สำหรับไอโฟนซีรี่ย์ ประจำปี 2021 นี้ แอปปเปิ้ลยังคงมีรุ่นเล็กอย่าง iPhone 13 mini ออกมาเอาใจคนชอบไซต์มินิ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยสเปคที่ไม่แพ้รุ่นโปรฯ ไม่ว่าจะเป็นชิป A15 Bionic ใหม่ที่ทรงพลัง รองรับการเชื่อมต่อ 5G สุดแรง อัปเกรดกล้องทั้งเรื่องของฟังก์ชั่นและการจัดวางใหม่ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น
iPhone 13 mini มีขนาดอยู่ที่ 131.5 x 64.2 x 7.65 มม. น้ำหนัก 140 กรัม ขนาดเล็กสมชื่อ ถ้าใครเน้นพกพาสะดวก ใช้งานมือเดียวง่ายๆ แต่สเปคแรงๆ ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์
จอแสดงผล Super Retina XDR พาแนล OLED ทั้งหน้าจอ ขนาดความกว้างวัดในแนวทแยงได้ที่ 5.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล ที่ 476 ppi)
หน้าจอส่วนบน iPhone 13 mini เป็นดีไซน์รอยแหว่ง แม้ขนาดจะเล็กกว่า iPhone 12 Series แต่ก็ยังดูใหญ่และกว้างอยู่ มีกล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมแผงเซนเซอร์สำหรับการสแกนใบหน้า 3 มิติ หรือ Face ID เหนือจากรอยแหว่งเป็นลำโพงเสียง
ส่วนล่างของหน้าจอ iPhone 13 mini ยังคงไม่มีปุ่ม Home หรือปุ่มซอร์ฟแวร์ใดๆ จะใช้เป็นการควบคุมด้วยท่าทางสัมผัส
ตัวเครื่องด้านซ้ายเป็นสีเดียวกันกับกรอบตัวเครื่อง มีปุ่ม Toggle ที่เลื่อนซ้ายขวาเพื่อใช้สลับโหมดเปิดปิดเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ด้านล่างสุดจะเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด รองรับซิมแบบ Nano SIM 1 ช่อง ส่วนใครต้องการใช้งาน 2 ซิม จะเป็นแบบ eSIM นั่นเอง
ตัวเครื่องด้านขวา iPhone 13 mini มีปุ่มเพาเวอร์ ใช้สำหรับพักหน้าจอแสดงผล เปิด-ปิดเครื่อง หรือกดค้างเพื่อเรียกใช้งาน Siri
ด้านบนของตัวเครื่อง iPhone 13 mini ไม่มีการใช้งานใดๆ
ตัวเครื่องด้านล่าง มีพอร์ต USB Lightning อยู่ตรงกลาง ทางซ้ายเป็นไมโครโฟน และทางขวาเป็นลำโพงเสียง
ด้านหลังของเครื่อง จะพบกับการจัดวางกล้องที่เปลี่ยนดีไซน์จาก iPhone 12 Series มาเป็นแบบทแยงมุม มีกล้องหลังคู่ ความละเอียด 12MP (ไวด์และอัลตร้าไวด์) แล้วยังมีไมโครโฟน และไฟแฟลชอยู่ภายในโมดูลทรงสี่เหลี่ยม ส่วนตรงกลางฝาหลังเป็นโลโก้ Apple เช่นเคย
อุปกรณ์ภายในกล่อง iPhone 13 mini
ข้อมูลพื้นฐานของ iPhone 13 mini
ระบบปฏิบัติการ
iPhone 13 mini มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 15 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดตั้งแต่แกะกล่อง พร้อมฟีเจอร์ และฟังก์ชั่นใหม่ๆ มากมาย เหมือนรุ่นโปรฯ มีการทำงานที่รวดเร็ว ครอบคลุมรอบด้านมากขึ้น
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักยังเหมือน iOS รุ่นก่อนๆ โดยยังมีไอคอนแอพฯ เป็นแบบสี่เหลี่ยมขอบมน มีแถบรวมแอพฯ อยู่หน้าสุดท้าย และแอพฯ ทั้งหมดที่ดาวน์โหลดเพิ่มมาจะอยู่ในหน้าจอหลักทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถดูการแจ้งเตือน และ Control Center ด้วยการปัดหน้าจอด้านบนลง
Wallpaper และ Widget
Widget สามารถเพิ่มได้ในหน้าจอหลัก ด้วยการกดค้างในพื้นที่วางของหน้าจอหลัก จะปรากฎเครื่องหมาย + ทางมุมบนซ้ายของจอ ให้กดเข้าไปเพื่อเพิ่ม ส่วน Wallpaper ก็ไปปรับเปลี่ยนได้ที่ การตั้งค่า > Wallpaper ซึ่ง iOS 15 จะมี Wallpaper ใหม่เพิ่มเข้ามาทั้งแบบนิ่ง และแบบ Live ที่เคลื่อนไหวได้
การแจ้งเตือน
iOS 15 จะมีการปรับปรุงในส่วน การแจ้งเตือน ซึ่งมีการแสดงไอคอนแอพฯ และรูปภาพของผู้ติดต่อ และจัดลำดับพร้อมสรุปการแจ้งเตือนให้เหมาะกับผู้ใช้งาน
โหมดมืด
