรัฐทุกรูปแบบ โดยอิงกับฐานข้อมูลบัตรประชาชนของตนเอง ซึ่งในอนาคตกล่องรับสัญญาณนี้จะเหมือนกล่องรับชมทีวีดาวเทียมปกติ และสามารถไปติดตั้งตามบ้านได้ หรือเป็นแอพพลิเคชันเสริมให้กับผู้ผลิตกล่องรับสัญญาณที่นอกจากจะดูทีวีตามปกติ ยังสามารถใช้งานฐานข้อมูลส่วนบุคคลได้ต่อไป
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 18 มิถุนายน 2555
รีวิว HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ใส่สบาย ตรวจวัดสุขภาพได้ละเอียดขึ้น ใช้งานสูงสุด 2 สัปดาห์
Maono WM620 PC2 ไมโครโฟนไร้สาย ที่สายคอนเทนต์ต้องมี เพราะใช้งานง่ายมาก
CASETiFY คอลเลกชั่นใหม่ Essentials by CASETiFY น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้
จากห้องเรียนสู่โลกกว้าง! คู่มืออัปสกิล Gen MZ ด้วยแกดเจ็ตจาก Samsung
REDMAGIC เปิดตัวพัดลมระบายความร้อน REDMAGIC VC Cooler 5 Pro ดีไซน์สุดเท่ พร้อมรองรับ MagSafe
Nothing Ear และ Nothing Ear (a) ประกาศวันเปิดตัว มีการรีเซ็ตชื่อ และมาด้วยกัน 2 รุ่น
Moto G64 5G สมาร์ทโฟนรุ่นแรกใช้ Dimensity 7025 พร้อมกล้อง 50MP กันสั่น OIS
สรุปจุดเด่นและสเปค realme 12x 5G มือถือราคาครึ่งหมื่นก็ใช้งานเน็ต 5G ได้แล้ว อย่างคุ้ม!
Sony เปิดตัวซีรีส์ ULT POWER SOUND เสียงเบสกระหึ่ม เต็มอารมณ์
realme P1 และ realme P1 Pro หน้าจอ AMOLED-120Hz กล้องหลัง 50MP ชาร์จเร็ว 45W
ENNXO แนะนำ 5 เครื่องรางเสริมฮวงจุ้ย ด้านโชคลาภ เงินทองและค้าขาย15 ชั่วโมงที่แล้ว