มาวัดกัน! เปรียบเทียบสมาร์ทโฟนตัวท็อปของแต่ละแบรนด์ รุ่นไหนเด็ดและโดนใจเรามากกว่ากัน?

เชื่อว่าใครหลายๆ คนก็ต้องการสมาร์ทโฟนที่เป็นที่สุดในทุกเรื่องอยู่แล้ว ทว่าในแต่ละแบรนด์ก็มีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าตา UI, ดีไซน์และการออกแบบ, หน้าจอแสดงผล, หน่วยประมวลผล, กล้องถ่ายรูป และความพิเศษอื่นๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง ในวันนี้เราจึงหยิบยกสมาร์ทโฟนระดับ High-End ของแต่ละแบรนด์มาเปรียบเทียบกันให้ได้เห็นกันชัดๆ ว่าของใครมีดีอย่างไรบ้าง

ดีไซน์และการออกแบบ

เริ่มกันด้วย Samsung Galaxy Note 8 ที่มีดีไซน์พร้อมกับตัวเครื่องโลหะ ซึ่งมีความโค้งมนน้อยกว่า Samsung Galaxy S8 เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน โดยมีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 74.8 x 162.5 x 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 195 กรัม

 

ต่อมาในรุ่น iPhone X ที่มีดีไซน์ไร้ปุ่มโฮม แตกต่างจาก iPhone รุ่นอื่นๆ พร้อมกับหน้าจอไร้ขอบที่มี Function Area อยู่เหนือหน้าจอ โดยมีขนาดรอบตัวเครื่อง 143.6 x 70.9 x 7.7 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 174 กรัม

 

Huawei Mate 10 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ก็มาแรงไม่แพ้กัน โดยมีการลดขอบหน้าจอให้บางลง พร้อมรวมชิ้นส่วนโลหะและแผงกระจกสองชิ้นเข้าด้วยกัน มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 74.5 x 154.2 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 178 กรัม

 

Sony Xperia XZ1 มาพร้อมกับความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเอง โดยผลิตจากโลหะชิ้นเดียวแบบ Unibody มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 148 x 73 x 7.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 156 กรัม

 

OPPO F5 สมาร์ทโฟนตัวแรงที่มีการปรับดีไซน์จากรุ่นก่อนให้เต็มหน้าจอ โดยผลิตจากวัสดุโลหะแบบ Unibody มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 156.5 x 76 x 7.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 152 กรัม

 

หน้าจอแสดงผล

สำหรับหน้าจอของแต่ละแบรนด์ที่เราหยิบยกขึ้นมา 4 ใน 5 รุ่นจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบเต็มจอและมีขอบบางเฉียบ ขณะที่ Sony ยังคงเป็นแบรนด์เดียวที่คงเอกลักษณ์ของตัวไว้ได้อย่างลงตัว โดย Samsung Galaxy Note 8 มาพร้อมหน้าจอแบบ Super AMOLED กว้าง 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 2960 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งป้องกันกระจกแตกจากการตกสู่พื้นและรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี

 

ต่อมาเป็น iPhone X ที่เป็นตัวแรกจากค่ายที่ใช้หน้าจอ Super Retina OLED โดยมีความกว้าง 5.8 นิ้ว ความละเอียด 1125 x 2436 พิกเซล ทั้งยังมีกระจก Corning Gorilla Glass 5 ด้วยเช่นกัน

 

Huawei Mate 10 Pro มีหน้าจอ OLED มุมมองกว้างแบบ FullView ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2160 พิกเซล อัตราส่วน 18:9

 

Sony Xperia XZ1 มาพร้อมหน้าจอ TRILUMINOS ชูจุดเด่นด้านการแสดงผลแบบ HDR กว้าง 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5

 

OPPO F5 ผลิตให้มีหน้าจอแสดงผลแบบ LTPS TFT กว้าง 6 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2160 พิกเซล FullHD+

 

หน่วยประมวลผล / RAM / ROM

มาถึงหนึ่งในส่วนที่สำคัญของการเลือกสมาร์ทโฟนกันแล้วสำหรับเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ ภายในตัวเครื่อง โดยเราขอหยิบยก Samsung Galaxy Note 8 เป็นตัวแรกเช่นเดิม ซึ่งมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Exynos 8895 Octa Core ความเร็ว 2.3 GHz, RAM 6 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) 64 GB และสามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอก microSD ได้สูงสุด 256 GB ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat

 

iPhone X ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล A11 Bionic Hexa Core, RAM 3 GB, หน่วยความจำภายใน 64/256 GB พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 11

 

Huawei Mate 10 Pro ทำงานพร้อมกับหน่วยประมวลผล Kirin 970 Octa Core ที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเพิ่มความพิเศษให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มีความเร็ว 2.36 GHz, RAM 4 GB, หน่วยความจำภายใน 64 GB โดยมีระบบปฏิบัติการพื้นฐาน คือ Android 8.0 Oreo

 

Sony Xperia XZ1 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Snapdragon 835 Octa Core ความเร็ว 2.35 GHz, RAM 4 GB, หน่วยความจำภายใน 64 GB สามารถเพิ่ม microSDXC ได้สูงสุด 256 GB และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo

 

OPPO F5 มีการทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผล Mediatek MT6763T Helio P23 Octa Core, RAM 4/6 GB, หน่วยความจำภายใน 32/64 GB สามารถเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256 GB ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat และครอบทับด้วย Color OS 3.2

 

กล้องถ่ายรูป

มาถึงส่วนที่ใครหลายคนให้ความสนใจและให้ความสำคัญกันแล้วสำหรับความละเอียดของกล้องและเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ

สำหรับ Samsung Galaxy Note 8 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่นสะเทือน 2 ตัว (Dual OIS) รูรับแสงขนาด f/1.7 มีไฟแฟลช LED ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.7 มีระบบโฟกัสอัจฉริยะแบบอัตโนมัติ
โดยความพิเศษของโหมดกล้องถ่ายรูปอย่าง Live Focus ทำให้ได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอสวยๆ พร้อมปรับการเบลอของภาพพื้นหลังได้ตลอดเวลาในภายหลัง และ Dual Capture ที่จับภาพสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเฟรม ทำให้เราได้ภาพพร้อมกันถึง 2 แบบทั้งระยะใกล้และไกลในการถ่ายเพียงครั้งเดียว

 

iPhone X มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นสะเทือน OIS แบบคู่ (Dual OIS) รูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 โดย iPhone X ชูจุดเด่นของกล้องในเรื่องการถ่ายภาพบุคคล ที่มีไฟแฟลช True Tone แบบ LED 4 ดวง ช่วยให้ได้ภาพที่สวยงามในทุกสภาพแสง รวมถึงคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" เพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์แสงแบบที่ใช้เหมือนในสตูดิโอของจริงเลยทีเดียว ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.2

 

Huawei Mate 10 Pro มีกล้องหลังคู่มาตรฐาน Leica ความละเอียด 20 + 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นสะเทือน OIS รูรับแสงขนาด f/1.6 มีไฟแฟลช 2 ดวง (Dual LED) ทั้งยังใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยประมวลผลภาพให้มีความสมจริงและเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และรูรับแสงขนาด f/2.0

Sony Xperia XZ1 มาพร้อมกับกล้องหลัง Motion Eye ความละเอียด 19 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.0 มีไฟแฟลช LED ประกอบกับฟังก์ชันการเคลื่อนไหวสโลว์โมชั่นแบบพิเศษและการถ่ายภาพแบบคาดเดาที่ช่วยให้เราเห็นช่วงเวลาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.0

 

OPPO F5 มีความละเอียดของกล้องหลังอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.8 โดยจุดเด่นจะอยู่ที่กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี A.I. beauty ช่วยให้มีการแยกแยะอายุ, เพศ และสีผิว ทำให้ได้ภาพที่เหมาะสมไปในแต่ละคนอีกด้วย

สำหรับสมาร์ทโฟนทั้ง 5 รุ่น ที่นำมาเปรียบเทียบให้ดูนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่าในแต่ละแบรนด์จะเน้นไปในเรื่องของดีไซน์ที่มีหน้าจอแสดงผลกว้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบรับชมวิดีโอหรือเล่นเกมได้อย่างเต็มจอ ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในปี 2017 นี้ ทั้งยังมีการแข่งขันในเรื่องของกล้องหลังและกล้องหน้าแบบไม่มีใครยอมใครอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการนำข้อมูลมาให้ผู้ชมได้ลองอ่านกันดูว่าสมาร์ทโฟนรุ่นไหนหรือแบรนด์ใดจะตอบโจทย์ในการตัดสินใจเลือกซื้อได้มากกว่ากัน?