สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งพัฒนา “Wireless Digital Signing” เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นเครื่องมือยืนยันตัวตน เพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ของประชาชนที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดแทนการใช้ OTP หรือรหัสผ่าน (username/password) จับมือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile operator) ทั้ง 3 ราย ทดสอบระบบก่อนเปิดใช้งานจริงในวงกว้างภายใน 2560
สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า การพัฒนาระบบการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Wireless Digital Signing ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกรรมที่ทำโดยบุคคลในโลกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Identity) ผ่านการยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Authentication) ที่จะมีผลผูกพันทางกฎหมายไปถึงผู้ใช้งาน จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับของการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของทั้งภาครัฐและเอกชนในการเข้าสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างสมบูรณ์
“ปัจจุบัน การยืนยันตัวตนมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้ username/password การใช้ Facebook ID เข้าสู่บริการออนไลน์ ไปจนถึงการใช้ SMS OTP และอื่น ๆ ซึ่งการยืนยันตัวตนแต่ละแบบต่างก็มีข้อจำกัด เพราะการสร้างรหัสผ่าน ผู้ใช้ต้องสร้างรหัสผ่านขึ้นเป็นจำนวนมากเท่ากับบริการออนไลน์ ทำให้จำทั้งหมดได้ยาก นอกจากนี้ การใช้ Facebook ID ก็ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนได้อย่างแท้จริง เพราะในการลงทะเบียนกับ Facebook ผู้ใช้ไม่ต้องแสดงเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ ทำให้ไม่เหมาะกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือเข้าใช้บริการของรัฐ ขณะที่ SMS OTP ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายก็ยังไม่ถือว่าปลอดภัย เพราะปัจจุบันสามารถโดนแฮก หรือโดนเจาะข้อมูลจากทั้งแฮกเกอร์ หรือผ่านมัลแวร์ได้อย่างง่ายดาย” สุรางคณา กล่าว
การพัฒนาโครงการ Wireless Digital Signing เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ประชาชนสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการทำธุรกรรมหรือเข้าใช้บริการใด ๆ ได้โดยไม่ต้องมี username/password จำนวนมาก รวมทั้งมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า Facebook ID เนื่องจากในการลงทะเบียนขอใช้บริการ ผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนเพื่อใช้งานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Operator)
สุรางคณา กล่าวว่า ในการเปลี่ยนโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เป็นอุปกรณ์ยืนยันตัวตนที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด เอ็ตด้าได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 รายในการพัฒนาและทดสอบระบบ เนื่องจากการยืนยันตัวตนและลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ จะสร้างขึ้นในซิมการ์ดเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้การยืนยันตัวตนผ่านมือถือมีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากโปรแกรมมุ่งร้ายหรือมัลแวร์ ไม่สามารถเข้าถึงซิมการ์ด เพื่อสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนเจ้าของโทรศัพท์มือถือได้
“การยืนยันตัวตนดังกล่าวเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกุญแจสาธารณะ หรือ Public Key Infrastructure (PKI) จึงทำให้ผู้ใช้สามารถทำการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ได้ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อหน่วยงานที่ต้องการทำธุรกรรม อีกทั้งยังเป็นการลดปริมาณการใช้และจัดเก็บกระดาษในภายหลัง ปัจจุบัน เราอยู่ในระหว่างการทดสอบเพื่อการใช้งานจริงร่วมกับผู้ให้บริการหลักทั้ง 3 ราย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2559 นี้” สุรางคณา กล่าว
ในการใช้งานจริง ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องเปลี่ยนซิมการ์ดที่รองรับการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (PKI SIM Card) เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในการทำธุรกรรม ซึ่งหากเริ่มมีการให้บริการจริงแล้ว ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นจุดให้บริการและประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ในการใช้งานให้แก่ประชาชน ขณะที่เอ็ตด้าจะทำหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการใช้งานในภาครัฐและกลุ่มธุรกิจที่ต้องการการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และการยืนยันตัวตนที่น่าเชื่อถือ
การเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นเครื่องมือยืนยันตัวตนเพื่อการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นี้ สอดคล้องกับนโยบายของ GSM Association ภายใต้โครงการ Mobile Connect ที่ต้องการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้บริการเป็น ID Provider ในรูปแบบเดียวกับ Facebook เพื่อสร้างการยืนยันตัวตนที่มีระดับความน่าเชื่อถือ (Level of Assurance) สูงที่สุดตามแนวทางของ Mobile Connect
“ในฐานะผู้พัฒนา เอ็ตด้าวางแผนจะผลักดันการใช้งาน Mobile Authentication เบื้องต้นใน 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มสถาบันการเงิน เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้ประสงค์ร้าย อีกทั้งยังเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการทำธุรกรรมทางออนไลน์ และ 2. นิติบุคคลที่จำเป็นต้องติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐเป็นประจำ เช่น ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออก บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม” สุรางคณา กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ โครงการ Wireless Digital Signing ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบการจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความน่าเชื่อถือ (Trusted e-Document Authority หรือ TeDA) ของเอ็ตด้าเพื่อการสร้างความเชื่อมั่นในการทำการค้าการลงทุนให้กับประเทศแบบครบวงจร ผ่านลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature)
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.etda.or.th วันที่ : 29 พฤศจิกายน 2559
OPPO A3 Pro สมาร์ทโฟนกันน้ำขั้นสุดมาตรฐาน IP69 อยู่ในน้ำได้นานถึง 30 นาที
realme GT Neo6 SE เปิดตัวด้วยขุมพลัง Snapdragon 7+ Gen 3 ชาร์จเร็วระดับ 100W
แตกต่างอย่างไร! ระหว่าง vivo Y100 4G vs vivo Y100 5G ราคาต่างกัน 1,700 บาท
vivo T3 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอ AMOLED 120Hz มีกล้องความละเอียดสูงสุด 50MP กันสั่น OIS
HONOR 90 Smart สมาร์ทโฟน 5G ชิปเซ็ต Dimensity 6020 มี RAM 4G เท่านั้น