สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 29 มกราคม 2561
หากพูดถึงสมาร์ทโฟนชื่อดังจากค่าย Apple ในตอนนี้ ก็คงจะไม่พ้น iPhone X ที่ได้มีการปรับทั้งดีไซน์และฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่สาวกคงกังวลกันไม่น้อยคงจะเป็นเรื่องของหน้าจอ OLED กับปัญหาแบบแก้ไม่ตกเสียทีกับอาการจอเบิร์น หรือ Burn-in แต่เราก็มีวิธีป้องกันทั้งก่อนและหลังเกิดปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีง่ายๆ เพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น
อะไรคืออาการจอเบิร์นกันแน่?
สำหรับอาการจอเบิร์นนั้น เราอาจจะเรียกง่ายๆ ก็คือ อาการภาพค้างบนหน้าจอแสดงผล ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราเปิดภาพนิ่งค้างไว้ที่หน้าจอเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการเคลื่อนที่ จนทำให้เกิดภาพซ้อนขึ้นมาเมื่อออกจากหน้าจอเดิมนั่นเอง
วิธีการป้องกันการเกิดอาการจอเบิร์น
1. อัปเดต iOS อยู่เสมอ
ปกติแล้ว Apple มักจะแก้ปัญหาด้านซอร์ฟแวร์ด้วยการอัปเดตระบบปฏิบัติการ และเมื่อมีการแจ้งเตือน เราก็ควรจะดาวน์โหลดและติดตั้งการอัปเดตนั้นๆ เพราะไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ใหม่ที่เราจะได้เท่านั้น แต่รวมไปถึงการแก้ปัญหาแบบเฉพาะเจาะจงในแต่ละครั้งด้วยเช่นกัน
2. ตั้งค่าความสว่างอัตโนมัติ
เชื่อว่าใครหลายๆ คนคงไม่ชอบการปรับความสว่างอัตโนมัติ เพราะนอกจากจะปรับสว่างได้ไม่ค่อยถูกใจเราแล้ว ยังทำให้เปลืองแบตเตอรี่ได้อีกด้วย แต่ในกรณีของ iPhone X นั้น การตั้งค่าดังกล่าวจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหน้าจอได้ไปอีกนาน โดยวิธีฃเปิดฟีเจอร์ดังกล่าวให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > การช่วยการเข้าถึง > การช่วยเหลือจอแสดงผล > เปิด ปรับความสว่างอัตโนมัติ
3. ปรับระยะเวลาหน้าจอให้น้อยลง
เมื่อเราไม่ได้ใช้งานหรือปล่อยให้หน้าจอค้างไว้นานๆ โดยไม่ได้ปรับให้หน้าจอล็อคเอง นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดหน้าจอเบิร์น ดังนั้น การปรับระยะเวลาหน้าจอให้เหลือประมาณ 30 วินาที - 1 นาที จึงเป็นวิธีป้องกันเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด
4. อย่าทิ้งภาพนิ่งเป็นเวลานานๆ
ถ้าหากใครที่ใช้แอพฯ นาฬิกาแบบพิเศษหรือแอพตู้ปลาเพื่อดูเล่นเป็นเวลานานๆ หวังว่าผู้ที่ใช้ iPhone X อยู่ จะทำการถอนการติดตั้งในตอนนี้ แต่ถ้าใครที่ยังชอบอยู่ เราก็แนะนำให้ปรับลดความสว่างลงขณะใช้แอพดังกล่าว
ถ้าเกิดหน้าจอเบิร์นแล้วควรทำอย่างไร?
ถ้าหากเราเห็นภาพซ้อนเกิดขึ้นมาเรียบร้อย และไม่ใช่อาการที่หนักมาก ขั้นตอนแรก คือให้ปิดเครื่อง iPhone X ไปชั่วครู่ (ประมาณ 5 นาที) แต่ถ้าหากยังมีภาพซ้อนปรากฏอยู่ ก็ให้ลองปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
และเมื่อเราเปิดเครื่องขึ้นมาอีกครั้ง ก็ให้ใช้งานแบบปกติต่อไป แม้ว่าจะมีภาพซ้อนอยู่ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าอาการต่างๆ จะหายไปเมื่อเราใช้งานตามปกติไปได้สักระยะหนึ่ง แต่หากปัญหาจอเบิร์นยังไม่หมดไป นี่ก็อาจจะถึงเวลาเปลี่ยนหน้าจอแล้วก็เป็นได้
นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์บางรุ่นยังใช้หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ด้วย เช่น Samsung Galaxy A8/A8+, OPPO R11s/R11s Plus, OnePlus 5T, Huawei Mate 10 Pro และ Google Pixel 2 เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนๆ หากเกิดปัญหาก็สามารถแก้ไขเหมือนกับ iPhone X ได้เช่นกัน
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.imore.com วันที่ : 29 มกราคม 2561
nubia Neo 2 5G ชิปเกมมิ่ง 5G Unisoc T820 แรมรอมใหญ่สะใจ แบตเตอรี่ 6,000mAh
POCO C61 สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น ได้จอ 90Hz กล้อง AI แบตเตอรี่ 5,000mAh
รีวิว Xiaomi 14 หน้าจอ 120Hz ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 3 กล้องหลังเลนส์ LEICA-SUMMILUX ระบบเสียง D...
OnePlus Nord CE4 เตรียมเปิดตัว 1 เมษายน คอนเฟิร์มใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 3
OnePlus Ace 3V สมาร์ทโฟนรุ่นแรกใช้ Snapdragon 7+ Gen 3 กล้องเซนเซอร์เรือธง กันสั่น OIS
Garmin FORERUNNER 165 จีพีเอสสมาร์ทวอทช์ กับจอ AMOLED คมชัดทัชลื่น
เปิดตัว realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G เทคโนโลยีกล้องซูมเพอริสโคป
HONOR X7b แบตอึดและใหญ่ กล้องความละเอียดสูง 108MP ลงสนาม 21 มี.ค.นี้
HUAWEI Nova 12s หน้าจอ OLED 6.7 นิ้ว รีเฟรช 120Hz กล้องเซลฟี่มุมกว้าง 60MP
Samsung Galaxy M15 5G รุ่นต่อของแบตฯ ความจุ 6000mAh กับชิปเซ็ต Dimensity 6100+ เร็วแรงขึ้นกว่าเดิม
POCO X6 Neo รุ่นใหม่ใหม่ล่าสุด มือถือตัวตึง สเปคเร็วแรง เหมาะเล่นเกม ลุ้นเข้าไทย
POCO C61 สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น ได้จอ 90Hz กล้อง AI แบตเตอรี่ 5,000mAh21 ชั่วโมงที่แล้ว
เปิดตัวแล้วแบบเงียบๆ Samsung Galaxy Tab S6 Lite (2024)28 มี.ค. 67 11:00
vivo Pad 3 Pro หน้าจอคมชัด 3.1K ชิปเซ็ต Dimensity 9300 แบตฯ 11500mAh28 มี.ค. 67 09:00