รายงานคาดการณ์ Cisco Visual Networking Index™ ทั่วโลกและการปรับใช้บริการสำหรับปี 2556 ถึง 2561 ชี้ว่า แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (ไอพี) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์พกพาเพิ่มมากขึ้น การบริการบรอดแบนด์ที่มีความเร็วมากขึ้น และการรับชมวิดีโอเพิ่มมากขึ้น แทรฟฟิกไอพีทั่วโลกสำหรับเครือข่ายพื้นฐานและเครือข่ายโมบายล์คาดว่าจะแตะระดับ 1.6 เซ็ตตาไบต์ต่อปี หรือกว่า 1.5 ล้านล้านกิกะไบต์ต่อปี ภายในปี 2561 และคาดว่าแทรฟฟิกไอพีสำหรับปี 2561 จะมากกว่าแทรฟฟิกไอพีทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2527 – 2556 (1.3 เซ็ตตาไบต์)
ส่วนประกอบของแทรฟฟิกไอพีจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ แทรฟฟิกส่วนใหญ่จะเกิดจากอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอินเทอร์เน็ต แทรฟฟิก Wi-Fi จะมากเกินกว่าแทรฟฟิกบนเครือข่ายพื้นฐาน และวิดีโอความละเอียดสูง (HD) จะสร้างแทรฟฟิกมากกว่าวิดีโอความละเอียดมาตรฐาน (SD)
นอกจากนี้ Internet of Everything จะเติบโตเพิ่มมากขึ้น และภายในปี 2561 จะมีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ (Machine-to-Machine หรือ M2M) เกือบเท่ากับจำนวนประชากรทั่วโลก ขณะที่รถยนต์อัจฉริยะ (Smart Cars) จะมีโมดูล M2M เกือบ 4 โมดูลต่อรถยนต์หนึ่งคัน
ฟุตบอลโลก 2014 ผลักดันปริมาณการใช้งานแบนด์วิธอินเทอร์เน็ต (แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ต)
ขณะที่ฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2014 เริ่มต้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน คาดว่าจะมีประชาชนหลายล้านคนรับชมเกม และ/หรือภาพไฮไลต์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ส่วนวิดีโอสตรีมมิ่งและการถ่ายทอดฟุตบอลโลกทางไอพีคาดว่าจะก่อให้เกิดแทรฟฟิกไอพี 4.3 เอ็กซาไบต์ ซึ่งมากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับแทรฟฟิกไอพีรายเดือนในประเทศบราซิลในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตที่สร้างโดยผู้ชมราว 60,000 คนในสนามแข่ง รวมถึงคนที่กำลังเดินทางไปชมการแข่งขัน จะแซงหน้าแทรฟฟิกในชั่วโมงเร่งด่วนของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 94 ล้านคนในบราซิล
แทรฟฟิกไอพีทั่วโลกคาดว่าจะแตะระดับ 132 เอ็กซาไบต์ต่อเดือนภายในปี 2561 ซึ่งเทียบเท่ากับ
8.8 พันล้านหน้าจอที่กำลังสตรีมภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยความละเอียด Ultra-HD/4K ในเวลาเดียวกัน
5.5 พันล้านคนที่กำลังรับชมภาพยนตร์ "Game of Thrones" ซีซั่น 4 ผ่านทางวิดีโอออนดีมานด์ในรูปแบบ HD หรือ 1.5 พันล้านคนที่กำลังรับชมในรูปแบบ Ultra-HD/4K
คลิปวิดีโอ 4.5 ล้านล้านคลิปบน YouTube และ
940 พันล้านล้านข้อความ (Text Message)
รายงานคาดการณ์ Cisco VNI ฉบับอัพเดตนี้ครอบคลุมแนวโน้มการเติบโตของแทรฟฟิกไอพีบนเครือข่ายพื้นฐานและการปรับใช้บริการทั่วโลก โดยนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับรายงานคาดการณ์แทรฟฟิกข้อมูลโมบายล์ทั่วโลก (Cisco VNI Global Mobile Data Traffic Forecast) ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อต้นปีนี้
ประเด็นสำคัญ การคาดการณ์แทรฟฟิกทั่วโลกและปัจจัยผลักดันการปรับใช้บริการ
แทรฟฟิกไอพี
โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ที่ไม่ใช่พีซีจะผลักดันแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ภายในปี 2561 โดยในปี 2556 ราว 33 เปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกไอพีเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ที่ไม่ใช่พีซี แต่ภายในปี 2561 สัดส่วนแทรฟฟิกจากอุปกรณ์ที่ไม่ใช่พีซีจะเพิ่มเป็น 57 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ แทรฟฟิกที่เกิดจากพีซีจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ขณะที่อุปกรณ์/การเชื่อมต่ออื่นๆ จะมีแทรฟฟิกเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า เช่น ทีวี (18 เปอร์เซ็นต์), แท็บเล็ต (74 เปอร์เซ็นต์), สมาร์ทโฟน (64 เปอร์เซ็นต์) และการเชื่อมต่อ M2M (84 เปอร์เซ็นต์)
แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตในชั่วโมงเร่งด่วนเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ย กล่าวคือ แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตในชั่วโมงเร่งด่วนเพิ่มขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์ในปี 2556 เทียบกับการเติบโต 25 เปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ย (Average Internet Traffic)
แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายในตัวเมืองแซงหน้าแทรฟฟิกบนเครือข่ายนอกเมืองหรือระยะไกล (Long-haul link) ในปี 2556 โดยแทรฟฟิกในเมืองจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าแทรฟฟิกระยะไกลเกือบ 2 เท่าในช่วงปี 2556 ถึง 2561 การเติบโตนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก Content Delivery Network ซึ่งจะรองรับมากกว่าครึ่งหนึ่งของแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตทั้งหมดภายในปี 2561
ไอพีวิดิโอ (IP Video)
ไอพีวิดีโอ (IP video) จะคิดเป็นสัดส่วน 79 เปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกไอพีทั้งหมดภายในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 66 เปอร์เซ็นต์ในปี 2556
วิดีโอ Ultra HD จะคิดเป็นสัดส่วน 11 เปอร์เซ็นต์ของวิดีโอไอพีภายในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 0.1 เปอร์เซ็นต์ในปี 2556 ส่วนวิดีโอ HD จะครองสัดส่วน 52 เปอร์เซ็นต์ของวิดีโอไอพีภายในปี 2561 (เพิ่มขึ้นจาก 36 เปอร์เซ็นต์) และ SD จะครองสัดส่วนที่เหลือ 37 เปอร์เซ็นต์ (ลดลงจาก 64 เปอร์เซ็นต์)
แทรฟฟิกไอพีตามประเภทการเข้าถึง
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi และเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะสร้างแทรฟฟิกไอพี 61 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 โดย Wi-Fi จะคิดเป็นสัดส่วน 49 เปอร์เซ็นต์ และเครือข่ายเซลลูลาร์มีสัดส่วนอยู่ที่ 12 เปอร์เซ็นต์ แทรฟฟิกบนเครือข่ายพื้นฐานจะมีสัดส่วนเพียง 39 เปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกไอพีทั้งหมดภายในปี 2561 และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว Wi-Fi อยู่ที่ 41 เปอร์เซ็นต์ เซลลูลาร์อยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ และเครือข่ายพื้นฐานอยู่ที่ 56 เปอร์เซ็นต์ในปี 2556
ปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi และเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะสร้างแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ต 76 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 โดย Wi-Fi จะคิดเป็นสัดส่วน 61 เปอร์เซ็นต์ และเครือข่ายเซลลูลาร์มีสัดส่วนอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ แทรฟฟิกบนเครือข่ายพื้นฐานจะมีสัดส่วนเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตทั้งหมดภายในปี 2561 และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว Wi-Fi อยู่ที่ 55 เปอร์เซ็นต์ เซลลูลาร์อยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ และเครือข่ายพื้นฐานอยู่ที่ 41 เปอร์เซ็นต์ในปี 2556
อุปกรณ์/การเชื่อมต่อ
ภายในปี 2561 จะมีการเชื่อมต่อเครือข่ายทั่วโลกเกือบ 21 พันล้านจุด (รวมถึงอุปกรณ์ส่วนบุคคลบนเครือข่ายพื้นฐาน/โมบายล์, การเชื่อมต่อ M2M และอื่นๆ) เพิ่มขึ้นจาก 12.4 พันล้านจุดเชื่อมต่อเมื่อปี 2556
ภายในปี 2561 จะมีอุปกรณ์บนเครือข่าย/การเชื่อมต่อทั่วโลก 2.7 จุดต่อประชากรหนึ่งคน เพิ่มขึ้นจาก 1.7 จุดต่อคนเมื่อปี 2556
จะมีการเชื่อมต่อ M2M ราว 7.3 พันล้านจุดทั่วโลก หรือเท่ากับการเชื่อมต่อ M2M เกือบ 1 จุดต่อคน (คาดการณ์จำนวนประชากร 7.6 พันล้านคนในปี 2561)
จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายพื้นฐานและโมบายล์ที่รองรับ IPv6 ราว 10 พันล้านเครื่องในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 2 พันล้านเครื่องในปี 2556
ความเร็วบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้น
ความเร็วบรอดแบนด์ทั่วโลกจะแตะระดับ 42 Mbps ภายในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 16 Mbps ในปี 2556
การเชื่อมต่อบรอดแบนด์ส่วนใหญ่คาดว่าอยู่ที่ 55 เปอร์เซ็นต์ จะเร็วกว่า 10 Mbps ภายในปี 2561 โดยความเร็วเฉลี่ยของบรอดแบนด์ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะแตะระดับ 100 Mbps ในปี 2561
การปรับใช้บริการขั้นสูง
