แก็ดเจ็ต (Gadget)  |   วันที่ : 9 มิถุนายน 2557

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ปัจจุบันมี “สมาร์ทโฟน” มากมายในตลาด หลากหลายรุ่นหลากหลายดีไซน์ ราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกให้ซื้อและเปรียบเทียบได้มากขึ้น ซึ่งในยุคเศรษฐกิจปัจจุบันที่หลายคนต้องรัดเข็มขัดแบบนี้ การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในราคาที่ไม่แพงและสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานของผู้บริโภคได้มากที่สุด นั่นแหละถึงจะเรียกว่า “คุ้มจริง”

กิตติพงศ์ กิตติภัสสร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น ให้คำแนะนำว่า สำหรับการเลือกซื้อโทรศัพท์ให้คุ้มค่านั้น เรื่องแรกที่ต้องพิจารณา คือ ระบบปฏิบัติการ(os) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน

ระบบปฏิบัติการ ก็คือ ตัวที่ทำให้มือถือเก่งขึ้น เป็นมากกว่าแค่การโทรเข้าหรือรับสาย ซึ่งในตลาดมือถือตอนนี้ก็มี 3 ระบบที่นิยมใช้ ได้แก่ IOS ที่เด่นด้านมัลติมิเดีย อีกระบบคือ Windows Phone ที่เด่นด้านการใช้งานจัดการเอกสารเพื่อใช้ในการทำงาน(ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ) แต่เป็นระบบปิด ทำให้มีแอพพลิเคชั่นบน Windows Phone Store เพียง 1 แสนแอพพลิเคชั่นเท่านั้น แต่ที่ดูจะเป็นที่นิยมมาก ก็คือ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เพราะเป็นระบบที่ใช้งานได้ง่าย เน้นใช้งานมัลติมิเดียหลากหลายรูปแบบ และเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ทำให้มีแอพพลิเคชั่นใน Play Store รวมๆ กว่า 8 แสนแอพพลิเคชั่น

ประการที่ 2 คือ สเปกตัวเครื่อง หากจะซื้อสมาร์ทโฟนทั้งทีต้องซื้อเครื่องที่แรงๆ หน่อย ก็หมายถึงเครื่องที่ทำงานได้รวดเร็ว ต้องเลือก CPU ที่แรงเร็ว ซึ่งบางครั้งก็เกินความจำเป็นทำให้ราคาสูงสิ้นเปลืองเปล่าๆ ดังนั้น สำหรับการใช้งานแบบทั่วไป ควรเลือกเป็น CPU Dual Core (2แกนช่วยประมวลผล) เป็นความเร็วมาตรฐานที่ใช้ทำงานและเล่นเกมส์ทั่วไป ส่วน Quad Core (4แกน) จะรองรับการเปิดใช้งานได้หลายๆ โปรแกรมพร้อมกัน (Multitasking) และเล่น Social Network โปรแกรม LINE หรือเกมส์แบบภาพ 3D ได้ แต่ราคาเครื่องจะสูง จำง่ายๆ ว่ายิ่ง CPU core ยิ่งเยอะ เครื่องยิ่งแรง และยิ่งแพง

ถัดมาคือ จอภาพ ที่แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ จอ LCD และ AMOLED(มีเฉพาะยี่ห้อ Samsung) จากนั้นก็พิจารณาที่ “หน่วยความจำ” ให้ดูการใช้งานของคุณเป็นหลัก มาตรฐานทั่วไปอย่างน้อยต้องมี RAM 512MB และ ROM 1G ถ้าใช้งานแค่ด้าน Social Network เล่นไลน์ เล่นเฟซบุ๊ค ควรจะมีความจุประมาณ 1-4 GB ถ้าชอบดาวน์โหลดแอพฯต่างๆ เช่น เกมส์ โปรแกรมแต่งภาพ ประมาณ 8 GB น่าจะเหมาะ แต่หากชอบถ่ายรูปและถ่ายคลิปวิดีโอรวมถึงตัดต่อแล้วล่ะก็ ความจุ 16-32 GB น่าจะดีที่สุด

อีกส่วนที่ต้องพิจารณา คือ “กล้องดิจิตอล” ซึ่งจริงๆแล้วกล้องหลังความละเอียดอย่างน้อย 2 เมกะพิกเซลก็เพียงพอแล้ว และสุดท้ายคือแอพพลิเคชั่น ต่างๆ ที่ใส่ในเครื่องและนำมาใช้ในไลฟ์สไตล์เรา ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมากกว่าเดิมและคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป ยกตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟนของเราสามารถแปลงร่างเป็นเครื่อง GPS นำทาง(มูลค่า 4-5 พันบาท), เครื่องคิดเลขแบบวิทยาศาสตร์(มูลค่า 1-2พันบาท), กล้องถ่ายรูป(มูลค่า 3-4 พันบาท), เครื่องสแกนเอกสาร(มูลค่า 5 พันบาท) และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นว่า แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวประมาณ 5 พันบาท ก็สุดจะคุ้มแล้ว

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่