หากใครที่ต้องการความคุ้มค่า และกำลังหาสมาร์ทโฟนซักเครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างรอบด้าน ต้องไม่พลาด 2 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากซัมซุงอย่าง Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 น้องเล็ก ที่จัดสเปคมาให้แบบไม่มีกั๊ก ด้วยหน้าจอกว้างพร้อมชิปเซ็ตคุณภาพที่เร็วแรง รองรับทุกการใช้งาน ทั้งดูหนังและเล่นเกม ติดตั้งกล้องหลัง 4 เลนส? ความละเอียดสูงสุด 50MP เล่นเพลินไม่มีสะดุดด้วยแบตเตอรี่ใหญ่จุใจ 5,000mAh ที่พ่วงมากับเทคโนโลยีชาร์จไว 25 วัตต์ พร้อมให้คุรเป็นเจ้าของในราคาคุ้มๆ แล้ววันนี้
Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 มีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกัน ตัวเครื่องโค้งมน การจัดวางตำแหน่งการใช้งานก็เรียกได้ว่าเหมือนกันเป๊ะๆ จะแตกต่างก็เพียงแค่ขนาดที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย ดังนี้
Samsung Galaxy A23 มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 165.1 x 76.4 x 8.8 มม. ส่วนทาง Samsung Galaxy A13 มีขนาดตัวเครื่อง 165.4 x 76.9 x 8.44 มม. มีน้ำหนักเท่ากันที่ 195 กรัม สามารถถือจับได้อย่างถนัดมือไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
แม้ทั้งคู่จะมีขนาดที่แต่งกัน แต่มีหน้าจอทรง Infinity-V Display ขนาด 6.6 นิ้วเท่ากัน ความละเอียด FullHD+ ครอบทับกระจกขอบโค้ง Gorilla Glass 5 ให้ความแข็งแกร่ง รับชมคอนเทรต์ต่างๆ ได้อย่างสว่างชัดเจน สู้แสงจ้ายามกลางวันได้ดี
หน้าจอส่วนบนเป็นดีไซน์ Infinity-V Display ติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 เหนือขึ้นไปด้านบนมีลำโพงเสียง
หน้าจอด้านล่างไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ ขอบข้างตัวเครื่อง และขอบจอด้านล่างมีขนาดเท่ากัน ตัวเครื่องข้างบนมีไมโครโฟนตัดเสียง
ทางขวาของเครื่องเป็นปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้สำหรับเปิดปิดเครื่อง อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย
ทางตัวเครื่องด้านซ้ายเป็นช่องใสถาดซิมแบบ 3 Slot รองรับ Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และ MicroSD Card อีก 1 ช่อง สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 1TB
ส่วนตัวเครื่องด้านล่าง มีพอร์ตชาร์จแบบ USB C เพิ่มความสะดวกสบายในการเสียบชาร์จหรือเชื่อมต่อ และยังมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาไว้สำหรับคนที่ถนัดหูฟังแบบมีสาย เพราะไม่ต้องชาร์จ เสียบแล้วฟังได้เลย นอกจากนั้นก็เป็นลำโพงเสียง และไมโครโฟนตัวที่ 1 นั่นเอง
ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับดีไซน์ฝาหลังเป็นพลาสติก ผิวสัมผัสมันๆ แต่ไม่มีความแวววาว ให้เฉดสีแบบพลาสเทล ดูมีความสนุกทันสมัย โมดูลกล้องมีความแตกต่างกัน โดย Samsung Galaxy A23 จะมีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมที่นูนขึ้นมาจากฝาหลังเล็กน้อย ติดตั้งกล้องหลัง 4 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 50MP + กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 5MP + กล้อง Depth ความละเอียด 2MP และ กล้อง Macro ความละเอียด 2MP พร้อมไฟแฟลช
ส่วน Samsung Galaxy A13 มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ เช่นเดียวกัน แต่มีดีไซน์เลนส์กล้องโดดๆ ที่เรียงไว้บนฝาหลัง ประกอบไปด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 50MP + กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 5MP + กล้อง Depth ความละเอียด 2MP และ กล้อง Macro ความละเอียด 2MP พร้อมไฟแฟลชนั่นเอง
สเปคเบื้องต้นของ Samsung Galaxy A23
สเปคเบื้องต้นของ Samsung Galaxy A13
Samsung Galaxy A23 ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 680 Octa Core ความเร็ว 2.4GHz ตัวใหม่ล่าสุด เร็ว แรง ทรงพลังกว่าเดิมถึง 20% แต่ในทั้ง 2 รุ่น จะไม่รองรับการใช้งาน 5G จะเป็นแค่รุ่น 4G เท่านั้น ประมวลผลกราฟิกโดย Adreno 610 ทำงานพร้อมกับ RAM 6GB หน่วยความจำภายใน 128GB สามารถเพิ่มความจุ microSD Card ได้สูงสุด 1TB
ส่วนใน Samsung Galaxy A13 จะลดสเปคลงมานิดหน่อย ใช้หน่วยประมวลผล Exynos 850 Octa Core ความเร็ว 2.0GHz ใช้ชิปเซ็ต กราฟิก Mali-G52 MP1 มาพร้อม RAM 4GB และหน่วยความจำภายใน 64GB สามารถเพิ่ม microSD Card สูงสุด 1TB เช่นกัน รันบนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย Samsung One UI 4.1 เน้นการใช้งานทั่วไปให้มีความไหลลื่น แต่ก็ยังคงเร็วแรง ไม่พบอาการหน่วงช้า เมื่อเปิดปิด หรือสลับการใช้งานแอปพลิเคชั่น
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น RAM Plus ที่สร้าง RAM เสมือนได้จากพื้นที่เก็บข้อมูลที่เหลืออยู่ เพิ่มขึ้นเป็น 2GB หรือ 4GB ได้ตามลำดับ เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลของเครื่องให้เหมาะสมกับการใช้งาน ณ ขณะนั้น ยกตัวอย่างเช่น การเล่นเกมหนักๆ หรือการเปิดหลายๆ แอปพลิเคชั่นพร้อมกันนั่นเอง ใน Samsung Galaxy A23 ที่มีพื้นที่หน่วยความจำเยอะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเป็น Samsung Galaxy A13 ซึ่งมีหน่วยความจำน้อยกว่า อาจจะต้องจัดสรรกันนิดนึง แต่โดยทั่วไปก็เพียงพอ ไม่เป็นปัญหาในการใช้งานพื้นฐานทั่วไป
วอลเปเปอร์ ธีม และไอคอน
สำหรับวอลเปเปอร์ ธีม รูปแบบไอคอน รวมถึงการจัดวางต่างๆ มีความเหมือนกัน โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ที่มีมาให้ในเครื่อง ซึ่งจะถูกออกแบบมาอย่างพอดี ดูเรียบง่าย เข้ากับดีไซน์ของตัวเครื่อง หรือหากใครที่ต้องการลุกเล่นมากกว่านั้น ก็สามารถดาวน์โหลดได้เพิ่มเติมนั่นเอง
แผง Edge
แผง Edge จะปรากฎอยู่ทางด้านขวาของหน้าจอ มีไว้เพื่อการเรียกใช้เครื่องมือ รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราใช้งานประจำให้ง่ายขึ้น โดยสามารถกดค้างเพื่อย้าย แผง Edge ไปทางด้านซ้าย-ขวา บน-ล่าง ได้ตามความถนัด ซึ่งจะมีแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราได้เลือกสรรไว้อยู่ในแผงนั้น
โหมดมืด
สามารถเข้าไปเปิดใช้งานโหมดมืดได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > โหมดมืด จะมีการปรับพื้นหลังและธีมต่างๆ ให้มืดลง และเพิ่มความสว่างของตัวหนังสือให้มากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานในตอนกลางคืน จะได้เห็นตัวหนังสือชัดขึ้น ช่วยในการถนอมสายตา และช่วยประหยัดพลังงานของเครื่องด้วย
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง Samsung Galaxy A23
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง Samsung Galaxy A13
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ดีไซน์ทันสมัย
หากดูที่รูปลักษณ์ภายนอกแบบไม่สังเกต จะเห็นว่าทั้ง Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 มีการออกแบบที่แทบจะไม่ต่างกัน การจัดวางตำแหน่งในการใช้งานต่างๆ เหมือนกัน 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีแค่ความหนา และความสูงที่ห่างกันนิดนึง แต่เมื่อลองจับเทียบ ก็แทบมองไม่ได้ด้วยตาเปล่า น้ำหนัก 195 กรัม เรียกว่าทำออกมาได้พอดีๆ ไม่เล็กหรือใหญ่ไป เมื่อเทียบว่ามีแบตเตอรี่ความจุมาถึง 5000mAh อยู่ข้างใน
ตัวเครื่องมีความโค้งมน ฝาหลังเป็นพลาสติก ผิวสัมผัสมันลื่น ไม่มีความแวววาว มีเฉดสีแบบพลาสเทล สร้างความสดใส ดูทันสมัยและไม่เบื่อง่าย มีมาให้เลือกด้วยกัน 3 เฉด ได้แก่ Black, Blue (สีของ Galaxy A23) และ Peach (สีของ Galaxy A13)
หน้าจอกว้าง ดีไซน์ Infinity-V Display
Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 มาพร้อมกับจอแสดงผล LCD แบบ Infinity-V Display ขนาดความกว้าง 6.6 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ (2408 x 1080 พิกเซล) เหมือนกัน แต่ด้วยชิป Snapdragon 680 ที่มีอยู่ใน Samsung Galaxy A23 จึงเสริมให้รุ่นนี้มีความพิเศษกว่า ตรงที่รองรับอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ได้ ช่วยให้การแสดงผลมีความสมูทมากกว่า แต่ทั้ง 2 รุ่น ก็มีข้อดีที่เหมือนกัน ในเรื่องของสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นคอนเทนต์ต่างๆ บนจอได้อย่างชัดเจน มองเห็นในที่แจ้งได้ดี ไม่มืดไปหมด แม้โดนแสงตอนกลางวัน อีกทั้ง มีโหมด Eye comfort shield ที่ช่วยปรับแสงของหน้าจอให้ดีต่อสายตา โดยมีแสงที่อุ่นลง ทำให้มองหน้าจอได้สบายตามากขึ้น หากต้องใช้สายตามองจอนานๆ หรือต้องใช้งานในที่มืดมีแสงน้อย
ประสิทธิภาพการทำงาน
Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 เลือกใช้ชิปประมวลผลที่มีความเร็วแรง เหมาะสมกับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป โดยใน Samsung Galaxy A23 มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวใหม่ Qualcomm Snapdragon 680 ซึ่งทรงพลังกว่าเดิมถึง 20% อีกทั้งยังจัดการการใช้พลังงานได้ดี มีความจุของ RAM 6GB + ROM 128GB ส่วน Samsung Galaxy A13 ใช้ชิปเซ็ต Exynos 850 Octa Core ความเร็ว 2.0GHz ก็เหมาะสมกับการทำงานที่ต้องประมวลผลเร็ว ลดความหน่วงช้าที่เกิดขึ้น เปิดปิดแอปพลิเคชั่นได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่เกิดการกระตุก โดยทั้ง 2 รุ่น สามารถเพิ่ม microSD Card สูงสุดได้ถึง 1TB อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับคนที่ต้องการเร่งประสิทธิภาพให้กับเครื่อง เพื่อการประมวลผลอย่างเต็มพิกัด อย่างเช่น ในเวลาที่ต้องเล่นเกมหนักๆ หรือเปิดแอปฯหลายๆ แอปค้างไว้ ใน Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น RAM Plus ที่จะสร้าง RAM เสมือนขึ้นมา จากพื้นที่เก็บข้อมูลที่เหลืออยู่ในตัวเครื่อง เพิ่มขึ้นเป็น 2GB หรือ 4GB ได้ตามลำดับ ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานนั่นเอง
ระบบความปลอดภัย
ทั้งสองรุ่นมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power และมีฟังก์ชั่นปลดล็อคด้วยใบหน้า เพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกให้กับการใช้งาน เพียงแค่ทาบนิ้วมือที่ทำการลงทะเบียนไว้ที่ปุ่มด้านข้าง ก็สามารถปลดล็อคได้เพียงไม่กี่วินาที ถือเป็นฟังก์ชั่นที่เหมาะกับยุคนี้ ซึ่งเราต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคนั่นเอง
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 มีขนาดความจุเท่ากันที่ 5000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 25W ทั้งคู่ สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน อาจจะข้ามวันหากใช้งานแบบทั่วไป เช่น ดูคลิปบ้าง หรือท่องโซเชี่ยลบ้าง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จแบตให้เต็ม 100% ผ่านสายและอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 25W ก็ใช้เวลาไม่นาน
กล้องถ่ายภาพ
Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 เป็นสมาร์ทโฟนน้องเล็ก ที่นอกจากจะให้สเปคการใช้งานมาอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังไม่กั๊กในเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้วย โดยได้ติดตั้งกล้องหลังมาให้ถึง 4 เลนส์ ทั้งเลนส์หลัก ความคมชัดสูงถึง 50MP แถมยังมีเลนส์ Depth, เลนส์ Macro และกล้อง Ultra wide แบบครบๆ พร้อมเลนส์ OIS กันสั่น ถ่ายภาพชัดไม่มีเบลอ จะถ่ายรูปความละเอียดสูง รูปมุมกว้าง หรือพอร์ตเทรตแบบหน้าชัดหลังละลาย ก็เต็มที่ได้ทุกช็อต เรียกว่าในเรทราคานี้ มี 2 รุ่นนี้ ที่จัดสเปคกล้องหลังมาได้อย่างหน้าสนใจ
กล้องหลัง 4 เลนส์ มีรายละเอียด ดังนี้
เก็บภาพมุมกว้างได้อย่างเต็มองค์ประกอบด้วย Ultra Wide Camera ความละเอียด 5MP ให้มุมมองภาพ 123 องศา ช่วยให้ภาพดูสวยมีลูกเล่นยิ่งขึ้น แสงสีคมชัด ความบิดเบี้ยวน้อย ถือว่าถ่ายออกมาได้สมบูรณ์ดี
เก็บรายละเอียดเล็กๆ ที่ตามองไม่เห็น ด้วยเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP ให้ภาพมุมมองใหม่ ที่มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น มองเห็นรายละเอียดเล็กๆ ได้ชัดเจนดี
ด้วยเลนส์ Depth ความละเอียด 2MP ช่วยให้การจับความลึกตื้นของภาพมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มความชัดเจนมีมิติให้กับภาพถ่าย ดึงความโดดเด่นของบุคคล หรือจุดโฟกัสออกมาได้ดีกว่า ตัดขอบบุคคลกับพื้นหลังได้คม เติมลูกเล่นให้กับแสงโบเก้ด้านหลังได้หลายรูปแบบ
สำหรับภาพถ่ายกลางคืน อยู่ในระดับที่ทำได้ดีกว่าที่คาด มีความสว่างชัดเจน รายละเอียดต่างๆ ของวัตถุยังคงคมชัด มีมิติ บางจังหวะอาจเกิดนอยส์อยู่บ้าง แต่ก็เป็นระดับที่รับได้ ไม่น่าเกลียด เรียกว่าเอาไปถ่ายภาพยามค่ำคืนสวยๆ ลงอวดในโซเชียลได้เลย
Samsung Galaxy A23 และ Samsung Galaxy A13 มาพร้อมกับกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดสวยงามดี และมีลูกเล่นให้คุณสามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้ เพิ่มความโดดเด่นให้กับใบหน้าของคุณได้ดีขึ้น
รูปตัวอย่าง Samsung Galaxy A23
รูปตัวอย่าง Samsung Galaxy A13
ราคาวางจำหน่าย
Samsung Galaxy A13 รุ่น RAM 4 + 128GB มีมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ Blue, Black และ Peach (เครื่องรีวิว) วางจำหน่ายแล้วในราคา 6,499 บาท และสำหรับ Samsung Galaxy A23 รุ่น RAM 6 + 128GB มีมาให้เลือก 3 สีเช่นกัน ได้แก่ Blue (เครื่องรีวิว), Black และ Peach วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 7,999 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 15 เดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 534 บาท สามารถสอบถามได้ที่ Samsung Experience Store, samsung.com และร้านค้าที่ร่วมรายการ
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy A23 - ซัมซุง
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy A23 - ซัมซุง
ขอขอบคุณ : บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด โทร. 0 2689 3232
แคตตาล็อกตัวเครื่อง Samsung Galaxy A23
https://www.siamphone.com/spec/samsung/galaxy_a23.htm
แคตตาล็อกตัวเครื่อง Samsung Galaxy A13
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท