หลังเปิดตัว OPPO Reno5 Series 5G ไปทั้งหมด 2 รุ่น ทั้ง OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จนขึ้นแท่นสมาร์ทโฟนช่วงราคาหมื่นต้นที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาของ OPPO Reno5 Pro 5G รุ่นท็อปสุดของซีรี่ย์ ที่มาพร้อมหน้าจอโค้ง 3D Borderless Scence Screen ดีไซน์สวยสุดพรีเมี่ยม จอชัดแบบ Super AMOLED จัดเต็มทุกการถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอ Portrait ใช้ชิประดับเรือธง Dimensity 1000+ 5G SoC รองรับ 5G เข้าถึงทุกเทรนด์ ได้รวดเร็วกว่าใคร แถมยังชาร์จไวสุดๆ กับ 65W SuperVOOC 2.0 อีกด้วย

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

OPPO Reno5 Pro 5G มีดีไซน์ตัวเครื่องที่บางเบา แม้จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ก็ตาม บางเพียง 7.6 มม. และมีน้ำหนัก 173 กรัม ถือจับได้ถนัดมือ ใช้งานมือเดียวได้สะดวก สวยงามดูพรีเมี่ยม

OPPO Reno5 Pro 5G มาพร้อมจอโค้งแบบ 3D Borderless Scence Screen จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ (2400×1080 พิกเซล) ความหนาแน่นต่อพิกเซล 402 PPI ค่าความสว่างสูงสุด 1100 nit อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 92.1% จึงมีความสว่างคมชัด สีสันสวยสด มองได้กว้างเต็มตา แถมยังแสดงผลไหลลื่น ตอบสนองรวดเร็ว เพราะรองรับ 90Hz Refresh Rate และ 180Hz Touch Sampling Rate นั่นเอง

ส่วนบนของหน้าจอเป็น Single Punch-hole Display ดีไซน์รอยเจาะที่มุมซ้าย มีกล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

ส่วนล่างของหน้าจอเป็นปุ่มควบคุมแบบซอร์ฟแวร์ และตรงส่วนกลางยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคใต้หน้าจออยู่ด้วย

ตัวเครื่องด้านบนมีไมโครโฟนอยู่ทางฝั่งซ้าย พร้อมประโยค "DESINED FOR RENO" ที่อยู่ใต้กระจก ให้ความรู้สึกว่าดีไซน์นั้นมีลูกเล่น และดูพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น

ด้านขวาเป็นปุ่ม Power เพิ่มความเด่นด้วยขีดสีเขียวตัดกับสีเครื่อง ใช้สำหรับเปิด/ปิด หรือทำการล็อค/ปลุกหน้าจอ และอาจตั้งค่าเพิ่มเติมเพื่อเรียกใช้งาน Google Assistant ได้

ด้านซ้ายเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ต USB Type C อยู่ตรงกลาง ถัดมาฝั่งขวาเป็นลำโพงเสียง ส่วนทางซ้ายเป็นไมโครโฟน และช่องใส่ซิมการ์ด

สำหรับช่องใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Dual SIM รองรับ Nano SIM จำนวน 2 ซิม ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำ MicroSD Card ได้ และไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาให้เหมือน 2 รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว

ตัวเครื่องด้านหลัง มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 64MP, เลนส์ Ultra-wide Angle ความละเอียด 8MP, เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP และเลนส์ Mono ความละเอียด 2MP จัดเรียงอยู่ในโมดูลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมไฟแฟลช ไม่ดูใหญ่เทอะทะจนเกินไป

สำหรับฝาหลังของ OPPO Reno5 Pro 5G มีการให้สีอย่างสวยงาม โดยเฉพาะสี Galactic Silver ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง Diamond Spectrum Process ทำให้เกิดเฉดสีใหม่กว่าพันสี จากมุมมองหรือสภาพแสงที่ต่างกัน แต่มี 5 เฉดสีที่เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นคือ สีเขียว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วง และสีส้ม มีการใช้เทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า Reno Glow ช่วยให้สีมีความระยิบระยับ มองคล้ายเป็นผิวแบบด้าน แต่มีสัมผัสที่เรียบลื่น พร้อมป้องกันลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี

อีกสีที่สวยงามไม่แพ้กัน คือ สี Starry Black สีดำที่มีความเงางาม สวยมีระดับ มอบแสงอ่อนๆ ที่ดูสงบ แสดงถึงความมีรสนิยม และความสง่างามของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี

สเปกเบื้องต้นของ OPPO Reno5 Pro 5G

  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 11.1 บนพื้นฐาน Android 11
  • ขนาดตัวเครื่อง : 159.1 x 73.4 x 7.6 มม.
  • น้ำหนัก : 173 กรัม 
  • หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล ความหนาแน่นต่อพิกเซล 402 PPI
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 1000+ Octa-core ความเร็ว 2.6 GHz
  • GPU : Adreno 620
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน : 256GB
  • MicroSD Card : ไม่รองรับ
  • ถาดซิมการ์ด ประเภท Dual-Slot รองรับ Nanoi SIM 2 ซิม
  • กล้องหลัง 4 เลนส์ ประกอบด้วย
    • กล้องหลัก : ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
    • กล้องสอง : เลนส์มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
    • กล้องสาม : เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
    • กล้องสี่ : เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า :  ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • การเชื่อมต่อ : 5G, 4G, 3G, Wi-Fi 2.4GHz+5GHz, Bluetooth 5.1, NFC, Wi-Fi Direct, GPS, GLONASS
  • พอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ : 4350mAh รองรับ 65W SuperVOOC 2.0

 

 

 

 

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

ชิปเซ็ตและหน่วยความจำ

OPPO Reno5 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิประดับเรือธง Dimensity 1000+ จาก MediaTek ผสานกับ Soc บนชิปขนาด 7 นาโนเมตร รองรับเทคโนโลยี 5G ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และยังช่วยลดการใช้พลังงานไอีกด้วย มาพร้อม RAM ความจุ 12GB และ ROM ความจุ 256GB แม้ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ แต่ความจุเท่านี้ก็เรียกได้ว่าเพียงพอต่อความต้องการแล้ว

 

ระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการ ColorOS 11.1 พื้นฐาน Android11 เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดที่นำมาใช้ใน OPPO Reno5 Series 5G สามารถเลือกปรับแต่ง UI ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ลื่นไหล และช่วยในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย รวมถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม

หน้าจอหลัก

 

หน้าจอล็อค

แถบการใช้งานด้านบน

 

แถบการใช้งานด้านข้าง

การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ

OPPO Reno5 Pro 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS11.1 ใหม่ ซึ่งเป็นระบบปฎิบัติการที่ใช้ใน OPPO Reno5 Series 5G ทุกรุ่น มีการปรับแต่งให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดรูปแบบที่หลากหลายได้ตามความต้องการ หน้าตา UI มีความสะอาดสบายตา ใช้งานง่าย แต่ก็ยังคงสุนทรียะที่สวยงาม เข้ากันได้อย่างลงตัวกับดีไซน์ของเครื่อง

 

 

 

ลักษณะไอคอน

สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง ค่าเริ่มต้น ปรับแต่งความเล็กใหญ่ หรือรูปร่างของไอคอนได้ ตามความต้องการของคุณ

 

 

การซ่อนรูกล้องหน้า

สำหรับใครที่ไม่ชอบให้มีรอยเจาะ จนทำให้การรับชมคอนเทนต์ดูแหว่งๆ สามารถเข้าไปปรับให้หน้าจอเป็นสี่เปลี่ยมแบบเต็มได้ แต่อาจมีพื้นที่การแสดงผลที่เล็กลง

 

รูปแบบลายนิ้วมือ

OPPO Reno5 Pro 5G รองรับการปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือบนหน้าจอ มีเอ็ฟเฟ็กต์ด้วย "รูปแบบลายนิ้วมือ" ให้คุณเลือกใช้หลากหลายแบบเพื่อความสนุก แถมยังมีความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย

Always-On Display

ใน OPPO Reno5 Pro 5G สามารถปรับแต่งหน้า Always-On Display ของคุณเองได้ตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของคุณ โดยรูปแบบที่หลากหลายทั้งข้อความ และเลย์เอาท์ในเทมเพลตของคุณได้ง่ายๆ หรือจะเลือกใช้ตามที่มีรูปแบบกำหนดไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน

 

รูปแบบที่กำหนดเอง สามารถทำได้ด้วยการกดเครื่องหมาย + ซึ่งข้างในเราเลือกลักษณะของแปรงสี, สีที่ใช้ และรูปร่างแบบ เพียงแค่เราปัดหน้าจอ ก็ครีเอตเลย์เอาท์ที่คุณต้องการ เพื่อใช้ใน Always-On Display ของคุณเองได้

