แก็ดเจ็ต (Gadget)  |   วันที่ : 15 กรกฎาคม 2556

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

พ.อ. ดร. นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองประธาน กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ประธาน กสท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ว่า วันนี้ (15 กรกฎาคม 2556) ที่ประชุม กสท. มีมติในเรื่องต่างๆ ดังนี้


1. ที่ประชุม กสท. มีมติเห็นชอบคำขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง จำนวน 53 ราย (ใบอนุญาต) แบ่งเป็นกิจการประเภทบริการธุรกิจ 21 ราย กิจการประเภทบริการสาธารณะ 6 ราย และกิจการประเภทบริการชุมชน 26 ราย ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาคำขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 2,312 ราย
2. ที่ประชุม กสท. มีมติเห็นชอบออกใบอนุญาตการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ แก่ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thaipbs) เป็นเวลา 15 ปี โดยการออกใบอนุญาตในครั้งนี้เป็นไปตามประกาศของ กสทช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555
3. ที่ประชุม กสท. มีมติมอบใบอนุญาตการบริการโครงข่ายประเภทกิจการไม่ใช้คลื่นความถี่ จำนวน 13 ราย(ใบอนุญาต) ได้แก่ บริการระดับชาติ จำนวน 4 ราย บริการระดับภูมิภาค จำนวน 1 ราย และบริการระดับท้องถิ่น จำนวน 8 ราย


4. ที่ประชุม กสท. มีมติเห็นควรให้ออกใบอนุญาตสำหรับผู้ให้บริการกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ (เคเบิ้ลทีวี) จำนวน 6 ช่องรายการ
5. ที่ประชุม กสท. เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการธุรกิจ ระดับชาติ พ.ศ. .... และเห็นชอบ (ร่าง)ที่ทางสำนักงานฯได้แก้ไข นำเสนอขึ้นมาโดยมีสาระการปรับแก้ที่สำคัญ เพื่อให้มีความชัดเจนขึ้นดังนี้

  • ผู้ยื่นขอใบอนุญาตในประเภทความคมชัดสูง (HD) และผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตประเภทข่าวสารและสาระต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อป้องกันการนอมินี โดยจะมีการตรวจสอบความเกี่ยวข้องกัน 3 ระดับ ได้แก่ตรวจสอบด้านการถือหุ้น ตรวจสอบด้านการบริหาร และตรวจสอบความเกี่ยวข้องด้านเงินทุน
  • การเสนอเพิ่มเคาะราคาประมูลในประเภทเด็ก เยาวชน และครอบครัว เป็นการเพิ่มครั้งละ 2,000,000บาท จากเดิมเพิ่มครั้งละ 1,000,000บาท
  • ปรับลดเนื้อหาของข่าวในประเภทช่องรายการข่าว ที่เดิมกำหนดให้ต้องมีสัดส่วนเนื้อหาของข่าวไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ปรับเป็นร้อยละ 50 ทั้งนี้เนื้อหาของข่าวจะต้องมีการออกอากาศเฉลี่ยทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีผู้ชมสูงสุด (Prime time) จะต้องมีเนื้อหาของข่าวไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวคณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนดช่วงเวลา และสามารถเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสม

 

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่