ยังคงอยู่ที่เรื่องราวของงานเปิดตัวสามรุ่นใหม่ได้แก่ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X โดยต้องบอกว่าจากการเผยโฉมในครั้งนี้นั้นมีประเด็นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว แทบจะบอกได้ว่าแบรนด์ Apple กลายเป็นเจ้าแห่งความอินดี้ไปเลยก็ไม่ผิดนัก ซึ่งหยิบยก 10 ไฮไลท์มาเล่าสู่กันฟัง อารมณ์ประมาณตามโฆษณาเลย " ถ้าไม่ใช่แอปเปิ้ล ยังไงก็ไม่ใช่แอปเปิ้ล " ลองมาอ่านเล่นกันครับ
เริ่มจากสวนกระแสราคาวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน : สำหรับประเด็นนี้ก็ต้องบอกว่าแอปเปิ้ลใจแข็งมาก ท่ามกลางที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น แถมยังทำการตลาดโดยงัดเอาลูกเล่นต่างๆ เพิ่มมากขึ้นให้กับสมาร์ทโฟนของตนเองพร้อมวางจำหน่ายในราคาที่เอื้อมถึง แต่ก็แค่นั้นเพราะแอปเปิ้ลได้มีจุดยืนอย่างแน่วแน่และมั่นใจในสินค้าว่ามีคุณภาพกับความผูกพันธ์ที่มีต่อสินค้า (Customer Loyalty) ของกลุ่มผู้ซื้อ รวมถึงมองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องแข่งขันกับใคร เพราะมีแนวทางชัดเจนอยู่แล้วว่าวางสินค้าอยู่ในระดับ Fashion - Luxury Phone มากกว่าการเป็นแค่สินค้าไอทีทั่วไป ข้อพิสูจน์คือแบรนด์ประเภทสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นอย่างหรูหราต่างร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา อาทิ Burberry, Hermes, Gilt เป็นต้น
ขนาดหน้าจอกับความละเอียด : หลายแบรนด์เริ่มให้ความสำคัญกับจอไร้ขอบมีการเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง แอปเปิ้ลยังคงแน่วแน่ไม่เดินตามกระแสทิศทางของตลาด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หน้าตาดีไซน์จะเหมือนเดิมทุกประการ จนกลายเป็นนิยามชั่วข้ามคืนว่านึกว่า iPhone 7 ในคราบ iPhone 7s อีกทั้งขนาดจอแสดงผลเรียกได้ว่าน่าสนใจมาก เพราะยังมีขนาด 4.7 นิ้ว กับ 5.5 นิ้วตามลำดับ หากมองรุ่นท็อปแบรนด์อื่นต่างอัดขนาดหน้าจอเพิ่มขึ้นเพื่อตอบโจทย์คอนเทนต์วิดีโอที่กำลังมาแรง ทว่าแอปเปิ้ลไม่คิดเช่นนั้น เพราะจอแสดงผลขนาดถือว่าเหมาะสมแล้ว และถ้ามองด้านความละเอียดต้องบอกว่ารักไม่อยู่เปลี่ยนแปลงในรุ่น Plus แค่ระดับ FullHD แต่รุ่น X จัดเต็ม (2436 x 1125 พิกเซล) เพื่อเพิ่มจุดขายให้แตกต่างจากรุ่นอื่น
คุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่นมาตรฐาน IP67 : จะทำให้สุดก็ได้ แต่แอปเปิ้ลเลือกไม่ทำซึ่งอาจมาจากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะการใช้งานจริงเพียงแค่ป้องกันนํ้าจากอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่ได้เน้นให้ใช้งานผิดแปลกไปจากรูปแบบเดิมทั่วไป หรืออาจจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ไม่สามารถทดสอบได้ผ่านมาตรฐานในระดับ IP68 แต่เชื่อว่าถ้าต้องการในระดับดังกล่าวจริงทางแบรนด์ก็ไม่น่ามีปัญหาใดในการผลิต ดังนั้นแอปเปิ้ลอาจมองว่าเป็นเรื่องเกินความจำเป็นซะมากกว่า
ไม่กล้าตัดสแกนลายนิ้วมือใช่ไหม นี่ไงดูซะสิเราทำให้ดูแล้ว! : หลายคนก็อาจมองว่าพวกระบบยืนยันตัวตนทั้งหลายที่มีบน iPhone ครั้งนี้ อีกฝั่งหนึ่งก็มีมาหมดแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรด้วยซํ้าไป แต่ลอสังเกตหรือไม่ว่าไม่วาจะเป็นสแกนใบหน้าหรือสแกนม่านตาท้ายที่สุดก็ยังมีสแกนลายนิ้วมืออีก โดยไม่มีใครกล้าเอาออกเลยซึ่งแอปเปิ้ลได้จัดการโซลูชั่นดังกล่าวให้แล้ว มีข้อน่าสนใจอีกอย่างครับ อย่างที่ทราบกัน Apple กำลังพัฒนาระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ หมายความอาจเป็นการปูทางเข้าสู่ฟีเจอร์ดังกล่าวใน The Next iPhone ก็เป็นได้
ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก : ต่อจากประเด็นข้างต้นคือการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า บนเวทีเปิดตัวกลับมีปัญหาเกี่ยวกับ Face ID ซึ่งนาย Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ ไม่สามารถปลดล็อคเครื่องได้นั้นจึงต้องเปลี่ยนเครื่องสำรองแทน โดยมีการชี้แจงว่า เนื่องจากทีมงานหลังเวทีทำการเช็คความปกติกับทดสอบอยู่หลายครั้งส่งผลให้ระบบจดจำใบหน้าดังกล่าวไว้ส่งผลให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ลองมองกลับกันในมุมมองหนึ่งดูว่าหากปกติหมดเลยก็กลายเป็นว่าไม่ได้เป็นจุดน่าสนใจ เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่เลย
แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นกลายเป็นว่าประเด็นนี้ถูกพูดถึงอย่างมากและตามมาด้วยคำถามอีกมากมาย โดยจบลงด้วยการตลาดแบบไม่ต้องลงแรง
เฉดสีตัวเครื่อง ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ : หลายคนอาจงงมาร้องเพลงให้ฟังหรือเปล่า แต่ถือได้ว่าเซอร์ไพร์สพอสมควรท่ามกลางกระแสของสีสันที่ใครหลายตื่นเต้นและมองเป็นเรื่องดีว่าในที่สุดเราจะได้มีสีสันใหม่ๆ ไว้ใช้งาน เบื่อความจำเจที่มีมาอย่างยาวนาน ทว่าแอปเปิ้ลก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเลย นอกจากไม่มีสีใหม่แล้วสีโรสโกลด์ที่สาวๆ ชอบก็ไม่ได้มีใน 3 รุ่นใหม่ด้วย รวมถึง Jet Black ด้วยเช่นกัน แต่หากมองดูดีๆ สีของตัวเครื่องทั้งสามแบบใหม่ล่าสุดจะแตกต่างจากโทนสีเดิมอยู่เหมือนกัน เช่น สีทองตามสเปกทางเทคนิคที่เขียนไว้และการโฆษณาจะเห็นว่าเมื่อมองเครื่องจริงจะไม่ใช่สีทองแบบทองเลย แต่จะดูเหมือนโทนสีทองผสมสีโรสโกลด์อยู่ไม่น้อย หรือสีเงินที่มองผิวเผินจะคล้ายสีขาวเลยก็ว่าได้ หรือสีเทาสเปซเกรย์เมื่อมองผ่านกระจกคล้ายสีดำเงาเลยทีเดียว ก็ถือเป็นจุดสังเกตน่าสนใจเหมือนกัน และความแน่วแน่ที่ไม่ตามใคร
ขณะที่ผู้อื่นกำลังสนใจอย่างอื่น แต่สิ่งเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม กับเริ่มพัฒนามากกว่าคำว่าอิโมจิแล้ว
เชื่อว่าหลายคนสงสัยว่าคืออะไรขอเฉลยแล้วกันนะครับคืออิโมจินั่นเองที่แอปเปิ้ลมุ่งมั่นพัฒนาและยังคงสร้างสรรค์ความแปลกใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอิโมจิสามารถแทนคำพูดในการสื่อสารทางด้านอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าคำพูดหรือประโยชน์ต่างๆ ซึ่งประเด็นนี้แม้แต่ยักษ์ใหญ่ของโลกโซเชียลทั้งหลายเองก็เห็นด้วย ทั้งนี้ Apple กลับคิดต่างและไม่มีทองทิ้งอิโมจิซึ่งจะเห็นได้ว่ากี่ iOS ที่ผ่านมายังคงเป็นหัวใจสำคัญอยู่ โดยในครั้งนี้ทางแบรนด์ใช้ชื่อเรียกว่า Animoji แตกต่างอย่างไร คืออะไรมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
สำหรับ Animoji ถูกต่อยอดจากอิโมจิโดยใช้เซ็นเซอร์ 3 มิติช่วยจำลองภาพทำงานร่วมกับชุดคำสั่งของเฟิร์มแวร์ใน iOS 11 ความน่าสนใจคือรูปภาพเคลื่อนไหวเหล่านี้สร้างจากโครงสร้างใบหน้าและการแสดงออกทางสีหน้าของเราซึ่งอาจหมายความว่าอยากได้แนวไหนเราก็สามารถออกแบบได้เอง แต่คงต้องลุ้นหน่อยว่าจะตรงกับความต้องการเราจริงๆ หรือไม่ ทั้งนี้หากใครชอบอันไหนก็บันทึกเก็บไว้ได้ เรียกได้ว่าจุดเล็กๆ Apple ยังคงให้ความสำคัญเสมอ
ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม : คงไม่ต้องคัดเลือกสำนวนใดแล้ว เพราะท่ามกลางข่าวคราวของความเร็วแรงชิปเซ็ตทั้งหลายที่ทยอยเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ เลยเมื่อมีผลทดสอบความเร็ว Benchmark ทำคะแนนไต่ขึ้นอันดับหนึ่งของโลกสำหรับ iPhone X กลายเป็นแชมป์ทันที
แต่ถ้ามองจากข่าวคราวต่างๆ แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลยเงียบสนิท รู้แต่เพียงว่าน่าจะเป็นชิปเซ็ตใหม่อยู่แล้ว ทว่าความเร็วแรงกับพุ่งทะยานแบบไม่ทิ้งฝุ่น...
เบื่อแนวนอนอยากได้แนวตั้ง : ยังคงเป็นปริศนาอยู่ดีว่าทำไมถึงออกแบบให้กล้องคู่มีลักษณะแนวตั้งรวมถึงมีข้อดีกว่าแนวนอนอย่างไร ซึ่งกลายเป็นอีกประเด็นที่ทุกคนกำลังสงสัยและรอคำเฉลยโดยเราคงต้องมารอลุ้นกันครับว่าจะมีคำตอบช่วยคลายความอยากรู้ได้หรือไม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะมีหรือไม่มีอย่างน้อย Apple กล้าสร้างความแตกต่างสามารถเพิ่มจุดเด่นให้กับสินค้าแบบไม่ต้องเปลืองแรงมากมายเลย เพราะถ้าไม่นับแบรนด์จีน Sharp ที่ชิงเปิดตัวไปก่อนหน้า แอปเปิ้ลก็ยังร้อนแรงกว่าอยู่ดี นั่นหมายความว่าหากมองเห็นสมาร์ทโฟนกล้องแนวตั้ง ไม่ต้องสงสัยเลยนั่นคือ iPhone X
ปิดท้ายด้วยความแน่วแน่แบบ (รัก) ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง : อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากเกี่ยวกับคุณสมบัติชาร์จเร็ว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องดี แต่เดี๋ยวก่อนหากคุณโทรมาภายใน 30 นาทีนี้ เอ้ยไม่ใช่ หากเราอยากใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม แบ่งเป็นอแดปเตอร์กับสาย USB Type-C รวมแล้วประมาณ 2,590 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ 10 ประเด็นที่หยิบยกมาเล่าสู่กันฟังต้องบอกว่า Apple มีความเป็นตัวเองสูง ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสมาร์ทโฟน พวกเขากลับไม่ต้องแคร์ใครและต้องตามทางของตนเองต่อในสิ่งที่ตนเองเชื่อ
หลายคนอาจบอกว่าหลังจากหมดยุคผู้บุกเบิกไป แบรนด์ Apple ก็กำลังเดินตามใครต่อใครอยู่ แต่ถ้าลองมองดูดีๆ การเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ครั้งนี้กับ Apple Watch มันมีนัยสำคัญซ่อนอยู่ครับ
1. เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับระบบชาร์จไร้สาย ที่สามารถชาร์จได้หลายอุปกรณ์พร้อมกันแทนที่จะเป็นแบบ 1-1 ถือเป็นการบอกใบ้ว่านี่จะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานในอนาคตกับพร้อมแสดงให้รู้ว่าเราไม่ได้ทิ้งเทคโนโลยีนี้ ดังนั้นในอนาคตจึงน่าสนใจว่าท้ายที่สุดแล้วแอปเปิ้ลจะพัฒนาไปในทิศทางใดกันแน่เป็นไปตามข่าวลือหรือไม่ ไม่มีสายใดๆ ก็สามารถชาร์จไฟเข้าได้เลยผ่านตัวรับส่งสัญญาณ
2. ความเร็วแรงของ CPU ไม่ได้ทำออกมาเพื่อเบ่งกล้าม ส่วนตัวแล้วชิปเซ็ตรุ่นใหม่นี้มีแนวทางเพื่อใช้งานรองรับการการเปลี่ยนแปลงของอนาคตมากกว่า ซึ่งอาจสังเกตได้จากเฟิร์มแวร์ที่ iOS 11 จะเน้นการใช้งานเทคโนโลยี AR รวมถึงคอนเทนต์ระดับ 3 มิติและแน่นอนระบบ Machine Learning เกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าจำกัดแค่เพียงการใช้งานร่วมกับ Face ID แต่ก็ถือว่าเป็นการกรุยทางเข้าสู่ด้านอื่นๆ ก็ไม่ผิดนัก
3. ทางเลือกใหม่ของการยืนยันตัวตน อาจหมดยุคระบบ Touch ID แล้วก็เป็นได้ และปุ่มโฮมจะไม่มีอีกต่อไป เข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ปุ่มเหมือนตามที่ภาพคอนเซ็ปต์ต่างๆ เลย สอดคล้องกับหน้าจอ OLED ที่กำลังเป็นทางเลือกใหม่อย่างแพร่หลายในตอนนี้ด้วยข้อดีของชั้นเลเยอร์นั่นเองและการแสดงผล
4. นาฬิกาก็สามารถโทรศัพท์ได้นะ เริ่มเข้าสู่ยุคไร้สายเหมือนในหนัง Sci-Fi ไม่ผิด แค่แตะรับสายก็สามารถติดต่อสื่อสารเหมือนดังเช่นสมาร์ทโฟน
จากทั้งหมดทั้งมวลที่ได้ก้าวมาคิดเห็นว่าสิ่งที่ Apple กำลังทำตอนนี้เหมือนกำลังปูรากฐานที่มั่นคงมากกว่าและยั่งยืน หากมองภาพรวมจะเห็นว่าแอนดรอยด์ทุกอย่างดูดีดูลํ้าหน้ากว่าใครเพื่อนแต่ก็ตกเทรนด์ไวเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้วหลายแบรนด์ก็ต่างโฟกัสเรื่องกล้อง ทว่ามาในปีนี้เรื่องการถ่ายภาพกลายเป็นว่าแค่เพิ่มเติมปรุงแต่งซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์นิดหน่อยเท่านั้น แต่มาเน้นด้านหน้าจอแสดงผลแทน ทุกปีเทรนด์เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ขณะที่แบรนด์ผลไม้นี้ยังคงเป็นตัวเองเสมอมา
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 18 กันยายน 2560
รีวิว Apple iPad mini 7 ควรอัปเกรดไหม? แตกต่างจาก iPad mini 6 อย่างไร!
Apple จัดโปรโมชั่น Black Friday และ Cyber Monday ปี 2024 ลดสูงสุด 6,800 บาท
Apple ปรับลดราคา iPhone รุ่นไหนบ้าง! แล้ว iPhone รุ่นไหนเลิกขาย?
เมื่อ Apple นำเทรนด์ ปุ่มควบคุมกล้องบนสมาร์ทโฟนจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่?
พรีวิว iPhone 16 เน้นสีสันสดใส กล้องหลังแนวตั้งย้อนยุคฟีล iPhone X
iQOO 13 5G ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite แบต 6150mAh รองรับ 120W FlashCharge พร้อม Bypass Charging
สรุปจุดเด่นและสเปค OPPO Pad 3 Pro หน้าจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 ลำโพง 8 ตัว แบตฯ 9510mAh
iQOO Neo 10 Series สเปคเทพ กล้องสวย ดีไซน์โดนใจ เปิดตัว 29 พฤศจิกายนนี้
OPPO Enco Air4 และ OPPO Pad 3 Pro คู่หูอุปกรณ์ IoT สุดล้ำที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ลือ! iPhone 17 และ iPhone 17 Air ยังไม่มีซูม Optical 5x ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะรุ่น Pro
Redmi A4 5G หน้าจอ 120Hz ดีไซน์พรีเมียมมากขึ้น ชิปเซ็ต Snapdragon 4s Gen 2 เล่นเกมเพลิน
iQOO 13 5G เจ้าของความแรง Snapdragon Elite 8 + RAM สูงสุด 16GB เคาะราคาในไทย 27,900 เท่านั้น