เทคโนโลยี (Technology)  |   วันที่ : 18 ตุลาคม 2560

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

หลายๆ คนเริ่มได้เห็นว่าสมาร์ทโฟนที่ออกมาในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มจะตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออกไปเพื่อใช้กับหูฟังไร้สายผ่าน Bluetooth หรือเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C แทน จนทำให้ใครหลายคนแทบจะถอนหายใจเมื่อต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการฟังเพลงผ่านหูฟัง อย่างไรก็ตาม เราก็พอจะมีเหตุผลบางประการที่จะมาบอกว่าทำไมผู้ผลิตหลายๆ บริษัทเริ่มหันมาใช้พอร์ต USB กันมากขึ้น

Bluetooth ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณภาพของเสียงเพลงเพียงอย่างเดียว

ประการแรกเลยก็คือ การฟังเพลงผ่าน Bluetooth อาจจะยังไม่สามารถเข้าถึงผู้ที่ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจได้อย่างแน่นอน เนื่องจากคุณภาพผ่านสัญญาณ Bluetooth นั้นยังมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร แต่มันเพียงพอสำหรับการฟังเพลงแบบทั่วไปอย่างแน่นอน โดยหากมองถึงแอพพลิเคชั่นฟังเพลงชื่อดังอย่าง Spotify จะมีค่าบิทเรตของเพลงอยู่ที่ประมาณ 192 kbps ซึ่งก็เป็นค่าเสียงที่ยอมรับได้ในการไม่สูญเสียอรรถรสในการฟังเพลงไป

ทั้งนี้ Bluetooth ไม่ได้เกี่ยวกับแค่เสียงเพลงเท่านั้น แต่มันยังให้ความสะดวกสบายอีกด้วย ซึ่งมันสมบูรณ์แบบมากๆ สำหรับตลาดในวงการกีฬาที่เราสามารถใช้ระหว่างการวิ่งได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆ รอบตัว แม้กระทั่งเมื่ออยู่บ้าน เราก็แทบจะไม่ต้องมานั่งต่อสายให้ยุ่งยาก แถมยังเชื่อมต่อกับลำโพงตัวไหนก็ได้ในทันที

พอร์ต USB คือคำตอบสำหรับการฟังเพลงที่มีคุณภาพสูง

ถ้าหากเรามองถึงอนาคตว่าช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรถึงไม่เป็นที่ต้องของผู้บริโภคในอนาคตแล้วล่ะก็ ก็คงจะมีเหตุผลเดียวก็คือการใช้พอร์ต USB Type-C ที่ทำให้คุณภาพของเสียงที่ได้ดีกว่าอย่างชัดเจนนั่นเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสิ่งนี้ คือ USB Type-C มีสัญญาณเสียงแบบดิจิทัล ทำให้มีฟีเจอร์ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เสียงดีกว่าเดิมแน่นอน

นอกจากนี้ เราก็จะได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ที่ตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออกไปมากขึ้นในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ก็มีแบรนด์ต่างๆ ที่เริ่มใช้กันแล้ว เช่น Google Pixel 2, iPhone 8, iPhone X และ Huawei Mate 10 Pro เป็นต้น

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่