สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 21 เมษายน 2560

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

มีหลายเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาในช่วงหลายปีมานี้ ความก้าวหน้าเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนของฮาร์ดแวร์ "ทว่า" ส่วนของการพัฒนาแบตเตอรี่นั้นถูกมองว่ายังเดินตามหลังฮาร์ดแวร์ส่วนอื่น

ในปี ค.ศ. 2017 ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android รายใหญ่บางรายได้ส่งรุ่นท๊อปลงสู่ตลาดด้วยการชูจุดเด่นหน้าจอขนาดใหญ่ขณะที่ตัวเครื่องที่ไม่ได้ใหญ่ตาม มีขอบข้างหน้าจอน้อยลงและสเปกที่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน

Samsung เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่พยายามผลักดันสมาร์ทโฟนจอขอบโค้งมาตั้งแต่ Galaxy Note edge และในรุ่นท๊อปตัวล่าสุดอย่าง Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ก็ยังคงความเป็นจอขอบโค้งแต่มีรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยงามขึ้น ปุ่ม Home แบบฮาร์ดแวร์ถูกตัดออกไปและขยายพื้นที่หน้าจอ 5.8 นิ้ว และ 6.2 นิ้ว ให้ครอบคลุมพื้นที่ด้านหน้ามากขึ้นขณะที่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ แต่ในมุมของการใช้พลังงานแบตเตอรี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

Samsung Galaxy S8 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3000mAh (PhoneArena) ทดสอบการทำงานพบว่าใช้งานได้ 8 ชั่วโมง 22 นาที ขณะที่ Galaxy S8+ ที่มีแบตเตอรี่ความจุ 3500mAh (PhoneArena) ทดสอบการทำงานพบว่าใช้งานได้ 8 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้อาจจะดูดี แต่ชั่วโมงการใช้งานของรุ่นท๊อปทั้งสองรุ่นกลับน้อยกว่าสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A series (2017) อย่าง A3, A5, A7 ที่ (PhoneArena) เผยว่าสามารถใช้งานได้เกินกว่า 11 ชั่วโมง

เมื่อผลทดสอบออกมาเป็นแบบนี้ จะให้มองข้ามไปเลยก็ใช่เรื่องจึงเป็นที่มาของ 15 วิธีการยืดอายุแบตเตอรี่ของ Samsung ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นในระหว่างวัน ใครที่สนใจก็สามารถลองทำตามได้โดยไม่ยากนัก

1. เลือกใช้ธีมสีดำหรือสีเข้ม

การใช้ธีมสีดำหรือสีเข้ม (darker theme) กับสมาร์ทโฟนของ Samsung เป็นวิธีการประหยัดพลังงานที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากหน้าจอสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่นของ Samsung เป็นแบบ Super AMOLED ซึ่งใช้พลังงานแบตเตอรี่ในการแสดงผลสีขาวมากกว่าสีดำ

วิธีเปลี่ยนธีมเข้าไปที่ การตั้งค่า -> พื้นหลังและธีม

2. เลือกโหมดปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ (automatic brightness) และปรับให้เหมาะสมด้วยตัวเอง

สมาร์ทโฟนของ Samsung ยอมให้ผู้ใช้งานปรับลดความสว่างได้เองแม้จะอยู่ในโหมดอัตโนมัติซึ่งระบบจะปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ใช้งานก็ยังเป็นผู้ที่ควบคุมความสว่างของหน้าจอได้เองอยู่ดี

3. ปิดฟีเจอร์ Always On Display

แม้ว่าฟีเจอร์แสดงข้อมูลบนหน้าจอตลอดเวลา (Always On Display) จะมีประโยชน์ต่อการใช้งาน แต่ก็ทำให้แบตเตอรี่หมดไวด้วยเช่นกัน การปิดหน้าจอและเปิดขึ้นมาเมื่อต้องการตรวจสอบข้อมูลจะดูเหมาะสมและช่วยให้ผู้ใช้งานมีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ มากกว่าโดยที่ไม่ต้องมาพะวงกับการแจ้งเตือนที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลา

ปิดฟีเจอร์ Always On Display ได้โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า -> หน้าจอล็อคและความปลอดภัย

4. ใช้เครื่องมือตรวจสอบการใช้พลังงานจากแอพ (App power monitor)