iPhone 13 mini มีโหมดมืดมาให้ใช้งาน ปรับเปลี่ยนธีมเป็นสีดำสนิท และใช้ตัวหนังสือสีขาวซึ่งสว่างกว่า สามารถเปิดปิดโหมดได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งตั้งค่าให้เป็นอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนดได้ด้วย ทั้งนี้การเปิดโหมดมืดยังเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ในตัวอีกด้วย
โหมดโฟกัส
iOS 15 จะมาพร้อมโหมดโฟกัส ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีการปิดการแจ้งเตือน หรืออนุญาตให้แจ้งเตือนเฉพาะที่ต้องการเท่านั้น โดยโหมดโฟกัสจะมีตั้งต้นให้เลือก 4 แบบคือ ห้ามรบกวน, ส่วนบุคคล, ทำงาน และนอนหลับ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเพิ่มเติมได้ที่เครื่องหมาย + ทางมุมขวาของหน้าจอ เพื่อให้เข้ากับความต้องการได้ด้วย
ข้อความในภาพ
ใน iOS 15 ยังมาพร้อมฟังก์ชั่น "ข้อความในภาพ" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถก็อปปี้ข้อความในภาพได้ทันที หรือจะใช้แปลภาษาจากข้อความในภาพก็ได้เช่นกัน โดยเบื้องต้นนั้น จะใช้งานได้ 7 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน โปรตุเกส และสเปน ซึ่งผู้ใช้งานต้องตั้งค่าภาษาของเครื่องให้เป็นภาษาเหล่านี้เท่านั้น จึงจะใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้ ยังไม่รองรับภาษาไทยในตอนนี้
นอกจากนี้ รูปภาพที่ส่งถึงคุณผ่าน
Memoji เลือกเสื้อผ้าได้
Memoji มีให้เลือกปรับแต่งหลากหลายมากขึ้น และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ การเลือกเสื้อผ้าให้ตัว Memoji เพื่อเพิ่มความสนุก และความหลากหลายมากขึ้น การครีเอต Memoji นี้ทั้งสนุก และทำให้การส่งข้อความมีลูกเล่นยิ่งขึ้น
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
หน้าจอ Super Retina XDR
iPhone 13 mini มาพร้อมกับจอแสดงผล Super Retina XDR พาแนล OLED เมื่อวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐานแล้ว หน้าจอจะมีขนาด 5.42 นิ้วในแนวทแยง ความคมชัดระดับ FHD+ การให้สีสันก็เป็นไปตามแบบฉบับของ OLED ปรับความสว่างได้สูงสุด 1,200nits แต่ก็ยังมาพร้อมจอรอยแหว่งแบบ Notch Design ลดขนาดลงจากรุ่นปีก่อน ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลเพื่มมากขึ้น การรับชมคอนเทนต์ต่างๆ มองชัด แต่หากใครถนัดใช้จอใหญ่ๆ มาก่อน เจ้ามินิอาจไม่ได้เต็มสายตาเหมือนเดิม มีการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือให้ด้วย ทัชลื่น ไม่เป็นรอยเลอะง่าย
ชิปเซ็ตใหม่ A15 Bionic
ความเก่งที่ทำให้เจ้า iPhone 13 mini ไม่แพ้รุ่นพี่ ก็คือมีชิปเซ็ตตัวใหม่อย่าง A15 Bionic มาให้ด้วย เพราะฉะนั้นการประมวลผล ความเร็วแรง ไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน แม้ไซต์จะเล็ แต่สเปคแรงมาก การทำงานต่างๆ มีความลื่นไหลและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานพื้นฐาน, เปิดปิดสลับแอปพลิเคชั่น, เล่นโซเชียล, ดูคลิป, ถ่ายภาพ หรือแม้กระทั่งเล่นเกม ก็ไม่มีสะดุด เรียกได้ว่าเสถียรสุดแบบไว้ใจหายห่วง
ทดสอบการเล่นเกม
ชิปเซ็ต A15 Bionic ที่มีอยู่ใน iPhone 13 mini ช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจจะขัดๆ นิดหน่อยตรงขนาดเครื่องที่เล็กลง หน้าจอไม่ได้ใหญ่ แต่ความมันส์และความลื่นไหล ไม่เป็นรองใคร จากที่ทดสอบใช้งานเกม PUBG Mobile ก็สามารถปรับกราฟฟิกได้แบบสุดๆ ถึง Ultra HD ไร้การกระตุก ปรับกราฟฟิกไปที่ 60fps ก็ยังไม่พบปัญหาอะไร นอกจากเครื่องแอบอุ่นหน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนมาก
รองรับสัญญาณ 5G
iPhone 13 mini รองรับสัญญาณ 5G ได้ ช่วยให้การดาวน์โหลดและอัปโหลดต่างๆ มีความรวดเร็วมากขึ้น เวลาที่เปิดใช้งานนานๆ ก็มีระบบการรับความเร็วที่เหมาะกับการใช้งาน จึงช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนอื่นๆ อีกทั้งยังรับความถี่ 5G ได้หลายย่านความถี่ จึงทำให้การรับสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าด้วย
FaceID
ด้วยชิปเซ็ต A15 Bionic ทำให้ FaceID มีการทำงานที่เร็วขึ้น และแม่นยำกว่าเดิม ทั้งยังสามารถจดจำใบหน้าได้สูงสุดถึง 2 ใบหน้าด้วยกัน และด้วยความเก่งของกล้อง TrueDepth จึงสแกนใบหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แม้จะอยู่ในที่มืดแสงน้อย ใส่แว่นตาหรือใส่หมวกอยู่ แต่กรณีใส่แมสยังทำไม่ได้ ก็ใช้รหัสปลดล็อคหรือ PIN แทนไปก่อน
แบตเตอรี่ที่อึดขึ้น
iPhone 13 mini ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นถึง 1.5 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง iPhone 12 สนับสนุนการชาร์จเร็วผ่านสาย 20W ชาร์จไร้แบบ MagSafe 15W และไร้สายแบบ Qi 7.5W แต่ก็ยังคงคอนเซปต์รักษ์โลก ไม่มีการแถมอะแดปเตอร์มาให้ในกล่อง ต้องซื้อแยกเองต่างหาก
กล้องถ่ายรูป
iPhone 13 mini ติดตั้งกล้องหลังมาให้ด้วยกัน 2 เลนส์ คือ เกล้องไวด์และอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP ทั้งคู่ มีการปรับเปลี่ยนการจัดวางจากเดิมที่เป็นการเรียงตรงลงมาให้เป็นแนวทะแยง ทำมุม 45 องศาเพื่อให้ใส่ระบบกล้องคู่ได้ดีขึ้น ทั้งในส่วนของตำแหน่งเซ็นเซอร์ และเผื่อที่ไว้สำหรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลด้วย นั่นก็เเพื่อภาพถ่ายและวิดีโอที่ดียิ่งขึ้น กล้องไวด์ใหม่รับแสงได้มากขึ้น 47% การถ่ายภาพในที่แสงน้อยจึงทำได้ดีกว่าเดิม
ส่วนในกล้องหน้า TrueDepth มาพร้อมกับความละเอียด 12MP รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 สามารถใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง ทั้ง โหมดกลางคืนหรือโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 60fps แบบ HDR Dolby Vision ได้อีกด้วย
โหมดมุมกว้าง
โหมดมุมกว้าง iPhone 13 mini จะใช้กล้องหลังเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP ซึ่งเปิดมุมกว้างได้ถึง 120 องศา และสามารถใช้งานร่วมกับโหมดกลางคืนได้ ทั้งภาพนิ่ง และการบันทึกวิดีโอ
โหมดกลางคืน
เมื่ออยู่ในสภาวะแสงน้อย และเลือกใช้งานโหมดกลางคืน กล้องจะปรับค่าให้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับภาพถ่าย อาจจะใช้เวลาในการถือนิ่งๆ ซักระยะ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่สวยงามชัดเจน
โหมดภาพถ่ายบุคคล
iPhone 13 mini ในโหมดภาพถ่ายบุคคล จะเบลอฉากหลังให้เนียนเป็นธรรมชาติอย่างสวยงาม โฟกัสไปที่ตัวบุคคล ทั้งยังสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์การจัดแสง 6 แบบได้ เพียงแค่ปัดไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อช่วยให้ภาพดูมีลูกเล่นยิ่งขึ้น
Cimenatic Mode
อีหนึ่งโหมดที่น่าสนใจใน iPhone 13 mini ก็คือ Cimenatic Mode หรือโหมดภาพยนตร์ ซึ่งจะสร้างเอฟเฟ็กต์ระยะชัดลึกที่สวยงามและเปลี่ยนจุดโฟกัสให้โดยอัตโนมัติ การถ่ายภาพย้อนแสงทำได้ดีขึ้น สามารถเห็นรายละเอียดของบุคคลหรือวัตถุได้ชัดเจน มีมิติ และยังจับจุดโฟกัสแบบอัตโนมัติได้ เมื่อมีจุดสนใจใหม่ที่โดดเด่นเข้ามาในฉากนั่นเอง
ราคาวางจำหน่าย
iPhone 13 mini วางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 สำหรับราคา จะแตกต่างกันออกไปตามความจุ ดังนี้
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPhone 13 mini
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=465371
แคตตาล็อกตัวเครื่อง iPhone 13 mini
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท