สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 13 กันยายน 2561

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

เปิดตัวกันไปเรียบร้อย สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Apple ซึ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561 ที่ Steve Jobs Theater โดยเจ้า 2 รุ่นตัวท็อปที่เปิดตัวไป ก็มีฟีเจอร์และสเปคที่อัพเกรตใหม่ๆ เพิ่มเข้าพอสมควร แต่จะมากพอดึงดูดให้คนที่มี iPhone X อยู่แล้ว เปลี่ยนไปใช้หรือไม่ ? จึงจัดบทความนี้มาดูความแตกต่างของทั้ง iPhone X, iPhone Xs และ iPhone Xs Max มาให้เห็นกัน

การดีไซน์, ขนาดตัวเครื่อง และวัสดุที่ใช้

เริ่มกันด้วยการดีไซน์และขนาดตัวเครื่อง ต้องบอกว่า iPhone X และ iPhone Xs ออกแบบและขนาดเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ iPhone Xs จะหนักกว่าเล็กน้อย 3 กรัม ส่วน iPhone Xs Max ก็มีดีไซน์เหมือนกัน แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด และน้ำหนักก็มากขึ้นตามไปด้วย (ตัวเลขขนาดดูได้จากรูปด้านล่าง) ส่วนนี้บอกได้สั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรต่างจากเดิมเลย" ทั้งขนาดของรอยแหว่ง, ตำแหน่งกล้อง และปุ่มใช้งานต่างๆ ออกแบบมาเหมือนเดิมทั้งหมด

 

วัสดุในการผลิตก็เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น โดยใช้วัสดุเป็นสแตนเลสสตีล เกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม ด้านหลังเป็นกระจก และขอบตัวเครื่องมีการลงสีแบบ PVD ไอสารล้ำสมัย ซึ่ง "ไม่ต่างจากเดิม" เช่นเคย

 

หน้าจอแสดงผล

สเปคและรายละเอียดหน้าจอแสดงผลของ iPhone X และ iPhone Xs ก็มาเหมือนกันทั้งหมด (อีกแล้ว) โดยเป็นหน้าจอ Super Retina HD แบบ OLED กว้าง 5.8 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2436x1125 พิกเซล ที่ 458ppi อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 625 cd/m2 แสดงผลแบบ True Tone รอบรับวิดีโอคอนเทนด์แบบ HDR และการตอบสนองเมื่อสัมผัส 120Hz

 

ส่วน iPhone Xs Max จะมีความแตกต่างออก โดยมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว (เป็นขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่มี iPhone มา) อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2688x1242 พิกเซล ที่ 458ppi อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 แสดงผลแบบ True Tone ความสว่างสูงสุด 625 cd/m2 รอบรับวิดีโอคอนเทนด์แบบ HDR และมีการตอบสนองเมื่อสัมผัส 120Hz เช่นกัน ซึ่งภาพรวมไม่ได้ต่างกันมาก โดยมีเพียงขนาดที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น

มาตรฐานการกันน้ำและกันฝุ่น

สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 กันน้ำลึกได้ไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ส่วน iPhone X ผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นแค่ IP67 ทำให้กันน้ำได้ลึกเพียง 1 เมตร ภายในเวลาสูงสุด 30 นาที ซึ่งถือว่า 2 รุ่นใหม่ ดีกว่าในเรื่องของการป้องกันน้ำที่ลึกขึ้น !!

  

ชิปเช็ต CPU

นี้คือข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดย iPhone Xs และ iPhone Xs Max มาพร้อมชิปเซ็ต A12 Bionic ผลิตบนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร (เป็นตัวแรกของโลกที่ใช้งานได้จริง) ทำงานได้รวดเร็วขึ้น 15%, ใช้พลังงานน้อยลง 50% ประสิทธิภาพด้านกราฟฟิกสูงขึ้น 50% และเพิ่มขีดจำกัดการทำงานด้วย Neutral Engine รุ่นใหม่ สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายรูป, เล่นเกม หรือแม้แต่เทคโนโลยี AR จากทั้งหมดคือสิ่งที่แตกต่างจาก A11 Biomic ที่ใช้บน iPhone X

 

ระบบ Face ID

จากเดิม Face ID จะทำงานจากกล้อง TrueDepth ร่วมกับระบบ Neutral Engine ในการตรวจจับให้หน้าอยู่แล้วบน iPhone X แต่สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะทำงานได้เร็วกว่า และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมี Neutral Engine รุ่นใหม่เข้ามา

 

กล้องหลัง

สเปคภายรวมของกล้องหลัง แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยกล้องหลังคู่มีความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้างมีรูรับแสง f/1.8 และเลนส์เทเลโฟโต้มีรูรับแสง f/2.4 ป้องกันการสั่นไหวทั้ง 2 เลนส์ด้วยระบบ OIS ซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า ซูมแบบดิจิตอลได้ 10 เท่า ไฟแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง มีโหมด HDR อัจฉริยะ และยังคงถ่ายภาพบุคคล พร้อมจัดแสงได้ 5 แบบตามเดิม

 

โดยสิ่งที่แตกต่างคือ โหมดถ่ายรูปบุคคลของ iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะมีโหมด HDR อัจฉริยะ และการตัดหน้าชัดหลังเบลอที่เนียนขึ้น พร้อมกับความสามารถในการปรับความเบลอได้ทีหลัง ทั้งหมดจะมีการทำงานที่ดีขึ้น ด้วยผลพวงจาก Neutral Engine รุ่นใหม่

ด้านการถ่ายวิดีโอจากกล้องหลัง ก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิมมาก สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดระดับ 4K ที่ 24,30,60fps และระดับ HD 1080p ที่ 30,60fps รองรับการถ่ายสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120,240fps ออฟติคอลซูมได้ 2 เท่า ดิจิตอลซูมได้ 6 เท่า มีระบบกันสั่นสำหรับวิดีโอ ส่วนสิ่งที่เพิ่มเข้ามาบน iPhone Xs และ iPhone Xs Max คือ การบันทึกวิดีโอแบบ Dynamic Range ที่ 30fps ทำให้การถ่ายวิดีโอย้อนแสงมีการเก็บรายละเอียดที่ดี นอกจากนี้ยังมีระบบบันทึกเสียงสเตอริโอ ทำให้เสียงจากวิดีโอที่บันทึกมีความสมจริงรอบด้าน

ตัวอย่างภาพถ่ายวิดีโอย้อนแสง

กล้องหน้า

ทั้ง 3 รุ่นใช้เป็นกล้อง TrueDepth ทั้งหมด ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 รองรับโหมด HDR อัจฉริยะและโหมดถ่ายภาพบุคคล พร้อมเอฟเฟค 5 แบบ แต่ iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ ได้คมชัดและสวยงามกว่า (ดูภาพตัวอย่างได้ตามด้านล่าง)

 

                          iPhone X                                                  iPhone Xs

การถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้า iPhone Xs และ iPhone Xs Max มีระบบป้องกันการสั่นไหว และมีโหมดถ่ายภาพแบบ Dynamic Range ที่ 30fps ทำให้การบันทึกวิดีโอแบบย้อนแสงมีการเก็บรายละเอียดดีขึ้น ซึ่ง iPhone X จะไม่สามารถใช้งานโหมดนี้ได้

  

ด้านเสียง

แม้ว่า iPhone X ลำโพงเสียงคู่จะเป็นแบบสเตอริโอ แต่ iPhone Xs และ iPhone Xs Max มีการอัพเกรดให้เล่นเสียงสเตอริโอที่มีมิติและเสียงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งด้านเสียงเพลงจากลำโพง iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะให้ความบันเทิงมากกว่า iPhone X

ซิมการ์ด

ถือว่าเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของ iPhone เลยก็ว่าได้ หลังจาก iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะรองรับ 2 ซิม โดยจะแยกเป็น eSIM และ Nano-SIM 1 ช่อง (ในประเทศจีนเท่านั้นที่เป็นแบบ Nano-SIM 2 ช่อง) จากเดิม iPhone X รองรับเพียง Nano SIM 1 ช่องเท่านั้น

แบตเตอรี่

ในรายละเอียดการเปิดตัว iPhone Xs และ iPhone Xs Max ไม่มีบอกถึงขนาดแบตเตอรี่ แต่ทาง Apple ก็เคลมเอาไว้ว่า iPhone Xs จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่มากขึ้น 30 นาที และ iPhone Xs Max มีอายุการใช้งานมากขึ้น 1 ชั่วโมง 30 นาที หากนำไปเทียบกับ iPhone X

แต่จาก 3 รุ่น iPhone Xs Max จะมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุด ด้วยระยะเวลาการสนทนาสูงสุด 25 ชั่วโมง, เล่นอินเตอร์เน็ตติดต่อกันได้สูงสุด 13 ชั่วโมง, เล่นวิดีโอได้สูงสุด 15 ชั่วโมง และเล่นเพลงติดต่อกันได้ 65 ชั่วโมง

สรุปตรงนี้ หากมี iPhone X อยู่ในมือแล้ว มองว่ายังไม่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเป็น iPhone Xs และ iPhone Xs Max แต่อย่างใด เพราะดูจากฟีเจอร์ทั้งหมดแทบไม่มีอะไรแตกต่าง และโดดเด่นขึ้นมาถึงขั้นว้าว เว้นแต่อยากได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็อาจไปมอง iPhone Xs Max ก็ยังได้อยู่

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่