ใน Galaxy S8 / S8+ สามารถดูสถานะการใช้พลังงานของแอพในเครื่องและกำหนดค่าให้เป็นแอพในโหมด Save Power เพื่อหยุดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ขณะที่ไม่ได้เรียกใช้งาน

วิธีการจัดการพลังงานของแอพต่างๆ เข้าไปที่ การตั้งค่า -> การบำรุงรักษาอุปกรณ์ -> แบตเตอรี่

5. Game Launcher และ Game Tuner แอพที่คอเกมต้องมีติดเครื่อง

Game Launcher เป็นแอพที่เปิดตัวออกมาครั้งแรกพร้อมกับ Galaxy S7 / S7 edge โดยสามารถตั้งค่าให้อยู่ในโหมดประหยัดพลังงานขณะเล่นเกมได้

Game Tuner เป็นแอพของ Samsung ที่ต้องดาวน์โหลดมาได้ฟรีจาก Google Play เป็นแอพที่ช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนความละเอียดหน้าจอและอัตราเฟรมเรทต่อวินาทีเมื่อเล่นเกมซึ่งช่วยควบคุมการระบายความร้อนและลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่

6. ถ้าไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ แนะนำให้ปิดโหมด "Smart Stay"

ฟีเจอร์ Smart Stay เป็นการใช้กล้องหน้าตรวจจับใบหน้าผู้ใช้งานว่ากำลังมองหน้าจออยู่หรือไม่ หากไม่ได้มองก็จะพักหน้าจอ ซึ่งฟีเจอร์นี้มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ชอบอ่าน e-book เป็นประจำ แต่ผู้ใช้ที่ไม่ค่อยได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ แนะนำให้ปิดโหมดนี้ดีกว่า

วิธีการตั้งค่าโหมด Smart Stay เข้าไปที่ การตั้งค่า -> คุณลักษณะขั้นสูง -> Smart Stay

7. ปรับตั้งค่าเวลาของการพักหน้าจออัตโนมัติ

คนส่วนใหญ่มักจะลืมปิดหน้าจอเมื่อไม่ได้ใช้งาน การตั้งค่าเวลาการพักหน้าจออัตโนมัติจึงเป็นสิ่งสำคัญ (30 วินาทีเป็นค่าที่นิยมใช้งาน เนื่องจากไม่เร็วและก็ไม่ช้าเกินไปหากจะกลับมาใช้งานต่อ)

วิธีการตั้งค่าเวลาการพักหน้าจออัตโนมัติ เข้าไปที่ การตั้งค่า -> จอแสดงผล -> เวลาการปิดหน้าจอ

8. ความละเอียดหน้าจอสูง = กินไฟสูง

มีทางเลือกสำหรับความละเอียดการแสดงผลหน้าจอ Galaxy S8 / S8+ อยู่ 3 ตัวเลือก ได้แก่ HD+ (1480x720 พิกเซล), FHD+ (2220x1080 พิกเซล), WQHD+ (2960x1440 พิกเซล) ซึ่งการเลือกใช้ความละเอียดการแสดงผลที่ต่ำลงทำให้กินไฟน้อยลงเช่นกัน

Galaxy S8 ใช้การตั้งค่าความละเอียดหน้าจอเริ่มต้นคือ FHD+ ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละวันของผู้ใช้แต่ละคนที่แตกต่างกัน หากต้องการเล่นวิดีโอหรือเช่นเกมที่มีภาพความละเอียดสูงก็เปลี่ยนโหมดไปเป็น WQHD+ แต่ถ้าจะเน้นประหยัดแบตก็เปลี่ยนโหมดเป็น HD+

วิธีการตั้งค่าความละเอียดจอแสดงผล เข้าไปที่ การตั้งค่า -> จอแสดงผล -> ความละเอียดหน้าจอ

9. NFC

หากคุณไม่ใช้ผู้ใช้งาน Samsung Pay หรือไม่ได้โอนถ่ายข้อมูลผ่าน NFC (แตะมือถือเข้ากับอุปกรณ์ใกล้เคียง) ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดฟีเจอร์นี้ แม้ว่าการเปิดฟีเจอร์ NFC จะใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยกว่า 1% ของทั้งหมดต่อวันแต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

วิธีการตั้งค่า NFC มีอยู่ 2 ทาง ทางแรกคือเลื่อนแถบการแจ้งเตือนลงมาและมองหาไอคอน NFC ในแถบการตั้งค่าด่วน อีกทางหนึ่งคือเข้าไปที่ การตั้งค่า -> การเชื่อมต่อ

10. จัดการไฟแจ้งเตือน LED indicator ตัวการของสิ่งที่ทำให้ไม่มีสมาธิทำงาน

ไฟแสดงสถานะ LED เป็นสัญลักษณ์ที่แจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่ามีการแจ้งเตือนเข้ามา การปิดไฟแจ้งเตือนจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่อย่างมาก แต่ผู้ใช้งานหลายคนก็ชื่นชอบไฟแจ้งเตือนเพราะทำให้รู้ว่ามีอะไรที่ทำให้ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้งานก็ไปปิดไฟแจ้งเตือนได้

การตั้งค่าไฟแจ้งเตือน LED indicator เข้าไปที่ การตั้งค่า -> จอแสดงผล -> ไฟสถานะ LED

11. ปิดหน้าจอไว้ยามที่ไม่พร้อมใช้งาน (Keep screen turnd off)

ฟีเจอร์นี้ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นใน Galaxy S8 / S8+ โดยหน้าจอจะถูกปิดอัตโนมัติเมื่อ อยู่ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าถือเพื่อป้องกันหน้าจอสว่างค้างขณะที่กดปุ่มแบบไม่ตั้งใจ

การตั้งค่าโหมดพักหน้าจออัจฉริยะ เข้าไปที่ การตั้งค่า -> จอแสดงผล -> ปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า

12. การสแกนอุปกรณ์ใกล้เคียงด้วยสัญญาณ Bluetooth

การแตะไอคอนปิด Bluetooth ไม่ได้หมายความว่าโทรศัพท์จะหยุดใช้งาน Bluetooth เนื่องจากมีบริการในเครื่องหลายอย่างที่ใช้ Bluetooth และหากไม่ปิดเครื่องก็ยังคงทำงานอยู่ หนึ่งในบริการที่ว่าก็คือการสแกนหาอุปกรณ์ใกล้เคียงตลอดเวลาเพื่อให้การเชื่อมต่อง่ายขึ้น แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้งานบริการดังกล่าวก็สามารถปิดการทำงานได้

การตั้งค่าการแสกนอุปกรณ์ใกล้เคียง เข้าไปที่ การตั้งค่า -> การเชื่อมต่อ -> เพิ่มเติม

13. ใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยตั้งค่าเปิดใช้งานตำแหน่งที่ตั้งอย่างเหมาะสม

มีแอพพลิเคชั่นจำนวนมากที่ต้องการเข้าถึงตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งาน ทำให้ต้องไปเรียกบริการ GPS เพื่อระบุตำแหน่งและสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ แต่ก็มีวิธีเลือกเปิดใช้งาน GPS ให้กับแอพพลิเคชั่นที่จำเป็นเท่านั้นได้

วิธีการตั้งค่า GPS ให้ถูกใช้งานได้เฉพาะแอพหรือบริการที่มาพร้อมเครื่อง เข้าไปที่ การตั้งค่า -> การเชื่อมต่อ -> พิกัดตำแหน่ง -> วิธีการระบุตำแหน่ง (เลือกเป็น Phone only)

14. ปิดใช้การสแกน Wi-Fi และ Bluetooth

สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้เดินทางหรือต้องการความแม่นยำของพิกัดสถานที่ สามารถปิดโหมดเพิ่มความแม่นยำในการสแกนหา Wi-Fi และ Bluetooth ได้ซึ่งไม่จำเป็นต่อการใช้งานของแอพทั่วไปนัก

วิธีการปิดการเพิ่มประสิทธิภาพการสแกน Wi-Fi และ Bluetooth เข้าไปที่ การตั้งค่า -> การเชื่อมต่อ -> พิกัดตำแหน่ง -> เพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำ

15. ปิดฟีเจอร์การสั่งการด้วยท่าทาง (gestures)

Samsung ได้ถอดฟีเจอร์สั่งการด้วยท่าทางออกไปเป็นจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ใน Galaxy S8 / S8+ ก็ยังมีให้ใช้งานจำนวนมาก ซึ่งจากการใช้งานจริงส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หากอันไหนที่เป็นประโยชน์และใช้งานก็สามารถเปิดไว้ แต่อันไหนที่ไม่ได้ใช้งานก็ควรปิดไป

วิธีการปิดฟีเจอร์การสั่งการด้วยท่าทาง (gesture) เข้าไปที่ การตั้งค่า -> คุณลักษณะขั้นสูง

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่