NEWS

[กรณีศึกษา] นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ในภาคเกษตรกรรมด้วยการใช้ Drone ลดระยะเวลา รวดเร็ว ปลอดภัย

เทคโนโลยี (Technology) | วันที่ : 4 พฤศจิกายน 2560

ปรับขนาดตัวอักษร - ก +ก

แชร์

ถ้าหากพูดถึงหุ่นโดรนเชื่อว่านาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเริ่มได้รับความนิยมเรื่อยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าได้มีการนำไปประยุกต์ใช้ทั้งทางธุรกิจและด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่นการที่ใช้เพื่อเข้าถึงพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงเอาไว้ขนส่งอาหาร ยา หรือเครื่องนุ่งห่มเป็นต้น อย่างไรก็ตามในบทความนี้จะพามาดูประโยชน์ของหุ่นโดรนกับเกษตรกรรมว่าสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกสบายได้มากน้อยแค่ไหน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำเกษตรกรรมต้องนำหลายๆ ส่วนมาผสมผสานเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งระยะแรกอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่พอทุกอย่างลงตัวมากขึ้น ปัจจัยใหม่ๆ เหล่านี้จะตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว แต่จะขอหยิบยกเฉพาะโดรนเท่านั้นมาเล่าสู่กันฟัง

สำหรับการใช้โดรนกับการเกษตรถือได้ว่ามีประโยชน์อย่างมาก กับ 6 ประเด็นน่าสนใจ

เริ่มด้วยการคำนวณ : ไม่ว่าเราจะปลูกอะไรการจะให้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ปัจจัยหนึ่งคือการหว่านเมล็ดให้ถูกต้องต่อพื้นที่ปลูก ยกตัวอย่างพื้นที่ 1 ไร่ เราแทบไม่รู้เลยด้วยว่าจะต้องปลูกปริมาณเท่าใด ดังนั้นหากเราใช้โดรนก็สามารถคำนวณความลงตัวได้ ด้วยการแค่บินสำรวจเท่านั้น และเราก็สามารถเช็คข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลย

ต่อด้วยประโยชน์ของการเช็คสภาพดิน : อย่างที่เกริ่นในข้อหนึ่ง หุ่นโดรนสามารถบินตรวจสอบพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม ดังนั้นการเช็คสภาพของดินจึงเป็นข้อต่อยอดด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเพาะปลูกนั้นต้องตรวจเช็คค่ากรดค่าด่างหรือสภาวะของดินในรูปแบบต่างๆ เสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าสุด มิเช่นนั้นอาจขาดทุนตั้งแต่เริ่ม เมื่อโดรนบินสำรวจแล้วค่าสภาวะต่างๆ จะถูกรายงานบนแอปพลิเคชั่นเช่นกัน ทว่าข้อแตกต่างคือเราสามารถรู้ได้เลยว่าจะต้องแก้ไขเช่นใด ต่างจากวิธีเดิมๆ ที่ต้องลองผิดลองถูกจนกว่าจะเจอวิธีที่ใช่

นอกจากประโยชน์ของทั้งสองแล้ว เจ้าหุ่นโดรนยังสามารถบรรทุกเมล็ดพันธุ์เพื่อหว่านเมล็ดลงแปลงได้อย่างแม่นยำตามที่เราได้กำหนดไว้ เช่นเดียวกับการติดตามการเจริญเติบโต ฉีดยาฆ่าแมลงหรือก็ปุ๋ยต่างๆ รวมถึงรดนํ้า โดยแตกต่างจากรูปแบบเดิมๆ ที่เราต้องเดินเช็คแต่ละจุดแต่ละจุดถ้าพื้นที่เยอะอาจต้องใช้เวลาทั้งวันเลยก็เป็นได้ และสิ้นเปลืองแรงงานคนกับค่าใช้จ่าย

ขณะที่ประโยชน์ต่อยอดคือทุกอย่างอยู่บนเรื่องราวของอัตโนมัติ เพราะเกษตรกรสามารถตั้งเวลาเพื่อให้หุ่นโดรนขึ้นบินเพื่อ ติดตามการเจริญเติบโต บินสำรวจพื้นที่ หรือรดนํ้า ฉีดปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแบบที่เราก็แค่นั่งรอเท่านั้น

ความยืดหยุ่น : ถ้าเป็นการเกษตรกรรมรูปแบบเดิมๆ การที่จะวัดตรวจสอบหรือทำอะไรก็ตาม บางครั้งต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เพิ่มซึ่งบางชิ้นมีราคาสูงทำให้ค่าใช้จ่ายตามมา ทว่าหุ่นโดรนแค่เปลี่ยนอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นหรือบางชิ้นก็ใช้งานร่วมกันได้จึงช่วยประหยัดมากขึ้นทำให้มีความยืดหยุ่น

เวลา : หากพูดถึงปัจจัยนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญของทุกคน ทว่าการทำเกษตรกรรมนั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากพื้นที่ 1 ไร่ แรงงาน 1 คนจะกินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับส่วนของประเภทพืชที่เพาะปลูกด้วย เพราะการดูแลรักษาไม่เหมือนกัน แต่หากเปลี่ยนมาใช้หุ่นโดรนเราก็จะประหยัดเวลาได้เยอะ แถมยังแม่นยำตรงจุดด้วย เฉกเช่นเดียวกับสุขภาพร่างกายของเราไม่ยํ่าแย่ต้องตากแดดตลอดเวลา

จากทั้ง 6 ข้อข้างต้นที่ได้หยิบยกประโยชน์มาเล่าสู่กันฟังจะเห็นได้ว่าน่าสนใจอย่างยิ่งและทุกคนต้องพึ่งตระหนักแล้วเทคโนโลยีสามารถช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มความคล่องตัวมากขึ้นทำให้ผลผลิตดีกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตลอดเวลาจากภาครัฐและภาคชาวสวน จึงไม่พลาดทุกการติดตามข่าวสารพร้อมได้รับเกร็ดสาระน่ารู้ต่างๆ จากเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน

แต่หุ่นโดรนในปัจจุบันยังคงมีราคาสูงทำให้หลายคนจึงเลือกใช้วิธีเดิมๆ ทว่าทุกคนถึงเวลาแล้วที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอาจไม่จำเป็นต้องโดรนเสมอไป เพราะเทคโนโลยีบางอย่างก็สามารถนำมาประยุกต์ได้โดยที่ค่าใช้จ่ายไม่สูง

อย่างไรก็ตามใครที่กำลังเริ่มมองหาโดรนไว้ใช้กับพื้นที่ของตนเอง แนะนว่าให้เลือกที่เหมาสมกับการเพาะปลูกของตนเองมากที่สุด รวมถึงต้องศึกษาข้อกฏหมายด้วยเช่นกัน