ซอฟต์แวร์ (Software)  |   วันที่ : 17 มิถุนายน 2566

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

AirDrop เป็นฟีเจอร์เสริมแบบปิด ที่มีเฉพาะใน OS (Operating System) ภายใต้การกำกับของ Apple อย่าง iOS, iPadOS, macOS หรือ watchOS เท่านั้น ถูกคิดค้นมาเพื่อการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลระหว่างกันอย่างรวดเร็ว และยุ่งยากน้อยที่สุด 

หลายคนมักจะเข้าใจผิด คิดว่า AirDrop สามารถส่งได้แค่ไฟล์เสียง, รูปภาพ หรือวิดีโอเท่านั้น แต่อันที่จริง AirDrop ส่งได้ตั้งแต่เว็บไซต์, ข้อความจากแอปฯ Notes, เพลย์ลิสต์เพลง, ข้อมูลรายชื่อ ไปจนถึงสถานที่ที่ปักหมุดไว้บน Apple Maps เลยทีเดียว 

และไม่ว่าไฟล์นั้นๆ จะมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตาม ขอเพียงแค่อุปกรณ์ทั้ง 2 เครื่อง เปิด Wi-Fi, Bluetooth และอยู่ภายในระยะ 30 ฟุต จากกันและกัน AirDrop ก็สามารถจบงานให้เราได้แบบสบายๆ ชั่วพริบตา ด้วยความที่มันทำงานได้อย่างรวดเร็วนี่เอง ที่ทำให้หลายคนสงสัยถึงวิธีการทำงานของมัน ว่าอาศัยกระบวนการ หรือปัจจัยอะไรบ้างระหว่างการถ่ายโอนข้อมูล วันนี้ เราได้สรุปมาให้ทุกคนแล้ว

วิธีการใช้งาน AirDrop 

  • อย่างแรกเลย ทั้งผู้ส่งและผู้รับไฟล์จำเป็นต้องเปิด Wi-Fi และ Bluetooth เอาไว้ ถ้าเปิด Wi-Fi Hotspot อยู่ ต้องปิดทันที
  • จากนั้นเข้าไปยังไฟล์, หน้าเว็บ หรือ Notes ที่ต้องการถ่ายโอน 

  • แตะที่สัญลักษณ์ Share  

  • แตะชื่อผู้ใช้, รายชื่อคนสนิทที่มีอยู่ใน Contacts หรืออุปกรณ์ส่วนตัวอื่นๆ อย่าง MacBook, iPad หรือ iMac ที่ต้องการส่งไฟล์ดังกล่าวถึง
  • จากนั้น ให้ผู้รับไฟล์กด Accept เพื่อรับไฟล์ หรือกด Decline กรณีที่ต้องการปฏิเสธไฟล์     

AirDrop ทำงานอย่างไร? 

AirDrop ใช้ Bluetooth เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi แบบ Peer-to-Peer ระหว่างอุปกรณ์โดยตรง ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเราเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตเลยแม้แต่น้อย นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้ต้องเปิด Wi-Fi และ Bluetooth เอาไว้ ก่อนใช้งาน AirDrop

จากนั้น อุปกรณ์แต่ละเครื่องจะทำการสร้าง Firewall รอบ ๆ เพื่อป้องกันการเจาะการเชื่อมต่อ ตามด้วยการส่งไฟล์ไปยังปลายทางด้วยการเข้ารหัส โดย AirDrop จะตรวจจับอุปกรณ์ใกล้เคียงที่รอรับไฟล์โดยอัตโนมัติ แต่อุปกรณ์ทั้งสองต้องอยู่ใกล้กันพอที่จะสร้างเครือข่ายการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ดีได้ (ภายในรัศมี 30 ฟุต) Apple ถึงขั้นเคลมว่าปลอดภัยกว่าการถ่ายโอนทางอีเมลเสียอีก

ทางฝั่ง Android ก็มีการถ่ายโอนไฟล์ที่ลักษณะคล้าย AirDrop เช่นเดียวกัน อย่างบางรุ่น จะใช้ Near Field Communications (NFC) ผนวกกับ Bluetooth เพื่อแชร์ไฟล์ บางรุ่นก็จะใช้อีกชื่อ อย่าง Nearby Share แต่ต้องบอกก่อนว่า ทั้ง Bluetooth และ NFC ก็ยังค่อนข้างช้ากว่าอยู่ดี เมื่อเทียบกับการใช้ Wi-Fi บน AirDrop 

AirDrop แบบใหม่ บน iOS 17 

งาน WWDC 2023 ที่ผ่านมา Apple ได้ประกาศปรับปรุงการส่งไฟล์ผ่าน AirDrop ใหม่ ให้ผู้ใช้สามารถส่งไฟล์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด กรณีที่ผู้รับและผู้ส่งจำเป็นต้องแยกจากกันหลังจากนั้น ด้วยการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตในการฝากไฟล์เอาไว้ เพื่อความต่อเนื่องในการส่งข้อมูล แม้ตัวผู้ส่งและผู้รับจะอยู่ห่างจากกันมากๆ แล้วก็ตาม โดย AirDrop ฉบับปรับปรุงใหม่ จะมาพร้อมกับ iOS 17 ภายในเดือนกันยายน 2023 นี้ เคลียร์พื้นที่เครื่องรอกันได้เลย!     

ที่มา : www.lifewire.com, www.cnet.com, support.apple.com   

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่