 

 

 

Dark Mode

OPPO Reno5 Series 5G ยังคงมาพร้อมกับโหมดมืด (Dark Mode) ที่ทำการเปลี่ยนธีมสีของหน้าจอให้มืดลง และปรับความสว่างของสีตัวอักษร เพื่อเป็นการถนอมสายตาเมื่อต้องใช้หน้าจอใหนที่มืด หรือสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้งานในโหมดนี้ เพื่อความสบายตา แต่ที่พิเศษคือ Dark Mode ใน OPPO Reno5 Series 5G มีโทนสีเข้มให้เลือก 3 รูปแบบ คือ โทนเทา, มืด และมืดดำสนิท และยังสามารถตั้งค่าเวลาที่ต้องการใช้งานโหมดนี้ได้อีกด้วย

 

 

 

FlexDrop

สำหรับฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณทำงานหลายๆ อย่าง ผ่านหน้าต่างที่ปรับขนาดของหน้าต่างแอปได้ทันที โดยฟีเจอร์ FlexDrop จะเก็บแอปแบบเต็มจอให้เป็นหน้าต่างแบบลอยบนหน้าจอนั้นๆ แทน เพื่อให้ทำงานแอปอื่นๆ ไปพร้อมกันได้

แปลภาษาง่ายๆ ด้วย 3 นิ้ว ผ่าน Google Lens

เพียงแค่คุณลาก 3 นิ้วลงมาเพื่อแคปหน้าจอ ก็สามารถแปลข้อความบนภาพนั้นได้ง่ายๆ ผ่านการทำงานบน Google Lens

 

 

การใช้งานหลายคน

สำหรับผู้ที่ต้องการแยกบัญชีการใช้งานให้ชัดเจน ก็สามารถทำได้ด้วยการสลับโหมดผู้ใช้งานหลายคน ซึ่งจะสามารถมีบัญชีได้สูงสุด 5 รายชื่อ เพื่อใช้งานในสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน หรือเปิดไว้ให้เด็กๆ ใช้ ก็ทำได้ เพื่อแยกส่วนการทำงานให้ชัดเจน

 

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง OPPO Reno5 Pro 5G

  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v8.5.2 ได้ 395,120 คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 5 ได้คะแนน Single-Core ที่ 731 และคะแนน Multi-Core ที่ 2 คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย 3DMark (Sling Shot) ได้ 2 221 คะแนน
  • ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

 

 


ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ ดังนี้

  • Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
  • Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
  • Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
  • Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
  • Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ดีไซน์บางเบา สวยหรูดูพรีเมี่ยม กับเฉดสีที่หลากหลาย

OPPO Reno5 Pro 5G มาพร้อมงานออกแบบชั้นเลิศ นอกจากความบางเบาของเครื่องแล้ว ยังมีเทคนิคการให้สีสันที่สวยงามโดดเด่น อย่างเช่นสี Galactic Silver ด้วยเทคโนโลยี Diamond Spectrum Process ใหม่ล่าสุด ช่วยให้เกิดเฉดสีใหม่นับพันสี ที่แตกต่างออกไปจากมุมมองและแสงตกกระทบ มีสีหลักที่เห็นได้ชัดๆ 5 สีด้วยกัน สีเขียว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วง และ สีส้ม พื้นผิวแบบด้านพร้อมความระยิบระยับด้วยเอฟเฟกต์ Reno Glow อันเป็นเอกลักษณ์ ของ OPPO เพิ่มความเปร่งประการกระจายออร่าให้เครื่อง ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดลายนิ้วมือและะคราบมันต่างๆ ได้อย่างดีอีกด้วย

นอกจากสี Galactic Silver แล้ว OPPO Reno5 Pro 5G ยังมีอีกหนึ่งสีที่สวยคลาสสิคไม่แพ้กัน นั่นคือ สี Starry Black สีดำเงางาม ที่มีความสุขุมนุมลึก ถือได้ทุกวันไม่มีเบื่อ และยังส่งเสริมบุคคลิคให้ผู้ใช้งาน

