ตามกันมาทันติดๆ กับ vivo X70 Pro 5G ซีรี่ย์สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ที่มีการร่วมพัฒนากับ ZEISS ผู้ผลิตเลนส์กล้องมืออาชีพชื่อดังจากประเทศเยอรมัน แน่นอนว่าความโดดเด่นชวนหลงใหลของ vivo X70 Pro 5G จะเป็นการใช้งานกล้องถ่ายรูป ซึ่งมาพร้อมกล้อง ZEISS Optics และทุกกล้องถูกเคลือบด้วย ZEISS T* ทุกเลนส์ เพื่อเปิดประสบการณ์ภาพถ่ายแบบชัดๆ เคลียๆ นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่นฉบับกล้องแอคชั่นแคมเวอร์ชั่นใหม่อย่าง Gimbal Stabilization 3.0 ส่วนดีไซน์ก็บางสวยงาม ฝาหลังดูพรีเมี่ยมแบบ Fluorite AG พร้อมกับสเปคที่ใช้งานได้อย่างลื่นๆ จากชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 5G และหน้าจอพาแนล E5 AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz
vivo X70 Pro 5G มาพร้อมขนาดตัวเครื่องที่บางดูดีทีเดียว ด้วยขนาด 158.3 × 73.21 × 7.99 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 181 กรัม สามารถจับใช้งานได้ถนัด
หน้าจอแสดงผลโค้ง พาแนล E5 AMOLED กว้าง 6.56 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2376x1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz และใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู
เหนือหน้าจอด้านบน ในรอยแหว่งมีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP และขอบหน้าจอด้านบนเป็นลำโพงเสียงสำหรับการสนทนา
หน้าจอด้านล่าง จะรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และปุ่มนำทางจะมาในรูปแบบซอฟแวร์
ข้างซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ข้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มยาวสำหรับเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์ สำหรับเปิดปิดเครื่อง และพักหน้าจอ
ส่วนบนตัวเครื่อง มีรูไมโครโฟน และคำกำกับว่า Professional Photography
ใต้ตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C ทางซ้ายเป็นรูไมโครโฟน และช่องใส่ถาดซิมการ์ด รองรับ Nano SIM 2 ช่อง ส่วนทางขวาเป็นลำโพงเสียงตัวเดียว
พลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง จะดูโดดเด่นด้วยดีไซน์ผิวด้าน Fluorite AG และมุมล่างซ้ายมีคำว่า Vivo ส่วนกล้องหลัง 4 เลนส์จะถูกติดตั้งอยู่มุมบนซ้าย ประกอบไปด้วยเลนส์ หลัก ความละเอียด 50MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP, เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP และเลนส์ Periscope ความละเอียด 8MP
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคของ vivo X70 Pro 5G
RAM และ ROM แบบ UFS 3.1
RAM และ ROM ของ vivo X70 Pro 5G ให้มาค่อนข้างจุใจ โดยมีขนาด 8GB + 256GB ซึ่ง RAM มาเทคโนโลยี RAM ส่วนขยาย ซึ่งมีวิธีการดึง ROM มาเป็น RAM ให้ใช้งานเพิ่มอีก 4GB มั่นใจได้เลยว่าเครื่องจะไม่อึด นอกจากนี้ ROM ยังเป็นเทคโนโลยี UFS 3.1 ทำให้อ่านเขียนข้อมูลได้รวดเร็ว โอนย้ายไฟล์ใหญ่ได้สบายๆ
ระบบปฏิบัติการ
vivo X70 Pro 5G จะรันบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android 11 ซึ่ง Funtouch OS 12 มีประสิทธิภาพในการทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ได้อย่างดี มีการทำงานที่ลื่น และมีการปรับแต่งฟังก์ชันต่างๆ ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักของ vivo X70 Pro 5G มีการปรับแต่งตามฉบับ Funtouch OS 12 โดยเน้น UI ที่น่าใช้งาน และใช้งานได้ง่าย โดยโลโก้แอพพลิเคชั่นจะเป็นแบบวงกลม และสามารถเก็บแอพฯ ไว้ในถาด หรือหน้าจอหลักก็ได้
