สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 12 เมษายน 2562

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ทุกครั้งที่เราเดินทางไปเที่ยวหรือแวะตามสถานที่ต่างๆ เราจะรู้สึกกังวลว่าสมาร์ทโฟนของเราจะหล่นหายหรือถูกขโมยกันอยู่แน่นอน ซึ่งด้วยมูลค่าที่แสนแพงและขนาดที่เล็กจนอาจทำให้พลาดร่วงหล่นจากกระเป๋าได้ทำให้ล่อตาล่อใจผู้ไม่ประสงค์ดีหรือเสี่ยงต่อการหล่นสูญหายได้ตลอดเวลา แต่ถ้าหากสมาร์ทโฟนของเราเกิดหายขึ้นมาจริงๆ เราควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ของสุดรักกลับมาอย่างปลอดภัย วันนี้เราก็มี 4 วิธีที่สามารถป้องกันและช่วยให้คุณค้นหาสมาร์ทโฟนได้รวดเร็วและง่ายขึ้น

1. ใส่รหัสปลอดล็อกเครื่อง

การล็อกเครื่องด้วยรหัสความปลอดภัยต่างๆ นั้นเเป็นวิธีแรกและง่ายที่สุดสำหรับการป้องกันการเข้าถึงสมาร์ทโฟนของเรา โดยแต่ละครั้งที่เราเปิดอุปกรณ์หรือปลุกหน้าจอ ระบบจะให้ปลดล็อกอุปกรณ์ซึ่งโดยปกติจะมี 3 วิธีหลักๆ ได้แก่ รูปแบบ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยระดับกลางโดยเป็นการล็อกรหัสตามการวาดลายเขียนของผู้ใช้งานอย่างน้อย 4 จุดขึ้นไป, รหัส PIN มีความปลอดภัยในระดับกลางถึงระดับสูงโดยเป็นการล็อกหน้าจอด้วยรหัสตัวเลขตั้งแต่ 4-16 ตัว และรหัสผ่านเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยในระดับสูงโดยจะใช้เป็นตัวอักษรและตัวเลขรวมกันตั้งแต่ 4-16 ตัว แต่สำหรับอุปกรณ์หลายรุ่นในปัจจุบันก็สามารถปลอดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนลายนิ้วมือได้ด้วยเช่นกัน

2. ใช้ฟีเจอร์ "หาอุปกรณ์ของฉัน" ในอุปกรณ์ Android

เมื่ออุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android หรือนาฬิกา Wear ของเราสูญหาย สามารถตรวจสอบหาตำแหน่งที่อยู่ได้ด้วยฟีเจอร์ "หาอุปกรณ์ของฉัน" ทำให้สามารถช่วยค้นหาอุปกรณ์ได้ โดยอุปกรณ์ของเราที่สูญหายต้องอยู่ในสภาพต่อไปนี้

  • เครื่องเปิดอยู่
  • ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของ Google
  • เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือหรือ Wi-Fi
  • มองเห็นได้ใน Google Play
  • เปิดตำแหน่งอยู่

โดยวิธีการใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวมีวิธีการดังนี้ (ใช้ได้ทั้งแอพพลิเคชั่นใน Google Play Store หรือเว็บไซต์ Google)
    1. เปิด android.com/find แล้วลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนของเรา
    2. ตำแหน่งจะปรากฏสมาร์ทโฟนของเราบนแผนที่ (หากตำแหน่งของอุปกรณ์ไม่ได้ถูกเปิดไว้จะถูกแสดงสถานที่ที่ทราบล่าสุดแทน)
    3. เลือกสิ่งจำเป็นต้องทำหากหาอุปกกรณ์ไม่พบ ได้แก่

  • เล่นเสียง : ซึ่งอุปกรณ์ส่งเสียงที่ระดับสูงสุดเป็นเวลา 5 นาที แม้จะตั้งค่าเป็นโหมดเงียบหรือสั่นก็ตาม
  • ล็อก : อุปกรณ์จะล็อกด้วย PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน และหากเรายังไม่มีการล็อก เราสามารถตั้งค่าการล็อกทั้งยังสามารถเพิ่มข้อความหรือหมายเลขโทรศัพท์ไปยังหน้าจอได้
  • ลบ : จะเป็นการลบข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์อย่างถาวร (อาจไม่ลบข้อมูล SD การ์ด) หลังจากลบข้อมูลแล้ว "หาอุปกรณ์ของฉัน" จะไม่ทำงานในอุปกรณ์นั้น

3. ทำการแจ้งความหากยังไม่ได้ของคืน

หากอุปกรณ์ของเรายังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อรับคืน สิ่งที่ควรทำคือการแจ้งความของหายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสำคัญอย่างมากหากอุปกรณ์ของเรายังอยู่ในประกัน โดยสิ่งที่เราควรเตรียมไปเพื่อแจ้งความมีดังนี้

  • เลข IMEI ของตัวเครื่องเสมือนเป็นหมายเลขบัตรประชาชนของโทรศัพท์รุ่นนั้นๆ ที่แสดงหรือบ่งบอกตัวตนของตัวเครื่อง โดยจะมีเลขตัวเลข 15 หลักติดกัน ซึ่งเราจะหาได้จากกล่องอุปกรณ์ที่เราซื้อมาหรือบนเว็บไซต์ https://www.google.com/settings/dashboard จากนั้นให้ล็อกอินด้วยบัญชี Google แล้วเลือกในแท็บ Android ก็จะปรากฏหมายเลขดังกล่าว
  • ยี่ห้อ, รุ่นและสีของสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่ถูกขโมย
  • หมายเลขโทรศัพท์และเครือข่ายสัญญาณที่เราใช้งาน
  • วิธีการของขโมย วันที่เวลาและสถานที่ที่ถูกขโมย

4. ระงับสัญญาณโทรศัพท์ตามเครือข่ายที่ใช้งานอยู่

เพื่อป้องกันการที่ผู้ร้ายจะใช้เบอร์โทรศัพท์ของเราในการใช้ประโยชน์หรือหลอกลวงต่างๆ เราควรที่จะระงับสัญญาณโทรศัพท์หรือทำตามที่เจ้าของผู้ให้บริการของเราแนะนำ โดยเบอร์โทรศัพท์คอลเซ็นเตอร์ของเครือข่ายสัญญาณหลักๆ ในประเทศไทยมีดังนี้

  • Truemove H : 1242
  • DTAC : 1678
  • AIS : 1175

นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถนำหลักฐานการแจ้งความและเลข IMEI ประจำเครื่องเพื่อไปติดต่อที่ศูนย์บริการเพื่อฝากเรื่องกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากขโมยนำเครื่องไปที่ศูนย์บริการ ตัวระบบจะตรวจสอบและติดต่อกลับมาทันที

และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่จำเป็นเพื่อเป็นการป้องกันและเตรียมพร้อมไว้เสมอหลังจากที่อุปกรณ์ของเราสูญหายไป แต่ในท้ายที่สุดแล้วหากเราไม่ต้องการลำบากเพื่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย ผู้ใช้งานก็ต้องรักษาและระมัดระวังอุปกรณ์ของตัวเองเป็นประจำอยู่เสมอ

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่