Huawei P40 5G ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กลงมาจาก Huawei P40 Pro 5G แต่ยังคงทำงานได้อย่างรวดเร็วเพราะถูกขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Kirin 990 5G เหมือนกัน พร้อมได้กล้องหน้าคู่ 32MP + IR Camera เพื่อการเซลฟี่ที่สวยงาม และสแกนใบหน้าได้อย่างแม่นยำทุกสภาพแสง ในขณะที่กล้องหลัง 3 เลนส์ก็โดดเด่นแบบ Ultra Vision ความละเอียดสูงสุด 50MP แต่จุดเด่นหลังจากได้สัมผัสครั้งแรกคือ ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัด จับใช้งานได้ถนัดมือมากๆ
ขนาดตัวเครื่องของ Huawei P40 5G อยู่ที่ 148.9x71.06x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 175 กรัม เรียกว่าเครื่องเล็ก และเบากำลังดีทีเดียว สามารถจับใช้งานได้อย่างถนัดมือ
หน้าจอแสดงผลพาแนล OLED กว้าง 6.1 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340x1080 พิกเซล) มีรอยแหว่งแบบจอเจาะรูขนาดใหญ่อยู่มุมบนซ้าย
เหนือหน้าจอแสดงผล ในรอยแหว่งจอเจาะรูมุมบนซ้าย มีกล้องหน้าคู่ ความละเอียด 32MP และเซนเซอร์ IR Camera เพื่อการสแกนใบหน้าที่แม่นยำในทุกสภาพแสง
ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ โดยปุ่มนำทางจะมาในรูปแบบซอฟแวร์ และที่สแกนลายนิ้วมือก็จะเป็นการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งมีการขยับที่สแกนให้สูงขึ้น
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ด้านขวาตัวเครื่อง มีปุ่มใช้งานมาตรฐานคือ ปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงกับลดเสียง ส่วนปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์สำหรับพักหน้าจอ หรือเปิดปิดเครื่อง
ส่วนบนตัวเครื่อง มีเพียงรูไมโครโฟนอยู่ตรงกลางเท่านั้น
ส่วนใต้ตัวเครื่อง ฝั่งซ้ายเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด รองรับซิมแบบ Nano SIM 2 ช่อง หรือเปลี่ยน 1 ช่องเป็น Nano Memory ก็ได้ ถัดมาทางขวาเป็นรูโครโฟน ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และขวาสุดเป็นลำโพงเสียง
ผลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง จะพบกับแท่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่มุมบนซ้าย ในนั้นมีกล้องหลัง Leica 3 เลนส์จัดเรียงเป็นแนวตั้ง และมีไฟแฟลชอยู่ข้างขวาของทั้ง 3 เลนส์
สเปคทั้งหมดของ Huawei P40 5G
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
สำหรับ Huawei P40 5G จะมีตัวเลือก RAM และ ROM เพียงตัวเลือกเดียวคือ 8GB+128GB โดยเปิดเครื่องมาครั้งแรกจะพบว่า ระบบมีการกินพื้นที่ไปประมาณ 14GB (ไม่ได้ติดตั้งแอพฯ ที่แนะนำ) ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 114GB เรียกว่ายังเหลือใช้แบบสบายๆ แต่หากยังจุใจไม่พอสามารถเพิ่ม SD NM ได้สูงสุดอีก 256GB
ระบบปฏิบัติการ
Huawei P40 5G จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 บนพื้นฐาน Android 10 ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งจะมีรูปร่างหน้าตาแบบเรียบๆ และถูกปรับแต่ง UI, UX, อะนิเมชั่นเปิดปิดแอพฯ ให้มีความเป็นธรรมชาติ และน่าใช้งานมากยิ่งขึ้นตามฉบับ EMUI 10 ส่วน GMS (Google Mobile Service) จะไม่ถูกติดตั้งมาด้วยตามระเบียบ
หน้าจอหลัก
ในส่วนหน้าจอหลัก รูปทรงของแอพฯ ต่างๆ จะมาในรูปแบบสี่เหลี่ยมขอบมน มีอะนิเมชั่นสปริงเมื่อมีการกดใช้งาน โดยเริ่มแรกมาแอพฯ ทั้งหมดจะอยู่ในหน้าจอหลักทั้งหมด แต่หากใครที่ชอบให้มีลิ้นชักไว้เก็บแอพฯ ทั้งหมดอีกทีก็สามารถไปปรับเปลี่ยนได้ที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก & วอลเปเปอร์ > สไตล์ของหน้าจอหลัก
การควบคุมทิศทางของระบบ
การใช้งานครั้งแรก ระบบจะให้เรียนรู้การใช้งานแบบ ท่าทาง Gesture ซึ่งเป็นการรูดของหน้าจอซ้ายหรือขวามาข้างใน เพื่อย้อนกลับ, รูดหน้าจอด้านล่างขึ้นข้างบนเพื่อกลับสู่โฮม และรูดขึ้นค้างเอาไว้เพื่อไปที่แอพฯ ก่อนหน้า แต่หากใครยังถนัดใช้งานปุ่มนำทาง 3 ปุ่ม ก็สามารถไปปรับได้ที่ การตั้งค่า > ระบบและการอัปเดต > การควบคุมทิศทางระบบ
AppGallery
ในเมื่อ Huawei P40 5G ไม่ถูกติดตั้งระบบ GMS แน่นอนว่าก็ต้องไม่มี Play Store มาด้วย ทำให้การดาวน์โหลดแอพฯ ต้องใช้ AppGallery ที่เป็น HMS (Huawei Mobile Service) ในการดาวน์โหลดแอพฯ ต่างๆ ซึ่งตอนนี้แอพฯ ยอดฮิตที่จำเป็นต้องใช้อาจจะยังมีไม่ครบ แต่ทาง Huawei ก็เริ่มทยอยนำมาลงใน AppGallery อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแอพฯ ด้านการเงิน, การท่องเที่ยว, การช็อปปิ้งออนไลน์ และล่าสุดก็มี Line ให้ดาวน์โหลดเป็นที่เรียบร้อย
*** ส่วนการดาวน์โหลดแอพฯ มาใช้ ยังสามารถดาวน์โหลดแบบไฟล .apk มาติดตั้งได้อีกทาง
โหมดมืด
ในส่วนโหมดมืด สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > โหมดมืด แน่นอนว่าโหมดนี้จะช่วยให้ใช้งานในที่แสงน้อยได้อย่างสะบายตา และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วย เพราะพาแนลหน้าจอของ Huawei P40 5G เป็นแบบ OLED นั้นเอง
Always On Display
Always On Display จะช่วยให้ผู้ใช้งานรับรู้ข้อมูลบางส่วนในขณะพักหน้าจอ โดยไม่ต้องปลดล็อกเครื่องเข้ามาใช้งาน ซึ่ง Huawei P40 5G ที่มี EMUI 10.1 ก็จะมีโหมดนี้มาด้วยเช่นกัน และสามารถเลือกรูปแบบได้หลากหมายอีกด้วย โดยเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก & วอลเปเปอร์ > แสดงเสมอ
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
สเปคยังแรงใช้งานลื่นด้วย Kirin 990 5G
แม้ว่า Huawei P40 5G จะเป็นรุ่นน้องของ Huawei P40 Pro 5G ทำให้โดนลดโดนตัดสเปคบางส่วนออกไป แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายหนึ่งในตระกูล P40 เพราะยังใช้ชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Kirin 990 5G ทำให้การใช้งานต่างๆ มีความลื่นระดับเรือธง ที่สำคัญยังรองรับสัญญาณ 5G ที่เป็นแบบโมเดมในตัวชิปเซ็ต ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งาน 5G มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขนาดเครื่องเล็กกำลังเหมาะมือ
อันนี้เป็นเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ เพราะตั้งแต่แกะกล่องจับเครื่อง Huawei P40 5G ครั้งแรก ก็รู้สึกว่าตัวเครื่องมีขนาดเล็กกำลังพอดีมือ จับใช้งานได้ถนัดมากๆ โดยเฉพาะการใช้งานในมือเดียว และแม้ว่าตัวเครื่องมีขนาดเล็ก แต่หน้าจอแสดงผลยังมีความกว้างระดับ 6.1 นิ้ว ถือว่ายังใช้งานดูซีรี่ย์ ดูวิดีโอได้ดีอยู่
ทดสอบการเล่นเกม
การเล่นเกมแทบไม่มีปัญหาเลยหลังจากได้ลองเล่นมา เพราะ Huawei P40 5G ได้ถูกขับเคลื่อนจากชิปเซ็ตตัวแรง Kirin 990 และยังมี RAM สูงถึง 8GB อีกด้วย ที่สำคัญยังมีระบบ GPU Turbo ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเล่นเกม
โดยเกมที่ทดสอบใช้เป็นเกม ROV และ PUBG Mobile ซึ่งเกมแรก ROV มีการปรับกราฟฟิกสูงสุด และดันเฟรทมเรตในระดับสูงเช่นกัน การเล่นจริงก็ทำเฟรมเรตได้นิ่งๆ ที่ 60fps ตลอดทั้งเกม ส่วนเกมที่ 2 PUBG Mobile สามารถปรับกราฟฟิกสูงสุดได้ที่ HDR HD และปรับเฟรมเรทได้ที่ระดับ Ultra ในการโดดร่มจริง ก็พบว่าตัวเกมให้ความลื่นมากๆ เสียดายที่จอไม่ได้เป็น 90Hz เหมือนตัว Pro
ระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม
ในส่วนระบบความปลอดภัยของ Huawei P40 5G ก็ยังจัดเต็มมีมาให้ครบ โดยมีระบบความปลอดภัยแบบไบโอเมตริกมาให้ 2 อย่างคือ สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า โดยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ จะถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นจาก P30 Series และมีการเพิ่มเนื้อที่ในการสแกน เพื่อให้สแกนได้อย่างสะดวกมากขึ้น ในขณะที่การสแกนใบหน้าจะได้เซนเซอร์ IR Camera มาช่วย ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการสแกนได้แม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อย
แบตเตอรี่ 3,800mAh รองรับชาร์จเร็ว 22.5W
ก็จริงอยู่ที่แบตเตอรี่ของ Huawei P40 5G โดนลดลงมาเหลือเพียง 3,800mAh (น้อยกว่าตัว Pro 400mAh) แต่เอาจริงๆ ก็เห็นผลไม่มากใช้เล่นเกมไปตา 2 ตา แบตเตอรี่ก็ไม่ได้ถูกสูบไปมากมาย แน่นอนว่าแบตเตอรี่ขนาดนี้สามารถใช้งานพื้นได้ได้ตลอดทั้งวัน ส่วนการชาร์จเร็วจะรองรับไฟแบบ 22.5W ซึ่ง Huawei ก็มีอะแดปเตอร์ Huawei SuperCharge จ่ายไฟ 22.5W มาให้ในกล่อง
ทดสอบการถ่ายรูป
Huawei P40 5G ยังไม่ทำให้เสียชื่อในเรื่องของกล้องถ่ายรูป ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของตระกูล P โดยมาพร้อมกล้องหลัง Leica 3 เลนส์ ประกอบไปด้วยเลนส์ Ultra Vision ความละเอียด 50MP, เลนส์มุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 16MP และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8MP แน่นอนว่าสามารถถ่ายภาพมุมกว้าง และระยะใกล้ๆ ได้ดี พร้อมความสามารถในการซูมแบบ Optical ถึง 3 เท่า และซูมได้สูงสุด 30 เท่า รองรับการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K ที่ 60fps ในขณะที่กล้องหน้าก็มีความละเอียดสูงสุดถึง 32MP
โหมดความละเอียดสูง
โหมดกลางคืน
โหมดมุมกว้าง
โหมดมุมใกล้ ซูเปอร์มาโคร
ภาพถ่ายบุคคล
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
ขอขอบคุณ : Huawei Technologies (Thailand) Co., Ltd. โทร 0-2654-3622
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ Huawei P40
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=461462
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/huawei/p40.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท