แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 18 พฤศจิกายน 2557
ปี 2557 ที่ผ่านมานี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จสำหรับอินเทลและอุตสาหกรรมไอทีในภาพรวม โดยที่ตลาดในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรอบ ตัวเรา ทั้งในด้านที่สัมผัสได้โดยตรงอย่างศักยภาพของอุปกรณ์ที่เราพกพาและเครือข่าย Internet of Things (IoT) และด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งล้วนแล้วแต่นำพาเราให้ก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่หลากหลายเทคโนโลยีทำงานประสานกันเป็นหนึ่ง
เพื่อเป็นการส่งท้ายปี 2557 เราจะนำท่านย้อนไปทบทวนสิบเหตุการณ์สำคัญในรอบปีที่ผ่านมาของอินเทล ดังต่อไปนี้
อินเทลตั้งเป้าหมายการส่งมอบแท็บเล็ตที่ใช้ อินเทล® อะตอม™ โปรเซสเซอร์ 40 ล้านเครื่องในปี 2557
นายไบรอัน เคอซานิทช์ ซีอีโอของอินเทล ได้เปิดศักราชใหม่ในงานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ (CES) ด้วยการประกาศเป้าหมายอันท้าทายที่จะส่งมอบแท็บเล็ตที่ใช้หน่วยประมวลผลของอินเทลออกสู่ตลาดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 40 ล้านเครื่องในปี 2557 นี้ ซึ่งเป็นยอดที่สูงกว่าในปีก่อนหน้าถึง 30 ล้านเครื่อง ถึงแม้ว่า เป้าหมายใหม่นี้จะสูงกว่ายอดเดิมอย่างมาก แต่อินเทลก็กำลังจะประสบความสำเร็จได้ตามเป้า ด้วยนวัตกรรมด้านการพัฒนาหน่วยประมวลผลแบบ System-on-a-Chip (SOC) รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและการลงทุนเพื่อสนับสนุนศักยภาพในการพัฒนามากมาย เช่น การเปิดศูนย์นวัตกรรมสมาร์ทอุปกรณ์ของอินเทลในเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน และการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในกองทุนเพื่อการพัฒนานวัตกรรมสมาร์ทอุปกรณ์ในประเทศจีน เมื่อนับถึงช่วงสิ้นไตรมาสที่สามในปีนี้ อินเทลได้ส่งมอบแท็บเล็ตออกสู่ตลาดแล้วกว่า 30 ล้านเครื่อง มีแท็บเล็ตออกวางจำหน่ายกว่า 250 รุ่น ใน 150 ประเทศทั่วโลก
นวัตกรรมหน่วยประมวลผลบนอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ
อินเทลยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับหน่วยประมวลผลในอุปกรณ์พกพา เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ มีประสิทธิ ภาพสูงขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น และมีคุณสมบัติที่หลากหลายกว่าเดิม ทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่บางเบา พกพาได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นในรูปของคอมพิวเตอร์พีซี แล็ปท็อป อัลตราบุ๊ค แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์แบบทูอินวันก็ตาม
ในปีนี้ อินเทลเป็นผู้พัฒนาหน่วยประมวลผลรายแรกของโลกที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ระดับ 14 นาโนเมตร โดยอุปกรณ์รุ่นแรกๆ ที่ใช้ Intel® Core™ M processors (อินเทล® คอร์™ เอ็ม โปรเซสเซอร์) จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงสิ้นปีนี้ ตามด้วยผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นๆ จะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเต็มรูปแบบยิ่งขึ้นในช่วงต้นปี 2558 ทั้งนี้ แบรนด์ผู้ผลิตหลายรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เผยโฉมอุปกรณ์ที่ใช้ อินเทล คอร์ เอ็ม โปรเซสเซอร์ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ Lenovo® Yoga 3 Pro, Acer Aspire Switch 12 และAsus Zenbook UX305.