Wallpaper และ ธีม
การเปลี่ยน Wallpaper และธีม จะมีแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า ธีม ให้เลือกดาวน์โหลดเพิ่มเติม ซึ่งมีทั้งภาพนิ่ง และ Live หรือจะเอารูปจากคลังมาเป็นพื้นหลังก็ได้เช่นกัน
การนำทางของระบบ
ปุ่มนำทางเริ่มต้น จะเป็นแบบ 3 ปุ่มคือ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม, ปุ่มแอพฯ ก่อนหน้า ซึ่งทั้งหมดสามารถสลับตำแหน่งได้ ส่วนใครที่ไม่ชอบใช้งานแบบ 3 ปุ่ม ก็สามารถไปเปลี่ยนเป็นแบบท่าทางสัมผัสได้ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > ระบบ > การนำทางของระบบ
เอฟเฟ็กต์แบบไดนามิก
เอฟเฟ็กต์อนิเมชั่นต่างๆ เช่น เวลาชาร์จแบตเตอรี่, เอฟเฟ็กต์สแกนลายนิ้วมือ, เอฟเฟ็กต์เปิดปิดแอพฯ เป็นต้น ทั้งหมดสามารถเปลี่ยนและปรับแต่งได้เอง เพื่อความสวยงาม และลื่นตาในการใช้ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > เอฟเฟ็กต์แบบไดนามิก
การแบ่งหน้าจอ
การแบ่งหน้าจอของ vivo X70 Pro 5G จะเริ่มใช้งานได้ด้วยการ ใช้ 3 นิ้วรูดหน้าจอขึ้น แต่จะใช้งานได้เฉพาะแอพฯ ที่รองรับเท่านั้น
ธีมมืด และการป้องกันดวงตา
สำหรับโหมดการถนอมสายตาเวลาใช้งานผ่านหน้าจอ vivo X70 Pro 5G ก็มีทั้ง ธีมมืดที่เปลี่ยนธีมต่างๆ เป็นสีดำ และยังมีโหมดการป้องกันดวงตา ด้วยการกรองแสงสีฟ้าบนหน้าจอออก ซึ่งทั้งคู่สามารถไปเปิดใช้งานได้ การตั้งค่า > การแสดงผลและความสว่าง
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
เครื่องบาง ดีไซน์ฝาหลังพรีเมี่ยมแบบ Fluorite AG
vivo X70 Pro 5G มีตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมเป็นอย่างมาก โดยสีที่ได้มารีวิวเป็นสี Cosmic Black โดดเด่นที่ฝาหลังเป็นแบบ Fluorite AG ให้ผิวเป็นแบบด้าน ซึ่งสัมผัสแล้วรู้สึกละมุนมือ และยังเกิดรอยนิ้วมือได้ยาก ส่วนลวดลายจะเป็นคล้ายๆ ดวงดาวบนท้องฟ้าตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีตัวเครื่องที่บางเพียง 7.99 มิลลิเมตร เรียกว่าดูสวยงาม พร้อมกับจับใช้งานได้อย่างถนัด
หน้าโค้ง E5 AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz
หน้าจอแสดงผลของ vivo X70 Pro 5G จะใช้พาแนล E5 AMOLED ซึ่งมาการใช้พลังงานที่น้อยลง แต่ให้แสงสว่างที่มากขึ้น โดยการแสดงผลยังแสดงได้อย่างชัดเจน สีสันคมชัด พร้อมรองรับคอนเทนด์ HDR10+ อีกด้วย ทั้งนี้อัตรา Refresh Rate ยังปรับได้สูงสุดถึง 120Hz โดยมีระบบปรับอัตรา Refresh Rate ให้แบบอัตโนมัติ เพื่อเหมาะกับการใช้งานในขณะนั้น เป็นการปรับหยัดพลังงานไปในตัว
รวดเร็วระดับเรือธง ด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 5G
ความรวดเร็วในการทำงานจะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 5G ซึ่งเป็นชิปเซ็ตขนาด 6 นาโนเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานระดับสูง ใช้งาน ใช้เล่นเกมได้แบบลื่นๆ ไม่พอแค่นั้นยังมีโมเดม 5G ทำให้ vivo X70 Pro 5G สามารถใช้งานสัญญาณ 5G ได้ด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
จากชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 ทำให้ vivo X70 Pro 5G สามารถเล่นเกมในกราฟฟิกสูงๆ และยังมี Game Mode ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพของเฟรมเรตให้นิ่งมากขึ้น พร้อมช่วยจัดการอุณหภูมิ และจัดการการแจ้งเตือนไม่ให้ขัดจังหวะระหว่างเล่นเกม นอกจากนี้ยังมีระบบสั่นสมจริงอย่าง Linear Motor เพื่อให้สัมผัสความสมจริงในการเล่นเกมากยิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยของ vivo X70 Pro 5G จะมีให้ใช้งาน 2 ระบบคือ สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า ซึ่งทั้งคู่มีการทำงานที่ราบรื่น ใช้สแกนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งตอนป้อนข้อมูล และสแกนปลดล็อกเครื่อง
แบตเตอรี่ สนับสนุนชาร์จเร็ว 44W
vivo X70 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,450mAh ถือว่าสามารถใช้งานพื้นฐานได้ตลอดทั้งวัน ไม่พอแค่นั้นยังรองรับการชาร์จเร็วผ่านสายถึง 44W จากที่ทำการทดสอบ แบตเตอรี่ที่ 32% ใช้เวลาชาร์จเพียง 35 นาที ก็กลับมาเต็ม 100%
ประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูป
ไฮไลท์เด่นของ vivo X70 Pro 5G คงหนีไม่พ้นการใช้งานกล้องถ่ายรูป เพราะเป็นรุ่นสายต่อหลังจากจับมือกับแบรนด์ดังอย่าง ZEISS โดยกล้องเป็นแบบ ZEISS Optics และใช้เซ็นเซอร์ระดับท็อปอย่าง Sony IMX766V ช่วยในเรื่องความไวต่อแสง และทั้งคู่รวมตัวกันยิ่งทำให้ภาพออกมาดูดีคมชัด ส่วนกล้องหลังจะประกอบไปด้วยเลนส์ หลัก ความละเอียด 50MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP, เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP และเลนส์ Periscope ความละเอียด 8MP ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 32MP
กล้อง ZEISS Optics พร้อมเคลือบ ZEISS T*
กล้องของ vivo X70 Pro 5G ถือว่าเป็นน้องกล้องมืออาชีพก็ว่าได้ เพราะนอกจากเป็นกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS และกล้องทั้งหมดยังเป็นไปตามมาตรฐานการเคลือบ ZEISS T* ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพได้มากทีเดียว โดยภาพที่ออกมาจะมีค่าสีที่แม่นยำ สีสันสดใส ลดแสงสะท้อน และปรับ Ghosting Effect ให้เป็นสีที่แท้จริงทั้งตอนกลางวัน และกลางคืน
การถ่ายภาพปกติ และโหมด 50MP
การถ่ายภาพปกติ จะมีการทำงานร่วมกับ AI ในการจดจำซีน เพื่อให้ภาพที่ออกมาดูสวยงามมากขึ้นในการกดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีโหมด 50MP เพื่อรีดประสิทธิภาพของเลนส์หลัก 50MP ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะได้ภาพขนาดใหญ่ถึง 8192x6144 พิกเซล ช่วยให้ภาพชัดในทุกมุมของภาพ
โหมดมุมกว้าง
เลนส์ Ultra-Wide มีความละเอียดสูงถึง 12MP ทำให้การถ่ายมุมกว้างออกมาคมชัดมากขึ้น ทั้งนี้โหมดมุมกว้างยังสามารถใช้งานร่วมกับโหมดมุมกว้างตอนกลางคืน และวิดีโอกลางคืนแบบมุมกว้าง พร้อมกับทำงานร่วมกับ AI ในการตรวจจับซีน ซึ่งภาพที่ออกมาก็ดูสวยงาม เปิดเผยมุมกว้างได้ดี และภาพยังดูไม่เบี้ยวอีกด้วย
โหมดกลางคืน และ Real-Time Extreme Night Vision
การถ่ายภาพในโหมดกลางคืน ถือว่าสวยเอาเรื่อง เพราะภาพที่ออกมามีให้แสงในตอนกลางคืนที่สวยงาม เปิดเผยรายละเอียดได้ชัดเจน ตรงนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับการเคลือบ ZEISS T* เพราะช่วยลดการเกิด Ghosting และแสงผิดเพี้ยนในตอนกลางคืนได้อย่างดี
