[มาทำความรู้จัก] Asus ZenFone 3 / ZenFone 3 Ultra/ ZenFone 3 Deluxe ก่อนเปิดตัวในไทย 2 สิงหาคม!!

ถือเป็นข่าวดีสำหรับเหล่าสาวก ZenFone ไม่น้อยเลยทีเดียวโดยบริษัท Asus ประเทศไทยประกาศว่าในวันที่ 2 สิงหาคมศกนี้ จะมีการเปิดตัวครอบครัว ZenFone 3 ทั้งสามสไตล์และก็โน็ตบุ๊คโฉมใหม่ล่าสุด Zenbook อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการต้อนรับซีรีย์สมาร์ทโฟนดังกล่าว จึงขอพามาทำความรู้จักให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ ซึ่งผู้เขียนเองคาดว่าน่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคมแน่นอน เนื่องจากยังมีอีกสองรุ่นที่น่าจะนำมาให้จับจองเช่นกันช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ได้แก่ ZenFone 3 Laser และ ZenFone 3 Max รายละเอียดต่างๆ มาเริ่มกันเลย

ย้อนรอยกันหน่อยครอบครัว ZenFone 3 เปิดตัวเมื่อใด

สำหรับทั้งสามรุ่นสามสไตล์ได้เปิดตัวในงาน Computex 2016 ณ นครไทเป ประเทศไต้หวัน โดยแต่ละรุ่นก็จะมีคอนเซปต์การออกแบบแตกต่างกันไป อย่าง ZenFone 3 : Agility, Beauty, Clarity หรือแปลได้ว่าความรวดเร็ว, ความสวยงาม, ความบริสุทธิ์

ส่วน ZenFone 3 Ultra : Unleashed, Unlimited, Unrivaled หรือแปลว่า ปลดปล่อย, ไม่จำกัด, หาที่เปรียบไม่ได้

สุดท้าย ZenFone 3 Deluxe : Determined, Desirable, Distinguished หรือแปลว่า มั่นคง, เป็นที่พึ่งปราถนา, โดดเด่น

ลำดับต่อไปมาดูเรื่องราวของจุดเด่นทั้งสามรุ่นกันบ้าง...? 

สำหรับ ZenFone 3 มีหน่วยประมวลผลพลังมังกรบนเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตรซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานกว่า 35% และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสามารถสแกนได้รอบทิศทาง 360 องศา พร้อมทั้งประยุกต์ใช้งานกับแอพพลิเคชั่นได้ นอกจากนี้ระบบเสียง Sonic Master เล่นไฟล์เสียงเกรด 24 บิต / 192kHz และมีระบบ Game Genie ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ทั้งถ่ายทอดการเล่นเกม (Live) ลง YouTube หรือ Twitch ได้ด้วย 

ขณะที่ ZenFone 3 Ultra มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Tru2Life+ หรือ true-to-life images หมายถึงการแสดงภาพที่สมจริงให้ความคมชัดเป็นธรรมชาติ โดยอยู่ในกระบวนการแบบเดียวกับการประมวลผลในโทรทัศน์ระดับ 4K TV-grade ส่วนตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมด แต่ไร้เส้นสัญญาณอากาศ รวมถึงระบบเสียงทั้ง Hi-Res Audio, dts Headphone x และ dts-HD Premium Sound และแบตเตอรี่ความจุถึง 4,600 mAh พร้อมระบบ Quick Charge 3.0 รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือจะย้ายมาอยู่ด้านหน้าที่ปุ่มโฮม แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่อยู่ด้านหลัง

หมายเหตุ : หูฟังสามารถฟังด้วยระบบเสียง 7.1

ZenFone 3 Deluxe : ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจของผู้ใช้ที่ชื่นชอบการเก็บไฟล์โดยก็มีหน่วยความจำภายในแบ่งออกเป็น 64GB/128GB/256GB และยังรองรับ MicroSD Card อีก 128GB นอกจากนี้มาพร้อม Ram ถึง 6GB เลยทีเดียว และไฮไลท์สุดท้าย คือชิปเซ็ต Snapdragon 820 กับ 821 ส่วนจะนำชิปเซ็ตรุ่นใดมาวางจำหน่ายกันแน่ ต้องรอลุ้นกันครับ

ขณะที่การสแกนลายนิ้วมือก็จะอยู่ที่ด้านหลังเหมือนเดิม

กล้องดิจิตอลของทั้งสามรุ่นเป็นอย่างไร 

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเทคโนโลยี TriTech autofocus ที่ทางแบรนด์ได้นำมาใช้ผสมผสานการใช้งานของกล้องดิจิตอล ร่วมกับ PixelMaster 3.0 เพื่อให้ภาพออกมาเป็นธรรมชาติและสวยงามตามที่ผู้ใช้ต้องการถ่ายภาพ ณ ช่วงเวลานั้นๆ 

โดยเทคโนโลยี TriTech autofocus จะเป็นการโฟกัส 3 ประเภท คือ PDAF (สำหรับโฟกัสภายนอกอาคาร หรือ Outdoor), Laser AF (สำหรับโฟกัสภายในอาคารและพื้นที่แสงน้อย หรือ Indoor) และ ContinuousAF (โฟกัสต่อเนื่องเมื่อถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหว หรือ Movement Tracking ซึ่งในทุกระบบการจับโฟกัสจะใช้ระยะเวลาเพียง 0.03 วินาทีเท่านั้น

มาดูสเปกกล้องของแต่ละรุ่น

ZenFone 3 : ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX 298 รูรับแสง f/2.0 และมีเลนส์ขนาดใหญ่ 6 ชิ้น มาพร้อมเทคโนโลยี PixelMaster 3.0 จับโฟกัสระยะเวลาเพียง 0.03 วินาที และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวทั้งภาพนิ่งกับวิดีโอ (OIS&EIS) ปกป้องเลนส์กล้องด้วยแร่แซฟไฟร์ บันทึกวิดีโอระดับสูงสุด 4K ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้าน พิกเซลพร้อมรูรับแสง f/2.0 

ส่วน ZenFone 3 Ultra : อัพเกรดความละเอียดขึ้นมาจากรุ่นปกติเป็น 23 ล้านพิกเซลแต่ให้ความละเอียดภาพสูงสุด 92 ล้านพิกเซลด้วยโหมดถ่ายภาพพร้อมรูรับแสง f/2.0 และเซ็นเซอร์ Sony IMX 318 กับระบบออโต้โฟกัส TriTech AF เพียง 0.03 วินาที และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวเช่นเดียวกับวิดีโอด้วย 4 แกน (OIS) และ 3 แกน (EIS) ตามลำดับ สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และมีระบบออโต้โฟกัส ซึ่งให้มุมมองถ่ายภาพ 85 องศา

ส่วนรุ่น ZenFone 3 Deluxe ก็จะมีสเปกของกล้องเหมือนกับ ZenFone 3 Ultra โหมดกล้องของทั้งสามรุ่นจะมีเหมือนกันดังต่อไปนี้

• Back Light (HDR) Mode
• Low Light Mode (โหมดถ่ายภาพแสงน้อย)
• Manual Mode (โหมดโปร)
• Real Time Beautification (โหมดบิวตี้)
• Night Mode (โหมดกลางคืน)
• Super Resolution Mode (ให้ภาพถ่ายที่ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล)
• Depth of Field Mode
• Photo Effect Mode
• Selfie Panorama
• Selfie Mode
• GIF Animation Mode
• Miniature Mode
• Time Rewind Mode
• Smart Remove Mode
• All Smiles Mode
• Slow Motion Mode
• Time Lapse Mode

รายละเอียดสเปกของทั้ง 3 รุ่นเป็นอย่างไรบ้าง 

นอกจากนี้ทั้งสามรุ่นยังมีระบบ Game Genie มาทำความรู้จักกันว่าคืออะไร

โดยทาง Asus ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมด้วยการจัดการระบบหรือว่าเปิดหน้าต่างใหม่แบบ Pop-up ขึ้นมาเพื่อค้นหาแนวทางการเล่นบนสื่อต่างๆ ของเกมนั้นๆ และยังสามารถถ่ายทอดการเล่นเกมแบบ (Live) ลง YouTube หรือ Twitch ได้ด้วย

ความเร็วในการเชื่อมต่อ 4G LTE สูงสุดคือเท่าใด

จบลงแล้วนะครับสำหรับการพาไปทำความรู้จักทุกเรื่องราวของครอบครัว ZenFone 3 อย่างไรก็ดีในเรื่องของสเปกที่จะนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรา คงต้องติดตามกันต่อไปครับ แต่ผู้เขียนเองก็คาดว่า รุ่น Deluxe มีความเป็นไปได้ที่จะเห็น Snapdragon 821 / Ram 6GB / Rom 128GB ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผย ทว่าในวันที่ 2 สิงหาคมอาจมีรายละเอียดเพิ่มเติมแน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  หลุดภาพเรนเดอร์ ASUS Zenfone 11 Ultra พร้อมสเปค ดีไซน์คล้าย ROG Phone 8
• 
  รีวิว WIKO T20 หน้าจอใหญ่ 6.56 นิ้ว HD+ กล้องหลังคู่ AI แบตใหญ่ รันบน Android 13 Go

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่