รีวิว realme C21 รุ่นเริ่มต้นอย่างมั่นใจ ได้มาตรฐานความน่าเชื่อถือจาก TÜV Rheinland พร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ AI

รีวิวโทรศัพท์มือถือ realme C21 - เรียวมี

มากันอีกกับ 1 รุ่นคุ้มๆ อย่าง realme C21 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น แต่ก็เป็นก้าวเริ่มต้นอย่างมั่นใจ เพราะว่า realme C21 ได้มาตรฐานความน่าเชื่อถือระดับสูงจากการรับรองของ TÜV Rheinland แน่นอนว่าคุณภาพ และความทนทานเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ยังพกความโดดเด่นที่กล้องหลัง 3 เลนส์ ทำงานร่วมกับ AI รองรับโหมดถ่ายรูปตอนกลางคืน และเพิ่มความสดของดีด้วยโหมด Chroma Boost และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh สามารถใช้งานมาตรฐานทั้งวันอย่างสบายใจ

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

realme C21 มีขนาดตัวเครื่อง 165.2x76.4x8.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม ถือว่าเป็นขนาดมาตรฐานในสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ยังจับใช้งานได้อย่างสะดวก

หน้าจอแสดงผล LCD กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600x720 พิกเซล) ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Mini-Drop หรือแบบทรงหยดน้ำ

ส่วนเหนือหน้าจอแสดงผล ในบริเวณรอยแหว่งมีกล้องหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และขอบหน้าจอด้านบนเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนา

ส่วนล่างหน้าจอแสดง ไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ โดยปุ่มนำทางมาในรูปแบบซอฟแวร์

ข้างซ้ายตัวเครื่อง มีช่องใส่ถาดซิมการ์ด โดยถาดเป็นแบบ 3 ช่อง สามารถใส่ซิมแบบ Nano SIM ได้ 2 อัน และอีก 1 ช่องเป็น MicroSD Card

ข้างขวาตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มใช้งานมาตรฐานคือ ปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์สำหรับพักหน้าจอ หรือเปิดปิดเครื่อง

ส่วนบนตัวเครื่องไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตการใช้งานใดๆ

ส่วนใต้ตัวเครื่อง ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรจะอยู่ซ้ายสุด ถัดมาทางขวาเป็นรูไมโครโฟน และพอร์ต Micro USB 2.0

ผลิกมาที่ฝาหลัง กล้องหลัง 3 เลนส์ และไฟแฟลชจะถูกติดตั้งอยู่มุมบนซ้ายของฝาหลัง ถูกวางบนโมดูลสี่เหลี่ยม ถัดลงมาล่างขวาเป็นที่สแกนลายนิ้วมือ ส่วนล่างซ้ายสุดโลโก้ realme และลำโพงเสียง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวเครื่อง realme C21
สาย USB Type-A to Micro USB 2.0
อะแดปเตอร์ จ่ายไฟ 10W
เข็มนำถาดซิมออก
คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคของ realme C21

ขนาดตัวเครื่อง : 165.2x76.4x8.9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 190 กรัม
หน้าจอแสดงผล : LCD กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600x720 พิกเซล) ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Mini-Drop หรือทรงหยดน้ำ
ชิปเซ็ต : MediaTek Helio G35 ขนาด 12 นาโนเมตร Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz
RAM : 3GB
ROM : 32GB สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB
ระบบปฏิบัติการ : realme UI บนพื้นฐาน Android 10
กล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช
- เลนส์หลัก ความละเอียด 13MP รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ B&W ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้า ความละเอียด 5MP รูรับแสง
เครือข่าย : 4G LTE รองรับ Nano SIM 2 ช่อง
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 2.4G, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต Micro USB 2.0
ระบบความปลอดภัย : สแกนลายนิ้วมือหลังตัวเครื่อง, สแกนใบหน้า
แบตเตอรี่ : 5,000mAh

RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเลือก RAM และ ROM ของ realme C21 ที่ได้มารีวิวจะเป็นรุ่น RAM 4GB + ROM 64GB ซึ่งการเปิดใช้งานครั้งแรกระบบ และแอพพลิเคชั่นจากโรงงาน จะกินพื้นที่ไปประมาณ 13.9GB ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 50GB ซึ่งหากไม่พอใช้งานก็สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้อีก

*** ในการขายจริงจะมีแต่ RAM 3GB + ROM 32GB

ระบบปฏิบัติการ
ในส่วนระบบปฏิบัติการจะใช้เป็น realme UI 1.0 บนพื้นฐาน Android 10 ซึ่งหน้าตา UI ก็ดูเรียบง่ายน่าใช้งาน และความเสถียรในการใช้งานถือว่าดีพอสมควร ด้านยังมีอนิเมชั่น ที่ถูกพัฒนามาอย่างดี เปิดปิดแอพฯ ได้อย่างรวดเร็วขึ้นถึง 25% และดูลื่นตามากยิ่งขึ้น 20%

หน้าจอหลัก
ในส่วนหน้าจอหลักจะมีความเรียบง่าย โดยเน้นให้ไอคอนต่างๆ เป็นทรงกลม แต่ผู้ใช้งานก็สามารถตั้งค่าได้เอง ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นแบบอื่น, ขนาดไอคอน, และกราฟฟิกของไอคอน นอกจากนี้ยังมีลิ้นชักเพื่อเก็บแอพพลิเคชั่นทั้งหมดไว้อีกด้วย

Wallpaper
ใน realme UI มาพร้อม Wallpaper แบบใหม่ถึง 11 แบบ มีแรงบรรดาลใจจากองค์ประกอบธรรมชาติ แน่นอนว่าตรงนี้จะช่วยสร้างความสวยงามให้กับหน้าจอหลักได้อย่างดี

โหมดกลางคืน
ในโหมดกลางคืนจะเป็นการปรับเปลี่ยนธีมให้เป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว ทั้งนี้ realme UI ยังรองรับโหมดกลางคืนในแอพพลิเคชั่นบุคคลที่ 3 ได้เยอะขึ้นอีกด้วย และสามารถเลือกตั้งเวลาให้เปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > โหมดกลางคืน

แบ่งหน้าจอแสดงผลด้วย 3 นิ้ว
การแบ่งหน้าจอบน realme C21 จะมีความง่ายมากขึ้น ด้วยการใช้งาน 3-Finger Selected Screenshot หรือใช้ 3 นิ้วรูดหน้าจอขึ้น ก็จะเลือกแอพฯ แบ่งหน้าจอได้ทันที แต่จะใช้งานกับแอพฯ ที่รองรับเท่านั้น

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v8.5.6 ได้ 119,066 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 5 ได้คะแนน Single-Core ที่ 167 และคะแนน Multi-Core ที่ 984 คะแนน
ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

การดีไซน์แบบรูปทรงเรขาคณิต Geometric
realme C21 มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม โดยมีการดีไซน์แบบรูปทรงเรขาคณิต Geometric ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาทราย พื้นผิวใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมที่มีความแม่นยำสูงจากประเทศเยอรมนี ขัดนานกว่า 300 นาที และแกะสลักมาเป็นเส้นโค้งกว่า 450 เส้น จนออกมาเป็นเอฟเฟกต์สะท้อนแสงดูสวยงามอย่างมาก ส่วนอีกเทคนิคที่ใช้คือ Bold cross-hatch ช่วยสร้างมิติภาพเงาที่มีความทันสมัย และป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี ซึ่งจากที่ดูและจับใช้งาน ตัวเครื่องก็สวยงามเป็นอย่างดี และเข้ากับโมดูลของกล้องหลังอย่างลงตัว