จอโค้ง 3D Borderless Scence Screen ชัดแบบ Super AMOLED

หน้าจอโค้งมนแบบ 3D Borderless Scence Screen คมชัดจัดเต็มในแบบฉบับ Super AMOLED ความกว้าง 6.5 นิ้ว ของ OPPO Reno5 Pro 5G ทำให้ได้รับอรรถรสของความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่มเต็มตามากยิ่งขึ้น รองรับ 90Hz Refresh Rate และอัตราTouch Sampling Rate 180Hz ช่วยให้การแสดงผลมีความไหลลื่น สมูทตา ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ไวขึ้น ความโค้งมนนิดๆ ของหน้าจอ ไม่เป็นปัญหาในการเล่นเกมส์ และยังชูให้ตัวเครื่องดูพรีเมี่ยมมาากขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ความบางเบาของเครื่อง อาจทำให้เราเพลิดเพลินกับความบันเทิงอย่างเต็มที่จนลืมเวลา OPPO Reno5 Pro 5G จึงมีโหมดถนอมสายตาและ Dark Mode ให้เลือกใช้ เพื่อเป็นการปกป้องดวงตาของผู้ใช้งาน เมื่อต้องใช้ในที่แสงน้อยหรือใช้เป็นเวลายาวนาน

ชิปเซ็ตระดับเรือธงบนเครือข่าย 5G ที่เร็วแรง

OPPO Reno5 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตตัวท็อปจาก MediaTek อย่าง Dimensity 1000+ Octa-core ความเร็ว 2.6 GHz ชิปขนาด 7 นาโนเมตร ประสิทธิภาพการใช้งานสูง ได้คะแนน AnTuTu benchmark ไปถึง 395,120 คะแนน ทำงานผสานงามกับ RAM 12GB และ ROM 256GB ให้ความลื่นไหลได้เป็นอย่างดี เครื่องลื่นขนาดนี้ ก็ต้องมาพร้อมสัญญานแรงๆ ระดับ 5G โดยสามารถใช้งานได้พร้อมกันทั้ง Wi-Fi และเครือข่าย 5G เพื่อให้ได้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงสุด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการออกแบบเสาอากาศ 360 องศา เพื่อรองรับการใช้งานให้สัญญาณไม่ขาดหายและเสถียรตลอดเวลา แม้จะถือจับหรือรับสัญญานจากทิศทางไหน

แบตใหญ่ ชาร์จไว

แม้จะเห็นภายนอกว่า OPPO Reno5 Pro 5G มีความบางเบา แต่กับอัดแบตเตอรี่มาให้อย่างจุใจ ด้วยความจุ 4350mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 ช่วยให้ชีวิตง่ายและสะดวกรวดเร็วมากขึ้น เพราะชาร์จเพียงครึ่งชั่วโมง ก็ได้แบตเตอรี่ที่เต็ม 100 เปอร์เซนต์ ชาร์จได้เร็ว และมีความปลอดภัย

กล้องหลัง

OPPO Reno5 Pro 5G มาพร้อมกับกล้อง 4 เลนส์เหมือนกับรุ่นอื่นๆ มีกล้องหลัก ความละเอียดสูงสุด 64MP ค่ารูรับแสง f/1.7, เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/2.4 , เลนส์ Marco ความละเอียด 2MP ค่ารูรับแสง f/2.4 และเลนส์ Mono ความละเอียด 2MP ค่ารูรับแสง f/2.4 ถ่ายภาพได้คมชัดทุกสถานการณ์ ทุกมุมมองที่คุณต้องการสร้างสรรค์ ถ่ายรูปได้ชัดเจน ไม่เบลอ แม้กำลังเคลื่อนไหวด้วย Image-clear Engine (ICE)จับภาพได้อย่างรวดเร็ว คงความชัดเจนของแต่ละช็อต ลดความเบลอที่จะเกิดกับภาพ

ภาพบุคคล

สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ค่อนข้างทำได้ดีมาก สามารถจับโฟกัสของแบบ เก็บปอยผมและเบลอฉากหลังได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ

ภาพกลางคืน

  • Ultra Dark Mode จะทำงานอัตโนมัติเมื่อจับได้ว่าสภาพโดยรอบมีความมืดถึงมืดสนิท ช่วยให้ภาพสว่างชัดขึ้น

  • Night Flare Portrait ถ่ายภาพเซลฟี่กับดวงไฟเบลอๆ สวยๆ ได้แบบใบหน้ายังชัดเจน เพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพ

 

  • Ultra Night Selfie ในส่วนของการถ่ายภาพกล้องหน้าในสภาพแสงน้อย Ultra Night Selfie จะช่วยปรับให้ใบหน้ามีความสว่างคมชัดขึ้น แต่ภาพไม่แข็งเหมือนกับการใช้ไฟแฟลช

 

กล้องหน้า

OPPO Reno5 Pro 5G มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ตามติดมาด้วย AI Beauty 2.0 ที่ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้ดูสวยงามไม่หลอกตา ยังคงเป็นเบอร์ต้นๆ ในการถ่ายเซลฟี่สวย ที่หาตัวเปรียบยาก

AI Color Portrait

เติมความแปลกใหม่ให้ด้วยฟังก์ชั่นเจ๋งๆ แบบ AI Color Portrait ที่โฟกัสตัวบุคคลให้มีความโดดเด่นขึ้น ด้วยการคงสีสันเอาไว้ และย้อมพื้นหลังในสีโมโนโทน สร้างเอฟเฟกต์สีที่ตัดกันอย่างชัดเจน แสดงภาพตัวอย่างให้เห็นแบบเรียลไทม์ สามารถใช้งานได้ทั้งในกล้องหลังและกล้องหน้า และก็รองรับทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอด้วย

การถ่ายวิดีโอ

อย่างที่ทราบกันว่า OPPO Reno5 Series 5G นี้ มาพร้อมกับสโลแกน "Picture Life Together" จึงเน้นจัดหนักที่การถ่ายภาพโดยเฉพาะ เมื่อภาพนิ่งมีฟีเจอร์ที่จัดเต็ม การถ่ายวิดีโอก็ต้องจัดเต็มอย่างไม่น้อยหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็น Dual-view Video ถ่ายวิดีโอพร้อมกันได้ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง เก็บโมเม้นท์ความประทับใจไปพร้อมๆ กับคนรอบข้าง, AI Highlight Video ปรับภาพวิดีโอให้ชัดเจนทุกมุมมอง ทุกสภาพแสง ให้คลิปวิดีโอของคุณเป็นที่สุดของวิดีโอ Portrait จะถ่าย VLOG หรือคอนเทนต์วิดีโอ ก็ถ่ายได้ง่าย สวยงาม ทำได้ดั่งใจ

  • Dual-view Video

OPPO Reno5 Pro 5G รองรับโหมด Dual-view Video ถ่ายภาพวิดีโอไปพร้อมๆ กันได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เก็บโมเม้นท์ที่เกิดขึ้นได้แบบไม่ขาดช่วง ไม่ต้องสลับกล้องหน้า-หลังให้เสียเวลา มีรูปแบบการแบ่งหน้าจอให้เลือกถึง 3 รูปแบบ สามารถลากกรอบเล็กๆ ได้ทั่วหน้าจตอในขณะที่ถ่ายอยู่

    • Split แบ่งหน้าจออย่างละครึ่งจอเท่าๆ กันทั้งในกล้องหน้าและหลัง
    • Round แบ่งกล้องหน้าเป็นวงกลม ส่วนกล้องหลังเป็นภาพกว้างเต็มๆ
    • Rectangle แบ่งกล้องหน้าเป็นสี่เหลี่ยม

AI Highlight Video

AI Highlight Video เป็นฟีเจอร์แรกในอุตสาหกรรมที่ใช้อัลกอริทึม AI ในการตรวจวัดและปรับสภาพแสงให้เข้ากับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น เพื่อให้ภาพมีความสว่างและคมชัดขึ้น ในกรณีที่แสงน้อย ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานอัลกอริทึม Ultra Night Video และจะใช้อัลกอริทึม Live HDR ปรับแต่งบุคคลให้คมชัด คงรายละเอียดของภาพด้านหลังให้เป็นธรรมชาติ เมื่อเจอการย้อนแสงเกิดขึ้น ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

OPPO Reno5 Pro 5G มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สี Galactic Silver และ สี Starry Black วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท และผู้ซื้อ OPPO Reno5 Pro 5G ตั้งแต่วันที่ 12 – 21 กุมภาพันธ์ 2564 รับฟรี! บัตร E-VIP และ OPPO Enco Free มูลค่ารวม 12,999 บาท

พิเศษ! เมื่อซื้อ OPPO Reno5 Pro 5G กับผู้ให้บริการทางเครือข่าย AIS, dtac และ TruemoveH รับส่วนลดสูงสุด 8,000 บาท

ขอขอบคุณ : OPPO

ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : OPPO Reno5 Series 5G
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=463699

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/oppo/reno_5_pro.htm

อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข้อมูลมือถือ

รีวิวโดย: ปภัสสร อมรประสิทธิ์ ภาพโดย: สิรภพ ผิวทอง
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564

VIEWS

แบ่งปันบทความ

สินค้าออนไลน์

ขึ้นด้านบน