เทคโนโลยี (Technology)  |   วันที่ : 28 ตุลาคม 2561

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ต้องบอกว่าในปี 2018 ถือว่าคอนเทนต์วิดีโอมีกระแสความนิยมสูง นั่นก็เพราะโลกของอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน และโทรทัศน์ได้รับความนิยมสูง เครือข่ายไร้สายมีเพรียบพร้อม ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งทุกอย่างต่างเอื้ออำนวย แม้แต่บริการต่างๆ ก็ยังตอบโจทย์ผู้ใช้บริการครอบคลุม ส่วนของราคาไม่แพงเหมือนในอดีต ไม่แปลกที่การสตรีมมิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นปีทองเลยทีเดียว ทั้งวงการเพลง และภาพยนตร์ ทว่าด้านของวิดีโอนั้นมีเค้กก้อนใหญ่ที่น่าจับตามองอยู่คือเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กที่ยังไม่มีการแข่งขันสูงอย่างแพร่หลาย ดังนั้นเราจะมาวิเคราะห์กันว่าทำไม ?

 

พฤติกรรมการชมคอนเทนต์ที่เปลี่ยนไป

หากย้อนกลับไปสักสิบปี อุตสาหกรรมหนังบนจอโทรทัศน์มาแรงเลยทีเดียว สังเกตได้จากละครต่างๆ ที่ลงคิวฉายกันเป็นว่าเล่น สองสามปีต่อมาก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ละคร เพราะความบันเทิงกลายเป็นทางเลือกใหม่ จนถึงปัจจุบันยังได้รับความนิยมมากกว่าละครแบบเดิมๆ ทว่าในยุคของเทคโนโลยี ก็ไม่ใช่เฉพาะวงการละครเท่านั้น อุตสาหกรรมใดเกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบหมดเลย เนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทุกช่วงเวลาคอนเทนต์ต้องดึงดูด และตราตรึงมากขึ้นเพื่อให้อยู่รับชมต่อ เช่นเดียวกับอุปกรณ์ก็มีผล 

 

ทางเลือกใหม่ของการผลิตคอนเทนต์

อย่างที่เกริ่นข้างต้นคอนเทนต์ต้องดึงดูด และตราตีงผู้บริโภคได้นานที่สุด ทำให้เกิดการติดตาม กับการพูดถึงเป็นวงการในสื่อโซเชียล หรือช่องทางต่างๆ ดังนั้นจึงเกิดการแข่งขันขึ้นมาอย่างรุนแรง มีทั้งผู้กำกับหน้าใหม่ หน้าเก่า รวมถึงไอเดียใหม่ๆ ไม่จำเจ คำถามคือหากต้องลงโทรทัศน์อย่างเดียว คงไม่มีช่วงเวลาให้พอต่อการฉาย อีกทั้งฉายแล้วก็ฉายไป ราคาก็แพง ครั้งเดียวจบ ในทางกลับกันหากมีแพลตฟอร์มเสมือนเป็นสื่อกลางที่ใครก็เข้าถึงได้ ย่อมทำประโยชน์ได้มหาศาล ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องเงิน เทียบกับโทรทัศน์ที่มาครั้งเดียวแล้วก็ไป แถมมีข้อจำกัดเรื่องเนื้อหาบางประเภท ซึ่งออนไลน์ไม่ใช่! จึงเกิดเป็นซีรีย์, ความบันเทิง หรือรายการต่างๆ มากมาย ที่จะแตกต่างจากจอโทรทัศน์ 

 

อุตสาหกรรมสตรีมมิ่งวิดีโอมาแรงแซงทางโค้ง

เมื่อมีช่องทางออนไลน์ และข้อจำกัดได้ถูกทลายลง อุตสาหกรรมสตรีมมิ่งจึงเป็นทางเลือกใหม่ เปรียบเหมือนเก่าไปใหม่มา กลายเป็นอุตสาหกรรมโทรทัศน์ต้องปรับตัวแทน แพลตฟอร์มออนไลน์ก็ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอีก เพื่อแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์, ค่าบริการ หรือความทันสมัยในการใช้งาน เช่น ซอฟต์แวร์ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บริการว่าชอบซีรีย์ประเภทไหนก็จะแนะนำให้ติดตาม หรือนำเทคโนโลยี VR มาเพิ่มประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ เป็นต้น

ทำไมถึงบอกว่ามาแรงแซงทางโค้ง? เพราะปัจจัยต่างๆ นั้นเอื้ออำนวย รวมถึงพฤติกรรมของผู้คนในทุกวันนี้ใช้สมาร์ทโฟนมากกว่านั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านอีก แม้ดูทีวี แต่ก็เป็นสมาร์ททีวีที่ลงแอปพลิเคชั่นได้ แค่เปิดแอปฯ ค้นหาซีรีย์, ภาพยนตร์, รายการบันเทิง, สารคดี ฯลฯ เพียงแค่นี้วันหยุดของคุณฟินแล้ว แตกต่างจากในอดีตที่อยากดูรายการใดก็ต้องรอ พลาดไปคืออดเลย แถมยังมีโฆษณามากวนใจอีก จึงไม่แปลกเลยที่พฤติกรรมจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว!

 

นี่คือยุคสมัยใหม่ เทคโนโลยีมีผลต่อการเลือกชมคอนเทนต์

การปรับตัวเป็นเรื่องสำคัญ ทุกวันนี้ไม่ใช่เฉพาะอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเท่านั้นแต่ส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม เพราะเทคโนโลยีและนวัตกรรม กลายเป็นแรงม้ากับเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อน ใครที่สร้างความแตกต่างได้ก่อน ย่อมนำหน้ามากกว่า เหมือนกับอุตสาหกรรมของโทรทัศน์จะมานั่งอ่านข่าวแบบเดิมๆ ล้าหลังไปซะแล้ว เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น การใช้เอฟเฟ็กต์ หรือวิธีการเล่าข่าวสมัยใหม่ มีท่าทาง มีอากัปกิริยา 

เหมือนคอนเทนต์ออนไลน์ในขณะนี้ มีการนำภาพความละเอียดสูง หรือเทคโนโลยี HDR เข้ามาเป็นทางเลือก, การรับชมผ่านแว่น VR หรือคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res เป็นต้น 

 

คอนเทนต์สำหรับเด็ก (Kids) สำคัญขนาดไหน ?

เหมือนที่ได้เกริ่นให้ทราบว่าคอนเทนต์วิดีโอ และการสตรีมมิ่งต่างๆ มีที่มาที่ไปมาอย่างไร ซึ่งเนื้อหาสำหรับเด็ก ในปัจจุบันยังมีอยู่น้อย ทว่าอีกไม่นานจะกลายเป็นเค้กก้อนใหญ่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เด็กอยู่กับสมาร์ททีวี หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนมากกว่าสมัยก่อน และพฤติกรรมของผู้ปกครองรวมถึงคอนเทนต์ก็เปลี่ยนไป อาทิ สื่อการเรียนการสอน, รายการร้องเพลง/ศิลปะ/สารคดี/ท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ หรือเนื้อหาการ์ตูนก็ยังสอดแทรกแนวคิด การดำรงชีวิต รวมถึงวัฒนธรรม ซึ่งสามารถหาดูได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์ แค่พิมพ์ แล้วก็กดค้นหาเท่านั้น

จากทุกประเด็นข้างต้น ใจความสำคัญคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เพราะคอนเทนต์สามารถเติบโตได้ทุกช่วงอายุ ทว่าส่วนของเด็กยังมีเนื้อหาเรื่องราวน้อย เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ ดังนั้นหากใครเริ่มก่อน ย่อมครองส่วนแบ่ง เหมือนกับสามเสาหลักอย่าง Amazon Prime, Netflix หรือ Disney ที่ยังไม่เผยชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะให้บริการในปี 2019 มาพร้อมคอนเทนต์ที่อัดแน่นตามแบบฉบับของดิสนีย์

อีกไม่นานเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างอาจต้องแปรผันตามกาลเวลา เหมือนกับสมัยก่อนโทรทัศน์คือที่หนึ่ง แต่วันนี้คือที่สอง เช่นเดียวกับหนังสือมีราคาถูกกว่าอ่านบนแพลตฟอร์มออนไลน์ซะอีก ดังนั้นหากคุณยังไม่เปลี่ยนแปลง อาจถึงเวลาที่โดนแซง!

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มือถือออกใหม่