ขณะเดียวกัน ยังได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์ที่ใช้ชิป Intel® Atom™ processor Z3000 series (อินเทล® อะตอม™ Z3000 ชื่อรหัส เบย์ เทรล) เพื่อเสริมสมรรถนะและมอบประสบการณ์การใช้งานของอุปกรณ์ขนาดพกพาที่ใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 และแอนดรอยด์ นอกจากนี้ อินเทลยังได้เปิดตัวชิป เซ็ตโมเด็มเทคโนโลยี LTE-Advanced รุ่น XMM™ 7260 ในสมาร์ทโฟน ซัมซุง กาแลคซี่ อัลฟ่า โดยโมเด็ม LTE-Advanced รุ่นนี้ ได้ผ่านการรับรองโดยไชน่า โมบาย ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน จึงเปิดโอกาสให้อินเทลได้เข้าไปมีบทบาททำงานร่วมกับหนึ่งในตลาด LTE ที่คึกคักที่สุดในโลก
สร้างสรรค์เทคโนโลยีสำหรับทุกคน
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกลุ่มประสิทธิภาพเบื้องต้นและราคาไม่สูง อินเทลได้เปิดตัว SoFIA ชิป SoC สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระดับพื้นฐานที่รวมหน่วยประมวลผลอินเทล® อะตอม™ แบบดูอัลคอร์เข้ากับโมเด็ม 3G ที่ใช้งานได้กับทุกคลื่นความถี่ทั่วโลก ชิป SoFIA นี้ พัฒนาขึ้นในประเทศสิงคโปร์ จึงถือเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นในทวีปเอเชีย โดยจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุปกรณ์คุณภาพในระดับราคาที่เหมาะสมกับตลาดในประเทศกำลังพัฒนา
และในปี 2558 อินเทลก็มีแผนที่จะเปิดตัวชิป SoFIA แบบควอดคอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างอินเทลและร็อคชิพ ผู้พัฒนาหน่วยประมวลผลเซมิคอนดักเตอร์จากประเทศจีนจะเปิดโอกาสให้เราได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านสถาปัตยกรรมระบบและการสื่อสารอย่างกว้างขวางและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านทางแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่มีราคาต่ำ โดยเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้นับรวมถึงชิป SoFIA ควอดคอร์รุ่น 3G ที่มีกำหนดเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2558
สานต่อมรดกแห่งนวัตกรรม
อินเทลยังคงพัฒนาชิปประมวลผลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกฎของมัวร์ ด้วยการลงทุนในนวัตกรรมล่าสุดสำหรับทุกตลาด ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน การใช้พลังงาน จำนวนทรานซิสเตอร์ และความคุ้มค่า ความก้าวหน้าในด้านต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิป อย่างไม่หยุดยั้ง จนนำไปสู่การนำหน่วยประมวลผลเทคโนโลยี 14 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลกเข้าสู่สายการ ผลิตก่อนคู่แข่งทุกรายในตลาด ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ผลิตอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงที่ทำงานโดยใช้พลังงานเพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับ Internet of Things
เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ Pentium® (เพนเทียม®) อันเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของอินเทล เราจึงได้เปิดตัวชิปประมวลผลเพนเทียม G3258 รุ่นพิเศษ ที่ผู้ใช้สามารถโอเวอร์คล็อกได้
ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน
อินเทลได้เปิดตัวเทคโนโลยี RealSense™ (เรียลเซนส์) เพื่อยกระดับนวัตกรรมด้านการรับคำสั่งจากสภาพ แวดล้อมของอุปกรณ์ต่างๆ (หรือ Perceptual Computing) ผ่านทางคุณสมบัติอย่างระบบกล้องที่สามารถอ่านความลึกจากภาพได้ทำให้สามารถรับคำสั่งจากท่าทางมือของผู้ใช้ แผงไมโครโฟนคู่ เทคโนโลยีสแกนภาพสามมิติ จดจำใบหน้าผู้ใช้ และระบบรับคำสั่งด้วยเสียง คุณสมบัติทั้งหมดของ RealSense™ ทำให้เราสามารถพัฒนาอุปกรณ์รูปแบบใหม่ที่เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ จึงถือเป็นการบุกเบิกยุคใหม่อย่างแท้จริง ขณะนี้ มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระกว่า 60 ราย ที่กำลังสร้างสรรค์โซลูชั่นต่างๆ สำหรับแพลตฟอร์มนี้ ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้งานเทคโนโลยี RealSense™ รุ่นแรกอย่างแท็บเล็ต Dell Venue 8 7000 Series (เดลล์ เวนิว 8 7000 ซีรีส์) ก็ได้เปิดตัวออกสู่สายตาชาวโลกไปเป็นที่เรียบร้อยในงานไอดีเอฟ ทั้งนี้ อินเทลยังได้ประกาศการพัฒนาเทคโนโลยีอีกมากมายเพื่อพลิกโฉมการใช้งานคอมพิวเตอร์พีซีให้กลายเป็นประสบการณ์แบบไร้สายที่สมบูรณ์แบบ และขจัดความวุ่นวายของสายไฟและสายเคเบิลเชื่อมต่ออุปกรณ์ชนิดต่างๆ ส่วนเทคโนโลยีสแกนม่านตา ActiveIRIS® (แอคทีฟไอริส) ที่นำมาจัดแสดงบนสมาร์ทโฟนรุ่นต้นแบบที่ใช้ชิปประมวลผล Intel® Atom™ Z3500 processor series ก็ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ด้านความปลอดภัยที่ทั้งรวดเร็วและเชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน
บุกเบิกอุปกรณ์เพื่อการสวมใส่
นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าตลาดอุปกรณ์ประมวลผลเพื่อการสวมใส่ ( wearables) จะเติบโตขึ้นถึง 4 เท่า ตัวภายในปี 2560 ด้วยเหตุนี้ อินเทลจึงเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีหลายราย ไม่ว่าจะเป็น Fossil Group, Inc*, Opening Ceremony* และ SMS Audio LLC* เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ประมวบผลเพื่อการสวมใส่สำหรับการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากนี้ อินเทลยังได้ซื้อกิจการของบริษัท BASIS Science Inc ผู้พัฒนาอุปกรณ์เก็บข้อมูลด้านสุขภาพที่ล้ำยุคที่สุดอย่าง Basis band.
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในตลาดอุปกรณ์เพื่อการสวมใส่และเซนเซอร์ตรวจจับต่างๆ อินเทลจึงได้จัดตั้งโครงการและการแข่งขันในด้านดังกล่าวมากมาย ทั้งในรายการ Make it Wearable, Analytics for Wearables และ RealSense Technology App ส่วนการเปิดตัว Intel® Edison (อินเทล® เอดิสัน) คอมพิวเตอร์ดูอัลคอร์ขนาดจิ๋วที่ใช้หน่วยประมวลผลควาร์ก (Quark-based computer) มีราคาต่ำ และมีรูปร่างและขนาดเท่ากับเอสดีการ์ดทั่วไป ก็ถือเป็นการสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ในวงการนี้เช่นกัน
เชื่อมต่อเครือข่ายแห่งอนาคต
เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) จะเชื่อมต่อสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ กว่า 50,000 ล้านชิ้นเข้าด้วยกันภายในปี 2563 และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น อินเทลได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Open Interconnect Consortium และ Industrial Internet Consortium เพื่อร่วมสนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยีดังกล่าวและผลักดันให้เกิดการสร้างมาตรฐานสำหรับการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ อินเทลยังได้จับมือกับพันธมิตรหลายรายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีเครือข่ายไปใช้งานอย่างกว้างขวางในหลากหลายอุตสาหกรรม ดังเช่นในโครงการวิจัยร่วม Project Mobii ซึ่งเป็นการร่วมค้นคว้าวิจัยด้านยานยนต์อัจฉริยะร่วมกับฟอร์ด
นอกจากนี้ อินเทลและมิตซูบิชิ อิเล็กทริก ยังได้ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้งานเทคโนโลยี IoT แบบครบวงจร ควบคู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบดังกล่าว ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันนำระบบอัตโนมัติรูปแบบใหม่นี้มาทดลองใช้ที่โรงงานของอินเทลในประเทศมาเลเซีย เพื่อพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ของเทคโนโลยี IoT ในภาคธุรกิจ ทั้งการใช้งานเครื่องจักรกลที่ต่อเนื่องและยาวนานยิ่งขึ้น ศักยภาพการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้น และการวางแผนซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่างๆ ล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบจะเสื่อมสภาพลงจนไม่สามารถใช้งานได้
เปิดโลกใหม่กับ “บิ๊ก ดาต้า”
อินเทลได้เปิดตัวชิปประมวลผลตระกูล Intel® Xeon® processor E7 v2 (อินเทล ซีออน E7 V2 โปรเซสเซอร์) และ Intel® Xeon® processor E5-2600/1600 v3 (อินเทล ซีออน E5-2600/1600 V3 โปรเซสเซอร์) ออกสู่ตลาดเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน กว่าร้อยละ 81 ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด 500 เครื่องทั่วโลก เลือกใช้ชิปประมวลผลจากอินเทล และชิปรุ่นใหม่เหล่านี้ก็จะเข้ามาตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของผู้ใช้งานระบบศูนย์ข้อมูล (data center) เพื่อให้สามารถรับมือได้กับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการใช้พลังงานและความปลอดภัยอีกด้วย
ผู้นำแห่งอนาคต
อินเทลเชื่อว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นหัวใจของการสร้างสรรค์นวัตกรรม ดังจะเห็นได้จากงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนานาชาติของอินเทล (Intel ISEF) ซึ่งเป็นการแข่งขันโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมปลายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปีนี้ นาธาน ฮาน วัย 15 ปี สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศไปครองได้สำเร็จจากผลงานซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษาวิจัยการกลายพันธุ์ของยีนอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านม ส่วนในปีนี้ โครงงานวิทยาศาสตร์ “ผลของสารจากพืชบางชนิดที่มีต่อเปอร์เซ็นต์การฟักเป็นตัวของไข่และการตายของหอยเชอร์รี่ หอยทากสยาม และหอยทากยักษ์แอฟริกา” โดยนายวันทา กำลัง และนายภัทรพงศ์ ลิมปวัฒนะ จาก โรงเรียนพนมสารคามพนมอดุลวิทยา ประเทศไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศมูลค่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นรางวัลที่ 4 ในหมวดพืชวิทยา
บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกเป็นองค์กรดีเด่นผู้ทำประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน ในสาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี จากทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รางวัลอันทรงเกียรตินี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีในหมู่เยาวชน ซึ่งรวมไปถึงการสนับสนุนการแข่งขันวิทยาศาสตร์ระดับชาติของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เช่นเดียวกับการสนับสนุนการพัฒนาศูนย์สะเต็มศึกษาในประเทศไทย (สะเต็มศึกษาประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีวิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์)
เพื่อโลกในอนาคตที่ดีกว่า
นอกจากความสำเร็จในด้านนวัตกรรมแล้ว อินเทลยังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยเทคโนโลยี โดยบริษัทได้ประกาศแผนงานที่จะยุติการนำเข้าแร่วัตถุดิบจากพื้นที่ภายใต้ข้อขัดแย้ง (conflict minerals) ในทุกขั้นตอนการผลิต และยังได้รับเลือกให้เป็นองค์กรดีเด่นอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนอีกด้วย
อินเทลยังคงมุ่งมั่นในการลดช่องว่างด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีและเสริมสร้างความเท่าเทียมทางสิทธิระหว่างชายและหญิง ผ่านการเปิดโอกาสให้เด็กผู้หญิงในหลายประเทศทั่วโลกได้พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ และก้าวเดินสู่อนาคตได้อย่างมั่นใจ สำหรับประเทศไทย อินเทลได้ร่วมมือกับ Plan International ในโครงการ Intel® Learn Easy Steps เพื่อเปิดศูนย์ฝึกอบรมอาชีวศึกษา 2 แห่ง (จังหวัดระยองและนครปฐม) เยาวชนหญิงในศูนย์ฝึกอบรมทั้งสองแห่งนี้ได้ทำงานร่วมกันและริเริ่มธุรกิจขนาดเล็ก โดยใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีในการพัฒนาแผนธุรกิจ การคำนวณต้นทุน และการติดตามการดำเนินงานธุรกิจ นอกจากนี้ อินเทลร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ในการพัฒนาและทดสอบค่ายต้นแบบฝึกสอนการเขียนแอพพลิเคชั่นมือถือสำหรับเยาวชนหญิงในระดับมัธยมต้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหญิงเหล่านี้เห็นภาพว่าตนเองสามารถเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีได้ในอนาคตได้เช่นเดียวกัน
ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา อินเทลได้ร่วมอบรมและเสริมศักยภาพให้กับบุคลากรครูกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก เพื้อสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้แก่การพัฒนาศึกษาในอนาคต ในปีนี้ อินเทล ประเทศไทย ได้เปลี่ยนรูปแบบการอบรมเป็นแบบออนไลน์ด้วยหลักสูตร Intel Teach Element นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรฝึกอบรม Intel Educate Future Scientists ที่กำลังเริ่มใช้ในปีนี้ โดยเป็นการร่วมมือการระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติและองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) อินเทลได้เปิดโครงการความร่วมมือในการเร่งการพัฒนาสะเต็มศึกษา (STEM Acceleration Partnership) ด้วยการทำงานร่วมกับหลากหลายสถาบันโดยเฉพาะ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพื่อส่งเสริมสะเต็มศึกษาในประเทศไทย
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.thailand.intel.com วันที่ : 18 พฤศจิกายน 2557
รีวิวกล้องวงจรปิด tp-link VIGI C540-4G ติดตั้งภายนอกได้ มีกันน้ำ IP66 แสดงภาพสีสันคมชัด แม้กลางคื...
Intel เปิดตัว CPU โน้ตบุ๊ค Core 14th Gen (Raptor Lake Refresh) เน้นเกมมิ่งแรง ๆ
Lenovo Project Crystal โน้ตบุ๊คหน้าจอใส ต้นแบบเทคโนโลยีในอนาคต
OPPO Air Glass 3 XR แว่นตาอัจฉริยะ มุ่งสู่โลกของเทคโนโลยี XR เต็มรูปแบบ
ThinkBook Plus Gen 5 Hybrid แล็ปท็อป 2-in-1 ขุมพลังที่เหนือระดับ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
nubia Neo 2 5G ชิปเกมมิ่ง 5G Unisoc T820 แรมรอมใหญ่สะใจ แบตเตอรี่ 6,000mAh
Samsung Galaxy M14 4G กล้องหลัง AI 3 ตัว 50MP ปรับชิปเซ็ตเป็น Snapdragon 680
Samsung Galaxy A55 5G และ Galaxy A35 5G มือถือเรทหมื่นกลางตัวแม่ตัวมัม ถ่าย VDO 4K ได้ดีที่สุด
iQOO Z9 5G สมาร์ทโฟนชิปเซ็ต Dimensity 7200 กล้องหลัง 50MP กันสั่น OIS
Samsung Galaxy M15 5G รุ่นต่อของแบตฯ ความจุ 6000mAh กับชิปเซ็ต Dimensity 6100+ เร็วแรงขึ้นกว่าเดิม
POCO C61 สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น ได้จอ 90Hz กล้อง AI แบตเตอรี่ 5,000mAh28 มี.ค. 67 15:00
เปิดตัวแล้วแบบเงียบๆ Samsung Galaxy Tab S6 Lite (2024)28 มี.ค. 67 11:00