สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 11 มิถุนายน 2559

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ก็กลายเป็นเรื่องใหม่ของวงการสมาร์ทโฟนอีกแล้ว สำหรับดีไวซ์ที่ปราศจากการมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร โดยเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา (คืนวันที่ 10 มิ.ย.) บริษัท Motorola ภายใต้การดูแลของแบรนด์ Lenovo สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการเปิดตัวสองรุ่นใหม่ ที่เลือกใช้ USB Type-C ในการชาร์จแบตเตอรี่และการฟังเพลงด้วยหูฟัง นั่นหมายความว่าเราจะต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่สามารถทำพร้อมกันได้เหมือนเดิมแล้วเพราะฉะนั้นมาลองแชร์ความคิดเห็นกันครับว่า "ยังจำเป็นอีกหรือไม่สำหรับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม." ....? 

ดังนั้นเรามาดูกันหน่อยครับว่าทำไมหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรถึงต้องหมดยุค 

เนื่องจากสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ดิจิตอล ทว่าเสียงที่ออกมาจากหูฟังส่วนใหญ่ก็ยังเป็นระบบอนาล็อก เพราะฉะนั้นภายในสมาร์ทโฟน จึงจะมีตัวแปลงสัญญาณจากดิจิตอลมาเป็นอนาล็อก หรือ Digital-to-Analog Converter (DAC) รวมถึงเครื่องขยายเสียงทำงานร่วมกัน เพื่อขับเสียงให้กับผู้ฟังผ่านลำโพงหรือหูฟัง และด้วยข้อจำกัดดังกล่าวจึงนำ USB Type-C มาแก้ปัญหา

และก็เชื่อว่ายังมีใครหลายคนสงสัย ว่าทำไมเพลงเพลงเดียวกัน แต่เสียงที่ได้ยินออกมาถึงมีความไพ เราะไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์จะมีชิปเซ็ตไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้พลังเสียงแต่ละท่วงทำนองจะแตกต่างกันตามคุณภาพของอุปกรณ์ภาย ใน ดังนั้นหลายคนจึงตั้งคำถามว่า "รุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ตเสียงอะไรครับเนื่องจากเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เสียงน่าฟัง" 

 

นอกจากนี้การไม่มีช่องเสียบหูฟัง จะทำให้แต่ละแบรนด์สามารถผลิตสมาร์ทโฟนได้บางลงอีก รวมถึงมีพื้นที่ว่างภายในมากขึ้น ทำให้นำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใดๆ มาใส่แทนที่เพื่อสร้างจุดขายเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกับการนำลูกเล่นต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับเหล่าอุปกรณ์เสริมที่อนาคตจะมีบทบาทมากขึ้น อีกทั้งพอร์ตเชื่อมต่อที่เดียวก็เพียงพอ โดยใช้ทั้งชาร์จและใช้เพื่อความบันเทิง

อย่างที่บอกเหตุผลก่อนหน้านี้ "เรื่องราวของอุปกรณ์เสริม" การใช้งานสมาร์ทโฟนให้มีประสิทธิภาพคุ้มค่าก็จะต้องมีการนำอุปกรณ์เสริมทั้งหลาย ดังนั้นเมื่อพอร์ต USB Type-C สามารถทำได้ครอบจักร วาล และท่าทีในอนาคตคาดว่าจะแทนที่ MicroUSB 2.0 แน่นอนรวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ย่อมเกิดขึ้น เพื่อสร้างทางเลือกหรือจุดขายของตนเอง และที่สำคัญ Make Money... 

เหตุผลสุดท้ายคือ ต้องเสียพื้นที่ให้กับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถพัฒนา หรือทำอะไรได้มากกว่านี้อีก ที่สำคัญคือมันล้าหลัง เนื่องจากเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไปไกลเกินกว่าจะมาพัฒนาแล้ว

แล้วการฟังเพลงด้วยหูฟังพอร์ต USB Typc-C มีข้อดีกว่าการฟังแบบเดิมๆ อย่างไร

  • คุณภาพเสียงดีกว่า เนื่องจากมีชิปเซ็ตเฉพาะที่ออกแบบได้เต็มที่ โดยที่ไม่ต้องพะวงพื้นที่ที่จะต้องเผื่อไว้สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนกับในสมาร์ทโฟน
  • ระบบตัดเสียงรบกวนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และไม่ต้องพึ่งพาแบตเตอรี่เหมือนกับชุดหูฟังบลูทูธ
  • อาจมีส่วนเสริมเพิ่มเติม หรือลูกเล่นต่างๆ เพราะพอร์ต USB Type-C ถูกยกให้เป็นมาตรฐาน Universal

 

ข้อเสียคืออะไร ทำไมไม่ควรให้ Headphone USB Type-C มาแทนที่หูฟัง 3.5 มม.

  • อุปกรณ์ยังมีราคาแพง เมื่อเทียบกับหูฟังขนาด 3.5 มม.
  • หาซื้อได้ยาก ตัวเลือกมีค่อนข้างจำกัด
  • บางทีอาจต้องมองหาเครื่องเสียงที่บ้านใหม่ หากไม่มีอะแดปเตอร์แปลง USB Type-C ไปเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
  • ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถชาร์จแบตฯ หรือฟังเพลงพร้อมกันได้

 

เรียกได้ว่า USB Type-C เริ่มได้รับความนิยมจากหลายแบรนด์ และในอนาคตจะต้องหมดยุค Micro USB 2.0 อย่างแน่นอน นอกจากนี้การมาของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อดังกล่าวยังจะต้องส่งผลไปต่ออุปกรณ์อื่นๆ ด้วย อาทิ เครื่องเสียง, อุปกรณ์ภายในรถยนต์, ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน เป็นต้น ให้มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยนั่นหมายความว่าอาจมีการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ๆ เข้ามาผสมผสานการทำ งานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แล้วคนอื่นคิดว่ายังไงกันบ้างครับ อยากให้ใช้ USB Type-C กันเป็นมาตร ฐานสากลได้แล้ว หรือควรจะมีช่องเสียบ 3.5 มม. เหมือนเดิม

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่