เน้นการใช้งานพื้นฐานทั่วไป
realme C21 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก ที่เน้นการใช้งานพื้นฐานเป็นหลัก เพราะมีชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 ขนาด 12 นาโนเมตร จำนวนคอร์ Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.0GHz ซึ่งการใช้งานจริงก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน ใช้แอพฯ สังคมออนไลน์, แชทต่างๆ ได้ดี แต่มีบ้างครั้งที่แอพฯ เด้งออกเอง ซึ่งน่าจะมีการอัปเดตให้เสถียรมากขึ้นในภายหลัง

ใช้งานดูหนังฟังเพลง
realme C21 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล LCD กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600x720 พิกเซล) ทำให้ใช้งานดูหนังได้อยู่ เช่นดู Youtube เป็นต้น ส่วนการฟังเพลงก็รองรับหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และยังมาพร้อมฟีเจอร์สุดโดดเด่นคือ การแชร์เพลงในโหมดคู่ ทำให้รับฟังเพลงผ่านหูฟังไร้สายได้ 2 คู่พร้อมกัน สามารถไปเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > realme Lab > การแชร์เพลงในโหมดคู่

มาตรฐานความน่าเชื่อถือระดับสูงจาก TÜV Rheinland
ใช้งาน realme C21 ได้อย่างมั่นใจ เพราะเจ้าตัวได้ผ่านมาตรฐานความน่าเชื่อถือระดับสูงจาก TÜV Rheinland ซึ่งเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดย realme C21 ได้เข้ารับการทดสอบอย่างบรรจงถึง 23 รูปแบบเช่น การตกจากที่สูง, อยู่ในอุณภูมิไม่ปกติ, ไฟฟ้าผันผวน เป็นต้น แถมยังใช้งานได้อย่างมั่นใจตลอดระยะเวลา 3 ปีเลยทีเดียว

ทดสอบการเล่นเกม
realme C21 สามารถเล่นเกมทั่วไปได้อย่างเช่น ยิงเพชร, เกม Puzzle และเกมที่ไม่ใช่กราฟฟิกเยอะ ส่วนเกมที่กินทรัพยากรขึ้นมาอีกนิดอย่าง Free Fire ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน และปรับกราฟฟิกในระดับขึ้นสุด พร้อมกับปรับเฟรมเรตสูงสุด แต่การเล่นจริงมีกระตุกๆ อยู่พอสมควร หากจะให้ลื่นจริงๆ ก็แนะนำให้ปรับแบบปานกลางจะดีกว่า

ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยก่อนเข้าใช้งานเครื่อง realme C21 ก็มีระบบถึง 2 อย่างคือ การสแกนลายนิ้วมือ และการสแกนใบหน้า โดยที่สแกนลายนิ้วมือจะอยู่หลังตัวเครื่อง มีการสแกนที่รวดเร็วมาก พร้อมจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ส่วนการสแกนใบหน้าก็รวดเร็วเช่นกัน และสามารถสแกนใบที่แสงน้อยได้ เพราะใช้แสงสว่างจากหน้าจอทำให้สแกนได้อย่างราบรื่น

แบตเตอรี่
realme C21 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh ถือว่าเป็นขนาดที่เยอะพอสมควร ซึ่งทาง realme เองก็เคลมไว้ว่า สามารถใช้งานในโหมด Standby ได้ถึง 47 วัน และจากที่ทำสอบใช้งานจริง ดู Youtube ความละเอียด 720p 60fps ปรับความสว่างสุด ระยะเวลา 35 นาที จากแบตเตอรี่ 50% เหลือ 44%

นอกจากนี้ยังสนับสนุนการใช้งาน OTG reverse charge เพื่อแบ่งแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ และมีโหมด Super Power Saving ที่จะช่วยยืดระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ได้เป็นเท่าตัว ทำให้มั่นใจได้ว่า หากแบตเตอรี่เหลือน้อยก็ยังสามารถใช้งาน realme C21 ได้แบบหายห่วง

ทดสอบใช้งานกล้องถ่ายรูป
ด้านการถ่ายรูปของ realme C21 จะได้กล้องหลังมาถึง 3 เลนส์ โดยมีเลนส์หลัก ความละเอียด 13MP, เลนส์ B&W ความละเอียด 2MP, เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP ทั้งหมดมีการทำงานร่วมกับ AI เพื่อปรับภาพ Portrait ให้เบลอพื้นหลังได้สวย รองรับการถ่ายภาพตอนกลางคืน และมีโหมด Chroma Boost เพื่อเพิ่มสีสันให้กับรูปถ่าย ในขณะที่กล้องหน้า มีความละเอียด 5MP รองรับการปรับแต่งหน้าสวยด้วยระบบ AI Beauty

โหมดสีสด Chroma

นี้คือโหมดที่ทำให้สีของภาพมีความสดมากขึ้น หากใครที่ชอบภาพแนวสีสด ก็สามาเปิดใช้งานโหมด Chroma ได้เลย

โหมดกลางคืน

ในการใช้งานโหมดกลางคืน ถือว่าทำได้ดีเกินคาด เพราะภาพที่ออกมาแสดวรายละเอียดในที่มืดได้ดี แต่ติดที่ว่าภาพจะออกมาเป็นโทนสีเหลืองๆ ส้มๆ

โหมด Macro

โหมด Macro ใช้ในการถ่ายภาพระยะใกล้ถือว่าถ่ายออกมาได้ดีทีเดียว เผยรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยม และก็มีความสวยงามมาก

โหมด Portrait

ในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ หรือโหมด Portrait มีการเบลอพื้นหลังสวยงาม และเบลออย่างเป็นธรรมชาติ ตัดกับส่วนหน้าได้ดีทั้งกล้องหน้า และหลัง นอกจากนี้การใช้งานจากกล้องหน้าก็สวยงาม พร้อมใบหน้าที่โดดเด่นขึ้นจาก Beauty Mode

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 4160x3120 (4:3), 2592x1458 (16:9), 3120x3120 (1:1), 2560x1152 (Full) พิกเซล
ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 2592x1944 (4:3), 3712x2088 (16:9), 1944x1944 (1:1), 3712x1672 (Full) พิกเซล
ซูม : สูงสุด 4 เท่า
ไฟแฟลช : ปิด, เปิด, อัตโนมัติ, ไฟลบเงา
HDR : ปิด, เปิด, อัตโนมัติ
การเพิ่มสี : ปิด, เปิด
ฟิลเตอร์ : R1 - R15 และ Cyberpunk, Flamingo และ Modern Gold
การตั้งเวลา : 3 วินาที, 10 วินาที
ปุ่มความดัง : ระดับเสียง, ชัตเตอร์, ย่อ/ขยาย
การพิมพ์ลายนิ้วมือ : เปิด, ปิด
เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
ตำแหน่ง : ปิด, เปิด
รูปเซลฟี่กลับด้าน : เปิด, ปิด
แตะเพื่อถ่ายรูป : เปิด, ปิด
ใช้ลักษณะท่าทางเพื่อถ่ายรูป : เปิด, ปิด
เส้นตาราง : เปิด, ปิด
ภาพลายน้ำ : รุ่นของโทรศัพท์, วันและเวลา

คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 1920 x 1080 (1080P), 1280 x 720 (720P) พิกเซล
ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 1920 x 1080 (1080P), 1280 x 720 (720P) พิกเซล
ซูม : สูงสุด 4 เท่า
ไฟแฟลช : ปิด, เพิ่มแสง
ฟิลเตอร์ : R1 - R10
ปุ่มความดัง : ระดับเสียง, ชัตเตอร์, ย่อ/ขยาย
การพิมพ์ลายนิ้วมือ : เปิด, ปิด
เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
ตำแหน่ง : เปิด, ปิด