หมวดอื่นๆ (Other)  |   วันที่ : 11 สิงหาคม 2558

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเร่งเพิ่มประสิทธิภาพให้เอสเอ็มอี ส่งโปรแกรมอีอาร์พี ฟรี ให้ผู้ประกอบการใช้งาน หวังยกระดับการแข่งขัน ประเดิมปีแรก 100 ราย บริหารงาน ผ่านออนไลน์ได้ทันที มธ.ยันปรับซอฟต์แวร์เข้ากับรายเล็กแล้ว ซีเอส ล็อกซอินโฟ พร้อมวางระบบคลาวด์เต็มรูปแบบ

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ กสอ. เปิดเผยว่า จากการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยเพิ่มศักยภาพทางด้านการแข่งขันด้วยการนำระบบไอทีมาใช้ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP เป็นชุดโปรแกรมเบื้องต้นที่จะทำให้ภาคธุรกิจสามารถทำงานอย่างเป็นระบบและยกระดับการพัฒนาได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากที่ผ่านมาระบบนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงทำให้มีเพียงบริษัทใหญ่ๆ ที่มีต้นทุนการดำเนินการสูงเท่านั้นที่จะยอมลงทุน แต่ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจ SMEs กลับต้องเลือกใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะด้านขนาดเล็ก ดังนั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงได้จัดตั้งโครงการ “ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs)” ขึ้น โดยมีระบบ ERP ให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กได้ใช้งานโดยไม่คิดมูลค่าในปีแรก

โครงการระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย นั้นทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะร่วมมือกับวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะรับผิดชอบด้านการบริหารโครงการ การจัดหาซอฟต์แวร์ ERP ที่เหมาะสมมาปรับแต่งให้เข้ากับธุรกิจ SMEs ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจปกติ รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง จัดอบรมผู้ประกอบการ และอื่นๆ โดยมี บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ดูแลทางด้านการเป็นศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือ Data Center จัดระบบให้ซอฟต์แวร์ ERP นี้เข้าสู่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่จะทำให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าใช้งานซอฟต์แวร์โดยไม่ต้องติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ ลงโปรแกรม และดูแลอุปกรณ์เครือข่ายเอง โดยในปีแรก จะใช้งบประมาณสนับสนุนประมาณ 5 ล้านบาท

ระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย ที่จะให้กลุ่ม SMEs เข้ามาใช้ฟรีในโครงการนี้จะประกอบด้วย ระบบการซื้อ-ขาย, ระบบงานผลิตสินค้า, ระบบบัญชี, ระบบการจ่ายชำระ รวมถึงระบบการจัดเก็บเอกสาร เป็นภาพรวมระบบ ที่ใช้ในการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรโดยรวมหรืออีกนัยหนึ่ง คือช่วยการบริหารเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดของทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรผ่านการบูรณาการ (Integrate) เข้าด้วยกันและสามารถเชื่อมโยง ณ เวลานั้นทันที (Real Time) ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งแต่ละ SMEs สามารถเลือกใช้ระบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของธุรกิจตนเองในขณะนั้นได้ ซึ่งเมื่อธุรกิจได้ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ในโครงการแล้วต้องการจะเข้าสู่ระบบ ERP แบบเต็มที่มีจำหน่ายในตลาดปัจจุบันก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากโครงการไปใช้งานได้ทันที เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดจะถูกออกแบบมาให้เป็นระบบเปิดสามารถใช้งานกับโปรแกรมทั่วไปได้ทันที

โครงการนี้จะช่วยให้ SMEs ไทยสามารถใช้ระบบไอทีมาใช้งาน โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ยอมรับได้ โดยประหยัดต้นทุนในการลงทุนซื้อซอฟต์แวร์ระบบ ERP มาใช้งานได้เฉลี่ยรายละ 30,000 บาท ซึ่งในปีนี้ได้ส่งเสริม SMEs ใช้ระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย จำนวน 100 ราย รวมลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการ กว่า 60 รายเข้าร่วมในโครงการแล้ว

สำหรับแผนงานในปีต่อไปนั้น ทาง กสอ. ยังจะคงร่วมมือกับพันธมิตรทำโครงการนี้ต่อไป และจะมีการเพิ่มจำนวน SMEs ที่จะเข้ามาใช้งานโปรแกรม ERP เพิ่มมากขึ้นจากปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายที่ 150 ราย และจะยังคงคุณสมบัติการคัดเลือกกิจการแบบเดิมคือ เป็นได้ทั้งโรงงานขนาดเล็กและกิจการทั่วไป แต่จะมีการเพิ่มกิจกรรมพิเศษสำหรับรายที่ต้องการใช้โปรแกรมดังกล่าวในแบบก้าวหน้าและมีการนำโปรแกรมไปปรับแต่งให้เหมาะสมกับกิจการตัวเองมากขึ้น หรือการ Customize โดยจะมีที่ปรึกษามาอบรมและเขียนโปรแกรมในจำนวนชั่วโมงที่ระบุซึ่งผู้ที่จะใช้บริการในส่วนนี้อาจเป็นทั้งรายเก่าที่เข้ามาใช้งานในปีนี้หรือรายใหม่เพิ่งจะเข้ามา ซึ่งในรายละเอียด จะมีการประกาศก่อนเริ่มโครงการในปีหน้าต่อไป

ผศ.ดร.จิรพล สังข์โพธิ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและวิจัย วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ในโครงการนี้วิทยาลัยนวัตกรรมได้จัดหาซอฟต์แวร์ ERP ที่เหมาะสมกับกลุ่ม SMEs ขนาดเล็กมาดำเนินการ เนื่องจากกลุ่ม SMEs ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้งาน ERP ในภาคปกติที่มีราคาแพงได้ และ ERP ในปัจจุบันที่ใช้งานบนคลาวด์คอมพิวติ้งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากการเขียนโปรแกรมต้องทำให้เป็นระบบเปิด สามารถโอนถ่ายข้อมูลไปยังระบบอื่นได้ โดยทำงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้นสถาปัตยกรรมที่วิทยาลัยนวัตกรรมนำมาใช้จึงต้องสร้างให้ตรงตามมาตรฐาน และต้องออกแบบให้ผู้ที่ไม่เคยใช้ ERP สามารถเข้ามาใช้งานได้ง่ายดายที่สุด ไม่มีความซับซ้อน และต้องหาระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่เชื่อใจได้ มีความเสถียรให้กับผู้ใช้งานมากที่สุด และจะมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวนี้ไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถปรับแต่งเพื่อใช้งานเฉพาะองค์กรได้ในอนาคต

นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโครงการนี้ต้องการระบบบริการด้านคลาวด์คอมพิวติ้งแบบครบวงจร โดยที่มีผู้ใช้งานระบบซอฟต์แวร์ตลอด 24x7 หรือตลอดเวลา ถึง 100 ราย และเป็นระบบที่ต้องสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการล่มเนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์ภาคธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการประกอบการโดยตรง ดังนั้น ซีเอส ล็อกซอินโฟ จะใช้ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 3 แห่งเป็นฐานทั้งที่อาคารไซเบอร์เวิร์ลด, อาคาร CAT Telecom Tower, อาคารเดอะคลาวด์ (The Cloud) ซึ่งมีพื้นที่เกือบ 2,000 ตารางเมตร และยังมีพื้นที่สำนักงานสำรองหากเกิดภาวะวิกฤต (Disaster Recovery site)

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการ“ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs)” นี้เป็นการขานรับนโยบาย ยุคดิจิทัลอีโคโน ผ่าน 5 แผนงาน อันได้แก่ 1. ผู้ประกอบการใหม่ด้านดิจิทัล (New Digital Entrepreneur) 2. SMEs อัจฉริยะ (Intelligence SMEs) 3. ดิจิทัลเพื่อวิสาหกิจชุมชน (Digital OTOP) 4. สังคมแห่งการเรียนรู้ด้วยดิจิตอล (Digital Knowledge Society) 5. ที่ปรึกษาธุรกิจโลกไซเบอร์ (Cyber Service Provider) ซึ่งผลการดำเนินงานทั้ง 5 กิจกรรมนี้ สามารถผลักดัน และส่งเสริมให้ SMEs ไทย สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Digital ในการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ การใช้งานซอฟต์แวร์ ERP ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งนั้น จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) แก้ไขปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น จากค่าแรงงาน วัตถุดิบ ค่าขนส่ง และอื่นๆ รวมทั้งปัญหาพื้นฐานจากการทำงาน อาทิ มีวัตถุดิบไม่พอใช้ในการผลิต ทำการผลิตสินค้าไม่ทันตามกำหนดส่งจำนวนของ สต๊อกสินค้าไม่ถูกต้อง มีการทำงานที่ซ้ำซ้อน ขาดการวางแผนและควบการผลิตที่มีประสิทธิภาพไม่สามารถปิดบัญชีได้เนื่องจากเอกสารไม่ครบ หรือล่าช้า ผู้บริหารได้รับรายงานจำเป็นล่าช้า ไม่ถูกต้อง และไม่ครบถ้วน

ส่วนระบบความปลอดภัยของข้อมูลทางด้านผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งนั้น มีมาตรฐานสากล ISO 9001 เรื่องการจัดการคุณภาพในการให้บริการ พร้อมทั้ง ISO 27001 มาตรฐานเกี่ยวกับระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล และ ISO20000 มาตรฐานระบบการจัดการบริการด้านไอทีทำให้ผู้ประกอบการสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ประกอบการจะไม่สูญหายหรือถูกคัดลอกแต่อย่างใด

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในโครงการ ระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย สามารถดูได้ที่ www.erpbydip.com หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-263-8229

นอกจากโครงการ ERP by DIP แล้ว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีกิจกรรมต่างๆภายใต้โครงการ Digital SMEs ซึ่งช่วยต่อยอดในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งเป็นช่องทางในการสร้างและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEsทั้งยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจ ทั้งข้อมูลนโยบายจากหน่วยงานภาครัฐ องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศและเป็นการยกระดับสินค้าและบริการของธุรกิจ SMEs ให้ก้าวเข้าสู่ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศสามารถเข้าไปดูข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ www.dip.go.th

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มือถือออกใหม่