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถดูพรีวิวภาพก่อนกดชัตเตอร์ได้แบบเหมือนจริง เห็นแบบไหนกดชัตเตอร์ก็ออกมาแบบนั้น เพราะมีระบบ Real-Time Extreme Night Vision ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพ และแสงสีได้แบบเรียลไทม์
โหมดมาโครพิเศษ
การถ่ายภาพมุมใกล้ๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะมีโหมดมาโครพิเศษมาด้วย ซึ่งการถ่ายภาพธรรมชาติ และลวดลายในระยะใกล้ๆ จะให้รายละเอียดที่ชัดเจนดูสวยงาม
ประสิทธิภาพการซูม
กล้องหลังของ vivo X70 Pro 5G มาพร้อมเลนส์ซูม 2 เลนส์คือ Telephoto ความละเอียด 12MP และ Periscope ความละเอียด 8MP ซึ่งช่วยให้สามารถซูมแบบ Optical ได้สูงสุด 5 เท่า และซูมแบบ Digital ได้สูงสุด 60 เท่า โดยการซูมแบบดิจิตอลจะมีระบบกันสั่น OIS ช่วยให้ซูมภาพได้นิ่งขึ้น
ภาพบุคคล และเอฟเฟกต์สไตล์ ZEISS
ค่อนข้างประทับใจทีเดียวกับการใช้งานในโหมดภาพบุคคล เพราะการเบลอพื้นหลังตัดกับสวยหน้าได้สวยงามจริงๆ โดยภาพใบหน้าคนจะชัดเจนอย่างมาก เพราะมีระบบปรับหน้าคม HD ทำให้ใบหน้าโดดเด่นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟกต์ Bokeh สไตล์ ZEISS ที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง ZEISS ทั้ง Biostar, Sonnar, Planar, Distagon และภายหลังอาจจะมีการอัปเดตให้มีเอฟเฟกต์มากขึ้น
กันสั่น Gimbal Stabilization 3.0
ระบบกันสั่น Gimbal Stabilization ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของ Vivo X Series ซึ่ง vivo X70 Pro 5G ก็มาพร้อมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Gimbal Stabilization 3.0 โดยให้ความโดดเด่นในการถ่ายวิดีโอแบบนิ่งๆ ราวกับใช้แอคชั่นแคม
Super Night Video
การบันทึกวิดีโอตอนกลางคืนก็สวยงามทีเดียว เพราะมีระบบ Super Night Video ที่มีการทำงานระหว่าง Gimbal Stabilization 3.0 และเซนเซอร์ Sony IMX 766V ที่เรียกว่า Ultra-Sensing ช่วยให้ภาพที่บันทึกออกมาดูสว่าง และเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในตอนกลางคืน
Pro Cinematic Mode
จะสร้างภาพยนตร์ หรือหนังสั่้น ก็สามารถใช้ vivo X70 Pro 5G ในการถ่ายทำได้ทันที เพราะมี Pro Cinematic Mode ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันระดับมืออาชีพมากมาย สามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายได้อย่างอิสระ
ยังมี vivo X70 5G เป็นอีกทางเลือก
ใครที่มองว่าราคา vivo X70 Pro 5G ดูตึงๆ กระเป่าตังค์ไปหน่อย ทาง vivo ก็มีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งรุ่นเล็กลงมาอย่าง vivo X70 5G ซึ่งยังได้กล้อง ZEISS Optics มาตรฐานเคลือบ ZEISS T* พร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 5G เหมือนรุ่นโปร แต่จะถูกลดสเปคบางส่วนเช่น กล้องหลังเหลือ 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 40MP มีแบตเตอรี่ 4,400mAh และ RAM กับ ROM เหลือ 8GB + 128GB
ราคา และการจัดจำหน่าย
vivo X70 Pro 5G จะมีให้เลือก 2 สีคือ Cosmic Black และ Aurora Dawn โดยมีราคาอยู่ที่ 27,999 บาท
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ : vivo X70 Pro 5G
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=465352
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/vivo/x70_pro.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท