องค์กร (Corporate)  |   วันที่ : 17 มกราคม 2562

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

มร. เหริน เจิ้งเฟย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง หัวเว่ย กล่าวว่า เขาจะปฏิเสธคำขอเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานของบริษัทจากรัฐบาลจีน “อย่างเด็ดขาด”

  • มร. เหริน เจิ้งเฟย อดีตทหารประจำกองทัพปลดแอกประชาชนจีนและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ กล่าวกับตัวแทนสื่อต่างประเทศว่า สายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างเขากับพรรครัฐบาลไม่มีผลใดๆ หากเขาต้องตอบโต้กับรัฐบาลชุดเดียวกัน หากมีการขอข้อมูลผู้ใช้งาน
  • ประธานฯ หัวเว่ยชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็น “ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่”

หัวเว่ยจะไม่ยินยอมให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลลูกค้า แม้รัฐบาลจะร้องขอก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ยกล่าวย้ำเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสกดดันทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน

มร. เหริน เจิ้งเฟย ซึ่งน้อยครั้งจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับข้อกังวลต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกมาเตือนว่า อุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทอาจเปิดช่องให้รัฐบาลจีนเข้าถึงช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ (Backdoor) เพื่อเข้าไปยังระบบเครือข่ายโทรคมนาคมของประเทศ
มร. เหริน กล่าวเป็นภาษาจีนกลางกับคณะสื่อมวลชนโดยผ่านล่ามที่บริษัทเป็นผู้จัดหามาว่า หัวเว่ยไม่เคยส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้แก่รัฐบาลปักกิ่ง

“เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการปกป้องความเป็นส่วนตัว เรายืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา เราจะไม่ทำสิ่งที่เป็นภัยต่อประเทศหรือประชาชนคนใด” มร. เหริน กล่าวกับนักข่าวที่มารวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ของหัวเว่ยในเมืองเซิ่นเจิ้น ประเทศจีน

“กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ชี้แจงอย่างเป็นทางการว่า ไม่มีข้อกฎหมายใดของจีนที่บังคับให้บริษัทต้องสร้างช่องโหว่สำคัญในซอฟต์แวร์ หัวเว่ยและตัวผมโดยส่วนตัวเองก็ไม่เคยได้รับคำขอใดๆ จากรัฐบาลเพื่อให้ส่งมอบข้อมูลโดยมิชอบ” มร. เหริน กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ มร. เหริน เป็นอดีตทหารประจำกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ถูกตั้งคำถามถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทของเขากับหน่วยงานเหล่านี้มาเป็นเวลาหลายปี แม้ประวัติของเขาจะแสดงถึงความสัมพันธ์ดังกล่าว แต่มร. เหรินก็ได้กล่าวกับตัวแทนสื่อต่างชาติว่า ความสัมพันธ์อันยาวนานของเขากับพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่มีผลใดๆ ต่ออำนาจในการคัดคานกับรัฐบาลชุดเดียวกัน หากมีการขอให้ส่งข้อมูลลูกค้า

“ค่านิยมสำหรับองค์กรธุรกิจนั้นคือ การคำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรกและยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราเองซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจจึงต้องปฏิบัติตามกฎกติกาในการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน สำหรับในกรณีนี้ ผมเองก็ไม่ได้มองว่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดใดๆ ระหว่างแนวคิดทางการเมืองของตัวผมเองกับการดำเนินธุรกิจอย่างที่เราทำกันอยู่นั้นจะต้องเป็นเรื่องทางธุรกิจ ผมคิดว่า ผมได้ปฏิบัติอย่างชัดเจนแล้วในตอนนี้ เราจะยืนกรานปฏิเสธคำขอนี้อย่างถึงที่สุด” มร. เหรินกล่าวชี้แจงต่อคำถามจากสำนักข่าว CNBC ที่ถามว่า ความสัมพันธ์ของเขากับพรรคการเมืองของจีนนั้นมีผลต่อการปฏิเสธคำขอในลักษณะนี้หรือเปล่า

ชื่นชมทรัมป์

ล่าสุด หัวเว่ย ต้องเผชิญกับปัญหาความกดดันระดับโลกที่ถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะถูกแบนไม่ให้ขายอุปกรณ์ในสหรัฐอเมริกามานานหลายปี จนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประเทศอื่น ๆ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น พากันกีดกันบริษัทไม่ให้จำหน่ายส่วนประกอบสำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่แห่งยุคอนาคต หรือที่รู้จักกันว่าเทคโนโลยี 5G

ในขณะที่เมิ่ง หว่านโจว ลูกสาวของมร.เหรินและดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ก็ถูกจับกุมที่แคนาดาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตามคำขอร้องของทางการสหรัฐอเมริกา นางเมิ่งถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงเกี่ยวกับการทำธุรกรรมโดยมิชอบซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่าน

แต่ มร.เหริน ก็ยังกล่าวชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

“สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ในฐานะคนคนหนึ่ง ผมก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม” มร.เหริน กล่าว “ในแง่ที่ว่าเขากล้าที่จะหั่นมาตรการภาษี และผมคิดว่ามันมีส่วนช่วยให้การพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ให้เติบโตก้าวหน้าไปได้”

ในขณะเดียวกันที่โปแลนด์ หน่วยงานด้านกฎหมายได้จับกุมผู้บริหารของหัวเว่ย ด้วยข้อกล่าวหาว่าเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนหนึ่ง สร้างวิธีการที่จะสืบข้อมูลของรัฐบาลโปแลนด์ผ่านอุปกรณ์ของบริษัทในโปแลนด์

มร.เหริน ได้รับการสอบถามหลายครั้งในระหว่างการพูดคุยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาถึงความคิดเห็นของเขาต่อการถูกควบคุมตัวของลูกสาวของเขา แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยอ้างว่าคดียังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม มร.เหริน กล่าวว่า เขา “เชื่อใจ” ระบบกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาที่เปิดกว้างและจะเฝ้ารอผลการตัดสินคดีของศาล

“อุปสรรคปัญหาและความยากลำบาก”

มร.เหริน กล่าวว่า ปี 2019 อาจจะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับหัวเว่ย ซึ่งรายได้อาจตกลงต่ำกว่าร้อยละ 20 และกล่าวด้วยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้สำหรับทั้งปีอยู่ที่ 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หัวเว่ยยังไม่ได้เปิดเผยรายได้ประจำปี 2018 อย่างเป็นทางการ แต่มร.อีริค ซวี หนึ่งในประธานเจ้าหน้าที่บริหารหมุนเวียนตามวาระของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งนี้ ได้กล่าวกับซีเอ็นบีซีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่ายอดขายอาจแตะสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

“ในปี 2019 เราอาจจะต้องเผชิญอุปสรรคปัญหาและความยากลำบากมากมายในตลาดต่างประเทศ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเคยพูดไว้ว่า ปีหน้าเราอาจเติบโตได้น้อยกว่าร้อยละ 20” มร.เหริน กล่าว
ปีที่แล้ว แซททีอี บริษัทด้านอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมสัญชาติจีนก็ประสบภาวะยากลำบาก หลังจากทางการสหรัฐฯพบว่าบริษัทละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านและเกาหลีเหนือ ผลคำตัดสินของศาลสหรัฐฯส่งผลให้ราคาหุ้นของแซททีอีร่วงลงมา และหน่วยงานสำคัญ ๆ ของบริษัทก็ต้องถูกระงับการทำงานหลังรัฐบาลสหรัฐฯสั่งห้ามไม่ให้บริษัทซื้อสินค้าสหรัฐฯ เพื่อผลิตอุปกรณ์ของบริษัท
มร.เหริน กล่าวว่า หัวเว่ยคงไม่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับแซททีอี หากบริษัทจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เรื่องการละเมิดการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน

“เราได้ลงทุนอย่างมหาศาลด้านการวิจัยและพัฒนามานานหลายปี ดังนั้นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับแซททีอีจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับหัวเว่ยแน่นอน” มร.เหริน กล่าว

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่