‘วิดีโอออนไลน์’ จะเป็นบริการอินเทอร์เน็ตในที่พักอาศัยที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 10 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2556-2561 โดยจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านคนเป็น 1.9 พันล้านคนภายในปี 2561
การบริการตามตำแหน่งที่ตั้ง (Location-based Services) บนเครือข่ายโมบายล์ จะเป็นบริการโมบายล์สำหรับผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 36 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2556-2561 โดยจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นจาก 236 ล้านคนเป็นกว่า 1 พันล้านคนในปี 2561
‘การประชุมวิดีโอทางไกลบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์ส่วนบุคคล’ จะเป็นบริการอินเทอร์เน็ตสำหรับธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 45 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2556-2561 โดยจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นจาก 37 ล้านคนเป็น 238 ล้านคนในปี 2561
การคาดการณ์ที่สำคัญในการเติบโตในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) จะสร้างแทรฟฟิกไอพีมากที่สุดภายในปี 2561 โดยอยู่ที่ 47.6 เอ็กซาไบต์ (36 เปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกไอพีทั่วโลก) ต่อเดือน ด้วยจำนวนประชากรและจำนวนอุปกรณ์/การเชื่อมต่อมากที่สุดในโลก การใช้งานเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นของ APAC จะยังคงเป็นภูมิภาคที่สร้างแทรฟฟิกมากที่สุดจนถึงปี 2561
ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา (MEA) จะยังคงมีแทรฟฟิกไอพีเติบโตเร็วที่สุดในช่วงปี 2556 – 2561 โดยเพิ่มขึ้น 5 เท่า และอัตราเติบโตเฉลี่ย 38 เปอร์เซ็นต์
ภายในปี 2561 ประเทศที่สร้างแทรฟฟิกสูงสุดจะได้แก่ สหรัฐฯ ด้วยปริมาณแทรฟฟิก 37 เอ็กซาไบต์ต่อเดือน และจีน ซึ่งอยู่ที่ 18 เอ็กซาไบต์ต่อเดือน
ประเทศที่มีแทรฟฟิกไอพีเติบโตเร็วที่สุดคือ อินเดีย ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ย 39 เปอร์เซ็นต์ในช่วงตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2561 ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ซึ่งมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 37 เปอร์เซ็นต์
ผลกระทบสำหรับผู้ให้บริการ
เครือข่ายผู้ให้บริการจะต้องปรับตัวตามจำนวนอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น เช่น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และการเชื่อมต่อ M2M จะต้องได้รับการตรวจสอบรับรองเพื่อที่จะเข้าถึงเครือข่ายพื้นฐาน/โมบายล์ ด้วยการรักษาความปลอดภัยที่ปรับปรุงดีขึ้นและการจัดลำดับความสำคัญของบริการ
พัฒนาการของบริการวิดีโอขั้นสูง เช่น วิดีโอ HD/ultra HD อาจก่อให้เกิดความต้องการใหม่ๆ ในเรื่องของแบนด์วิธและการปรับขนาดอย่างยืดหยุ่นสำหรับผู้ให้บริการ โดยผู้ใช้ในที่พักอาศัย องค์กรธุรกิจ และผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงมีความต้องการที่สูงมากสำหรับบริการวิดีโอขั้นสูงบนเครือข่ายและอุปกรณ์ทุกประเภท โดยคุณภาพบริการ ความสะดวก และราคา คือปัจจัยที่สำคัญ
การปรับใช้วิดีโอในภาคธุรกิจ เช่น วิดีโอ HD และการประชุมผ่านวิดีโอบนเว็บ และ VoD เพื่อธุรกิจ อาจกระตุ้นการเติบโตมากขึ้นในส่วนของเน็ตเวิร์กเวอร์ช่วลไลเซชั่น และการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อรับส่งวิดีโอ โดยจะมีการขยายเครือข่ายสำหรับผู้ให้บริการพื้นฐานและผู้ให้บริการเสริม
การเติบโตของเครือข่าย 4G และการปรับใช้บริการในส่วนนี้อาจเติบโตในอัตราที่รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงต้องการประสบการณ์ทางด้านบริการและคอนเทนต์ที่คล้ายคลึงกันจากเครือข่ายพื้นฐานและเครือข่ายโมบายล์ ทั้งนี้ Wi-Fi จะยังคงมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในการรองรับแทรฟฟิกออฟโหลดสำหรับอุปกรณ์พกพาและการเชื่อมต่อ M2M หลากหลายประเภท
เครือข่ายไอพีจะต้องชาญฉลาดและยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่/รุ่นปรับปรุงสำหรับเครือข่ายพื้นฐานและเครือข่ายโมบายล์อย่างต่อเนื่อง ผู้ให้บริการจำนวนมากกำลังทำงานร่วมกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างจริงจังเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับการบริการ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่