สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 24 กันยายน 2559
เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ สำหรับ The Next iPhone รุ่นใหม่จากแบรนด์ Apple ที่ได้บทสรุปออกมาเป็นรุ่นที่ 7 หลังจากมีกระแสข่าวลือต่างๆ ว่าจะมีชื่อเรียกแบบอื่น อย่างไรก็ดีรุ่นใหม่ทั้งสองมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร เพราะฉะนั้นในบทความนี้จึงขอนำทุกเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังเพื่อทำความรู้จักให้มากขึ้น อาทิข้อแตกต่างระหว่างรุ่น 6s กับรุ่น 7 รวมถึงเหตุผลถึงควรเปลี่ยนมาใช้และไม่ควรเปลี่ยนมาใช้ เรามีคำตอบให้แล้ว....?
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เปิดตัววันไหน และที่ใด...?
สำหรับงานเปิดตัวสองรุ่นใหม่ ก็เกิดขึ้นในวันพุธช่วงดึกของวันที่ 7 กันยายน โดยงานถูกจัดขึ้นใน Bill Graham Civic Auditorium ณ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมคำใบ้ว่า "See you on the 7th." นั่นอธิบายได้ว่า มีอะไรเกี่ยวกับเลขเจ็ดอย่างแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นซึ่งมาพร้อมกับเลข 7 กับสองคู่หู
มีจุดเด่นอะไรน่าสนใจใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
1. ลำโพงจากโมโนเปลี่ยนเป็นสเตอริโอแล้ว : จะช่วยตอบโจทย์ความบันเทิงมากขึ้น ซึ่งตำแหน่งของลำโพงนั้นอยู่ที่ด้านบนและด้านล่างตัวเครื่องโดยให้ความดังมากกว่าเดิมถึง 2 เท่าส่งผลให้มีช่วงไดนามิกเสียงกว้างขึ้นและ Speaker Phone คุณภาพเสียงดีกว่าเดิม
2. ปุ่ม Home สามารถแยกแยะการสัมผัสได้ : โดยก็จะเป็นพื้นผิวเดียวกับหน้าจอและไม่สามารถกดได้เหมือนเดิม ทั้งนี้มีการเพิ่มฟีเจอร์ระบบ Taptic Engine สามารถใช้งานหลากหลายกว่าเดิม
3. คุณสมบัติกันนํ้ากันฝั่นมาตรฐาน IP67 : อีกหนึ่งคุณสมบัติ ที่เหล่าสาวกอยากให้มีเพราะว่าจะช่วยป้องกันเหตุไม่คาดคิดในระดับหนึ่งอย่างไรก็ตาม เรามาทำความรู้จักมาตรฐานนี้กันก่อนครับ โดย "IP" ก็คือ Ingress Protection Ratings พัฒนาขึ้นที่หน่วยงาน European Committee for Electro Technical Standardization (CENELEC) ขณะที่ตัวเลขหลักแรก เป็นค่าป้องกันของแข็งหรือฝุ่น (0-6) และส่วนหลักหลังจะเป็นค่าป้องกันของเหลวหรือน้ำ (0-9) โดยจากมาตรฐานดังกล่าวหมายความว่าทั้งสองรุ่นสามารถกันฝุ่นได้ และกันนํ้าที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ที่ระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที
อย่างที่เกริ่นข้างต้น iPhone 7 & iPhone 7 Plus รองรับที่มาตรฐาน IP ระดับ 67 นั่นก็หมายความว่าตัวดีไวซ์สามารถป้องกันฝุ่นได้และกันนํ้าแต่ไม่แนะนำให้ใช้งานใต้นํ้าและจะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันหากเกิดความเสียหายจากของเหลว
4. รองรับการใช้งาน 4G ความเร็วสูงสุดกว่าทุกรุ่นของ iPhone : โดยทั้งสองก็มีอัตราความเร็วอยู่ที่ 450 Mbps เลยทีเดียว ขณะที่ iPhone 6s กับ iPhone 6s Plus อยู่ที่ 300 Mbps เท่านั้น
5. หน้าจอที่สว่างขึ้นและแสดงผลเฉดสีสวยงามกว่าเดิม : ให้ความสว่างที่มากกว่าเดิมถึง 25% ส่งผลให้เพิ่มระดับสูงถึง 625nits อีกทั้งเคลมว่ามาตรฐานของเฉดสีที่แสดงผลอยู่บน iPhone นั้นใช้แบบเดียวกับในวงการภาพยนตร์ดิจิตอล และแน่นอนว่ามาพร้อมกับฟีเจอร์ 3D Touch
6. ชิปประมวลผล A10 เร็วและประหยัดพลังงาน : แอปเปิ้ลเคลมว่าชิปเซ็ต Fusion quad-core เจเนอเรชั่นใหม่เร็วกว่าชิป A9 ถึง 40% และก็เร็วกว่าชิป A8 ถึง 2 เท่า ส่วน GPU ที่ใช้งานเป็นแบบ hexa-core ที่เร็วกว่า GPU ในชิป A9 ถึง 50% และใช้พลังงานเพียง 66% เทียบกับ GPU ในชิป A9
7. กล้องหลังที่เปลี่ยนไป : ถึงแม้จะคงความละเอียดไว้ 12 ล้านพิกเซลเช่นเดิม ประกอบด้วยเลนส์จำนวน 6 ชิ้น และมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือภายใน เช่น เซ็นเซอร์ iSight ใหม่, รูรับแสงกว้างขึ้น (f/1.8) ให้แสงที่ดีกว่าเดิม 50% รวมถึงความคมของภาพ, ไฟแฟลช 4 ดวง, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวออปติคอลช่วยลดการเบลอของภาพที่เกิดจากการเคลื่อนไหวและมือสั่น
และก็อีกจุดที่น่าสนใจในประเด็นของกล้องคือรุ่น iPhone 7 Plus ที่มาพร้อมกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยตัวหนึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 28 มิลลิเมตร อีกตัวเป็นเลนส์ถ่ายไกลมีชื่อว่า Telephoto 56 มิลลิเมตร ส่งผลให้แยกฉากหลังออกจากฉากหน้า ทำให้สามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ผ่านระบบ AI : Machine Learning ส่วนรูรับมีแสงเลนส์กว้าง f/1.8 เลนส์ถ่ายไกลมีรูรับแสง f/2.8 ทั้ง 2 เลนส์ก็สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และก็ซูมแบบ Digital ได้ 10 เท่า ผสมผสานเทคโนโลยี ISP ช่วยในกระบวนการนี้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มความคมชัดและแสง
เทคโนโลยี ISP ที่จะทำงานร่วมกับกล้องคู่ของ iPhone 7 Plus คืออะไร
ต้องบอกว่าถ้าจะถ่ายภาพสักหนึ่งภาพนั้นต้องมีการประมวลผลกว่า 1 แสนล้านคำสั่งของ ISP ด้วยชุดคำสั่ง 1 แสนล้านคำสั่ง ใช้เวลาประมาณ 25 มิลลิวินาที (ms) แบ่งกระบวนการภาพเป็น 7 ขั้นตอน
ตัวอย่างภาพถ่าย iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
ส่วนตัวอย่างภาพถ่าย Bokeh ของ iPhone 7 Plus มีดังต่อไปนี้
8. กล้องหน้าเพิ่มความละเอียดขึ้น : ตัวเลนส์มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และเพิ่มความละเอียดจากรุ่นก่อนหน้า 5 ล้านพิกเซลเป็น 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวรวมถึงมาพร้อมไฟแฟลชแบบ Retina ที่จะจัดแสงให้พอเหมาะกับสภาพแสงรอบตัว อีกทั้งยังรองรับการบันทึกวิดีโอเพิ่มความละเอียดขึ้นเป็น FullHD
9. แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น : สำหรับ iPhone 7 ทางแอปเปิ้ลระบุว่าสามารถใช้งานนานขึ้นอีกสองชั่วโมง ส่วนรุ่น 7 Plus เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง
10. iOS 10 : ที่ชาญฉลาดขึ้นกว่าเดิม รวมถึง Siri จะสามารถทำงานร่วมกับหลายแอพพลิเคชั่นมากขึ้นด้วย นอกจานี้ยังมีการปรับรายละเอียดต่างๆ ด้วย โดยขอหยิบยกส่วนสำคัญมาเล่าสู่กันฟังดังนี้
10.1 Raise to wake แค่ยกเครื่องขึ้นมา หน้าจอก็ติดขึ้นมาทันที : หากวางคว่ำหน้าลงกับโต๊ะ ไอโฟนจะ Sleep โดยอัตโนมัติ และถ้าหยิบขึ้นมา หน้าจอจะติดขึ้นมาเองแบบไม่ต้องกดปุ่มใดๆ ฟีเจอร์นี้รองรับรุ่น iPhone 6s, 6s Plus, SE ขึ้นไปเท่านั้น
10.2 Siri ฉลาดขึ้นและทำอะไรได้มากกว่าเดิม : จะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับผู้ใช้งานที่รู้ใจรวมถึงการทำงานบนแอพพลิเคชั่นต่างๆ มีบทบาทมากขึ้น
10.3 ลบแอพพลิเคชั่นที่ติดมากับตัวเครื่อง : ลบในที่นี้หมายถึงลบไอคอนของแอพฯ เท่านั้นจากหน้าจอ ไม่ใช่ลบออกอย่างถาวร ถ้าต้องการใช้ก็เข้าไปดาวน์โหลดที่ App Store
10.4 การแจ้งเตือน : สามารถแตะเพื่ออ่านหรือดูรูปภาพ ทั้งยังตอบกลับจากการแจ้งเตือนได้ทันที
10.5 ปรับแต่งหน้า Lock Screen : อาทิเช่น ระบบ Nofication ในรูปแบบ Widget หรือ Control Center สะดวกขึ้นตอบโจทย์กว่าและมีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหน้าเป็นสองหน้า, เพิ่มคุณสมบัติ 3D Touch
10.6 ระบบเดาคำ : เราไม่ต้องพิมพ์จบประโยค แต่ก็เดาคำที่ต้องการใช้ได้อย่างถูกต้อง หรือแม้แต่เดาคำเป็นแบบอิโมจิ เพิ่มลูกเล่นการพิมพ์สนุกกว่าเดิม รวมถึงหากเรากำลังสนทนาระหว่างภาษาอังกฤษกับจีนพร้อมกัน ตัวระบบจะเดาคำทั้งสองภาษาให้เลย
10.7 iMessage ยกโฉมใหม่ สนุกกว่าเดิม :
10.8 Apple Music : ออกแบบหน้าตาใหม่ให้ใช้งานง่ายกว่าเดิม เช่น มีเนื้อเพลงขึ้นให้ดูไปพร้อมกับเพลง, มีหมวด For You เลือกเพลงเหมาะกับผู้ฟัง, แถบแยกเพลงที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้ว เป็นต้น
10.9 เพิ่มแท็บ Memories สำหรับ Photos : สร้างวีดีโอพรีเซนต์จากรูปถ่ายของเราได้ ทั้งก็ยังปรับแต่ง Live Photos หรือใส่ฟิลเตอร์ให้ Live Photos ได้
10.10 Notification : สามารถลบออกทั้งหมดได้ ด้วยการกดคำว่า Clear
10.11 บอกลา Slide to Unlock : ถึงยุคของ Press Home to Unlock
10.12 ปิดเซลลูลาร์ได้แล้วด้วย 3D Touch : หลายคนบอกเมื่อไหร่จะทำให้สักที ล่าสุดผู้ใช้อย่างเราอมยิ้มกันเลย โดยสามารถปิด/เปิด เซลลูลาร์ผ่านไอคอน Setting ได้แล้วกับคุณสมบัติ 3D Touch รองรับตั้งแต่ iPhone 6s ขึ้นไป
10.13 : Notes สามารถแชร์ได้หลายคนแล้ว
10.14 Wake Alarm : นอกจากปรับปรุงแอพฯ นาฬิกาใหม่ โดยเปลี่ยนจากอินเทอร์เฟซสีขาว มาเป็นสีดำ ก็ยังมีฟีเจอร์ใหม่ดังกล่าว กำหนดเวลาตื่นนอนและเวลานอน สามารถตั้งเวลาแจ้งเตือนก่อนนอนได้ และเก็บสถิติการนอนของแต่ละวัน
10.15 เอาใจคนรักความสะดวก ด้วยการบริหารจัดการของ iOS 10 : หากมีเพลงไหนที่เราไม่ได้ฟังนานตัวระบบจะทำการลบออกโดยอัตโนมัติ กล่าวคือเมื่อพื้นที่เก็บข้อมูลเราเหลือน้อย ระบบจะทำลบออกไป ซึ่งเราสามารถเลือกตั้งค่าได้ เริ่มต้นที่คืนพื้นที่เก็บข้อมูล 4GB เพลงจะถูกลบประมาณ 800 เพลง เป็นต้น
หรือคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.apple.com/th/ios/ios-10
รุ่นใดอัปเดท iOS 10 ได้บ้างมาดูกันเลย....?
iPhone :
iPad :
iPod :
ดีไซน์ของคู่หูเลข 7 เป็นอย่างไร
ตัวเครื่องเป็น Unibody วัสดุอะลูมิเนียมซีรีย์ 7000 สำหรับดีไซน์ทั้งสองจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงแต่เส้นสัญญาณจะถูกย้ายไปที่ขอบเครื่องแทนที่เดิมคือด้านหลัง ส่งผลให้สวยสะอาด นอกจากนี้เพิ่มเฉดสีใหม่เข้ามาด้วยคือสีดำผิวเงา Jet Black และสีดำผิวด้าน Just Black ส่วนสีอื่นๆ จะมีเช่นเดิม ได้แก่ Silver, Gold, Rose Gold เมื่อรวมทั้งหมดมี 5 เฉดสี ทว่าแอปเปิ้ลก็มีคำเตือนมาครับ โดยสีดำผิวเงานั้นทำให้เห็นรอยง่ายเนื่องจากผิวที่มันเงา ทั้งนี้เฉดสีดังกล่าวก็จะซื้อได้เฉพาะในรุ่น 128GB และ 256GB เท่านั้น
ความแตกต่างของเฉดสีใหม่ระหว่าง Jet Black & Just Black ?
ขณะที่ขนาดตัวเครื่องมีรายละเอียดดังนี้
สาเหตุที่ Apple ตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร มีคำตอบให้แล้ว สาเหตุหลักคือการเพิ่มพื้นที่เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านอื่น โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นครับ...?
เมื่อไม่มีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แล้วจะต้องทำยังไง เพื่อฟังเพลง...?
แน่นอนว่าการมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. เป็นเรื่องที่คุ้นเคยของใครหลายๆ คน และมักที่จะชาร์จแบตเตอรี่แล้วก็เพลิดเพลินกับเสียงเพลงไปด้วย แต่คราวนี้ในรุ่นของ iPhone 7 & iPhone 7 Plus จะทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เนื่องจากทางแอปเปิ้ลได้ตัดออกไปแล้ว ด้วยเหตุผลข้างต้น ทว่าถ้าทำลักษณะนี้คือฟังพร้อมกับชาร์จก็ต้องพึ่งหูฟัง AirPods (อ่านข่าวเปิดตัว) ซึ่งมีราคาวางจำหน่าย 6,900 บาท หรือว่าจะใช้งานหูฟังไร้สายของยี่ห้ออื่นก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ถ้าหากไม่ต้องการซื้อหูฟังดังกล่าวที่มีราคาแพง ผู้ใช้งานก็ต้องซื้อแท่นชาร์จ iPhone Lightning Dock โดยอุปกรณ์นี้จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ เช่นเดียวกับมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. รวมถึงซิงค์กับ iPhone มีราคาวางจำหน่าย 2,100 บาท
เมื่อปุ่มโฮมไม่สามารถกดได้ แล้ววิธี Hard Reset จะต้องทำอย่างไร
วิธีการ Hard Rest บน iPhone 7 และ 7 Plus ใหม่ คือการกดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องค้างพร้อมๆ กับปุ่มลดเสียง จนกว่าเครื่องจะดับ และมีโลโก้แอปเปิลขึ้นมา
Case ของ iPhone 6s และ 6s Plus สามารถใส่ร่วมกับ iPhone 7 & iPhone 7 Plus ได้หรือไม่มาหาคำตอบกัน...?
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องของทั้งสองโมเดลมีขนาดเท่ากัน แต่ก็ไม่อาจจะใส่เคสร่วมกันได้นะครับ เนื่องจากโมดูลกล้องของ 2 รุ่นดังกล่าวมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รวมถึงลำโพงที่รุ่นใหม่จะมีทั้งบนและล่างแล้ว ดังนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้น หากใช้เคสรุ่นเก่าลำโพงจะถูกปิดกั้น ดังนั้นจึงสรุปว่าเคสไม่สามารถใช้ร่วมกันได้
ทำไมถึงไม่มีรุ่นหน่วยความจำ 16GB แล้ว เหตุผลคืออะไร...?
หากย้อนกลับไปในอดีตหน่วยความจำ 8GB ก็ถือว่าแสนพิเศษและมากโขแล้ว ทั้งใครหลายคนก็ยังพากันบอกว่า มีไว้ทำไมเยอะแยะขนาดนั้นสำหรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูล แต่แล้วเมื่อวันเวลาพาไปกลายเป็นว่าต้องเพิ่มขึ้น เพราะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เนื่องจากแอพพลิเคชั่นได้มาถึงยุคของ (Multi-Gigabyte) แล้ว ก็ยังไม่รวมอย่างอื่น เช่น รูปภาพ, เพลง หรือไฟล์วิดีโอขนาด 4K นั่นทำให้หากคงจำหน่ายรุ่น 16GB ต่อไป ผู้ใช้งานต้องมานั่งกังวลต่อพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่อง
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีบริการฝากข้อมูลบนโลกของ Cloud แต่ผู้ใช้งานบางคน หรือบางสถานการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มและไม่สะดวก
สรุปสเปกของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus กันแบบครบทุกรายละเอียด
iPhone 7 | iPhone 7 Plus | |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 10 | iOS 10 |
หน้าจอ | Retina-LED-Backlit Widescreen-IPS-ปรับปรุงทัชสกรีนใหม่ ขนาดกว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล แสดงเฉดสีกว้างกว่าเดิมและเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือ |
Retina-LED-Backlit Widescreen-IPS-ปรับปรุงทัชสกรีนใหม่ ขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล แสดงเฉดสีกว้างกว่าเดิมและเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือ |
หน่วยประมวลผล | สถาปัตยกรรม 64 บิต ด้วยชิปเซ็ต A10 Fusion ร่วมกับ M10 | สถาปัตยกรรม 64 บิต ด้วยชิปเซ็ต A10 ร่วมกับ M10 |
Ram | 2GB | 3GB |
พื้นที่เก็บข้อมูล | 32/128/256GB | 32/128/256GB |
ระบบเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac Wi‑Fi with MIMO, Bluetooth 4.2, GPS, GLONASS, VoLTE, Wi-Fi Calling, 4G ความเร็วสูงสุด 450Mbps | Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac Wi‑Fi with MIMO, Bluetooth 4.2, GPS, GLONASS, VoLTE, Wi-Fi Calling, 4G ความเร็วสูงสุด 450Mbps |
Touch ID | เจนเนอเรชั่นที่ 2 | เจนเนอเรชั่นที่ 2 |
กล้องหลัง | 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ระบบกันสั่น OIS เลนส์ 6 ชิ้น แฟลช LED 4 ดวง รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K | คู่ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8/f.2.8 ระบบกันสั่น OIS เลนส์ 6 ชิ้น แฟลช LED 4 ดวง ซูมแบบออฟติคอล 2 เท่า และดิจิตอล 10 เท่า รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K |
กล้องหน้า | 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช Retina รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด FullHD | 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช Retina รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด FullHD |
แบตเตอรี่ | 1960 mAh | 2900 mAh |
สรุปความต่างทั้งสองรุ่นมีอะไรที่ไม่เหมือนกันบ้างระหว่าง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
นำ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus มาเทียบกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
iPhone 6s | iPhone 7 | iPhone 6s Plus | iPhone 7 Plus | |
หน้าจอ | ขนาดกว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล | จอกว้างเท่ารุ่นก่อนหน้า แต่ปรับปรุงเฉดสีและความสว่าง | ขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล | จอกว้างเท่ารุ่นก่อนหน้า แต่ปรับปรุงเฉดสีและความสว่าง |
หน่วยประมวลผล | A9 + M9 | A10 Fusion+M 10 เร็วกว่า 2 เท่า ประหยัดพลังงานมากกว่า | A9 + M9 | A10 Fusion+M 10 เร็วกว่า 2 เท่า ประหยัดพลังงานมากกว่า |
Ram | 2GB | 2GB | 2GB | 3GB |
พื้นที่เก็บข้อมูล | 32/128 GB | 32/128/256 GB | 32/128 GB | 32/128/256 GB |
การเชื่อมต่อ 4G | 4G LTE Cat 6. ทำความเร็วสูงสุด 300 Mbps | 4G LTE Cat 6. ทำความเร็วสูงสุด 450 Mbps | 4G LTE Cat 6. ทำความเร็วสูงสุด 300 Mbps | 4G LTE Cat 9. ทำความเร็วสูงสุด 450 Mbps |
Touch ID | เจนเนอเรชั่น 2 | เจนเนอเรชั่น 2 | เจนเนอเรชั่น 2 | เจนเนอเรชั่น 2 |
ช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. | รองรับ | ไม่รองรับ | รองรับ | ไม่รองรับ |
คุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่น | ไม่รองรับ | รองรับ | ไม่รองรับ | รองรับ |
กล้องหลัง | 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช True Tone รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K | 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ |
12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ |
12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ |
กล้องหน้า | ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช Retina บันทึกวิดีโอสูงสุด 720p | ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช Retina บันทึกวิดีโอสูงสุด 1080p | ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช Retina บันทึกวิดีโอสูงสุด 720p | ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไฟแฟลช Retina บันทึกวิดีโอสูงสุด 1080p |
แบตเตอรี่ | 1,715 mAh | 1,960 mAh | 2,750 mAh | 2,900 mAh |
ราคา | 22,500/26,500 บาท | ยังไม่ระบุ | 26,500/30,500 บาท | ยังไม่ระบุ |
หลังจากได้เทียบสเปกกันไปแล้ว เรามาดูกันหน่อยว่าเมื่อ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ปรับราคาลง แล้วแบบนี้เราควรซื้อ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ไหม หรือไม่ควรซื้อเลือกรุ่นเก่าดีกว่า เพราะอะไรมาฟังเหตุผลกันครับ....?
เริ่มจากไม่ควรซื้อก่อน เนื่องจาก iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ยังมีดี และอดเปรี้ยวไว้กินหวาน!!!
1. ดีไซน์แทบไม่เปลี่ยน ที่แตกต่างคือเส้นสัญญาณ : ไม่มีความแปลกใหม่ให้เห็นจนสะดุดตา ที่เห็นได้ชัดนั่นเอง และเลนส์กล้องยังนูนออกมาเช่นเดิม
2. หน้าจอเท่าเดิม เช่นเดียวกับความละเอียด : และที่สำคัญใช้ 3D Touch ได้เหมือนกัน ถึงแม้รุ่นใหม่หน้าจอสว่างกว่ากับเฉดสีที่ดีกว่า แต่ในบางมุมของเฉดสีสายตาเราอาจแยกไม่ออก
3. ชิปเซ็ต A9 + Ram 2GB : ยังตอบโจทย์การใช้งานแอพพลิเคชั่นทั่วไปได้อยู่แล้ว
4. ชาร์จแบตเตอรี่พร้อมฟังเพลงได้พร้อมกัน : พฤติกรรมการใช้งานสุดคลาสสิคของใครหลายคนก็จะยังคงดำเนินต่อไป
5. อดเปรี้ยวไว้กินหวาน : ต้องบอกก่อนว่าปีหน้า iPhone จะเดินทางมาถึงปีที่ 10 แล้ว โดยอาจมีเซอร์ไพร์สอะไรบางอย่าง เนื่องจากมีข่าวลือรายงานมา ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนยกแผง แต่จะยังคงไว้ซึ่งกล้องคู่ ดังนั้นหากมองในมุมหนึ่งเราอาจประหยัดเงินไว้ซื้อรุ่นใหม่ในปีหน้า
เปลี่ยนดีกว่าต้องซื้อแล้ว iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus มีเหตุผลใด
1. คุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่น : อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานหลายคนถวิลหา ซึ่งจะทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น เช่นเดียวกับป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ที่ไม่คาด
2. ทำงานไหลลื่นขึ้นกว่าเดิมกับแบตเตอรี่มีความจุเพิ่มขึ้น : ด้วยชิปเซ็ตที่ทางแอปเปิ้ลเคลมไว้ ทั้งยังบอกอีกว่าทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone รุ่นใดที่เคยมีมา
3. กล้องยกโฉม ปรับปรุงฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ : ถึงแม้ว่าความละเอียดจะไม่เปลี่ยนไปแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือภายใน ปรับแต่งให้ดีขึ้นเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การใช้งานในปัจจุบัน
4. ลำโพงเสียงดัง : เป็นสเตอริโอแล้ว โดยบอกว่าให้เสียงดังกว่า iPhone 6s ถึง 2 เท่า
5. เฉดสีใหม่ : นอกจากมีฟีเจอร์อื่นๆ ถูกปรับเปลี่ยนไป เรื่องของสีสันก็เหมือนกัน โดยเพิ่มมาสองสีคือ Jet Black (สีดำเงา) & Just Black (สีดำด้าน)
จบลงแล้วนะครับ สำหรับการพามาทำความรู้จัก iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus และ iOS 10 ต้องบอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของการกันนํ้ารวมถึงช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และกล้องคู่ (Dual Camera) ที่พอคาดการณ์ได้ว่าสามประเด็นนี้จะเกิดขึ้นใน The Next iPhone อีกแน่นอน อย่างไรก็ตามหากมีความเคลื่อนไหว หรือรายละเอียดใดที่ต้องรู้รออ่านได้เลยครับ เราจะนำมารายงานไว้ที่นี่ที่เดียว!!!!!
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : ่ วันที่ : 24 กันยายน 2559
HUAWEI FreeBuds SE 3 สัมผัสเสียงคมชัด ดีไซน์โดดเด่น ในราคาที่เข้าถึงได้
Blackview BV8200 สมาร์ทโฟน AI สายถึก 4G รุ่นเรือธง เครื่องแรกของโลก พร้อมจอแสดงผลคู่และไฟฉายคู่!
realme Note 60x คลานตามมาอีกรุ่น กับรุ่นเล็กจอใหญ่ มาตรฐาน IP54
Lenovo เตรียมเปิดตัวแล็บท็อป ThinkBook Plus จอม้วน-ยืดได้เอง รุ่นแรกของโลก
สรุปจุดเด่นและสเปค TECNO POVA 6 NEO แบตฯ 7000mAh หน้าจอ 120Hz ลำโพง Dolby ATMOS ฟรีลำโพงบูลทูธ!!
เปิดตัว Lava Blaze Duo 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอโค้ง ดีไซน์สวยงาม4 ชั่วโมงที่แล้ว
OnePlus Ace 5 Series กำลังจะเปิดตัวแล้วในสัปดาห์หน้า!12 ชั่วโมงที่แล้ว
เปิดตัว OSCAL PILOT 1 เพื่อนคู่ใจสำหรับทุกการผจญภัย13 ชั่วโมงที่แล้ว