Samsung ประเดิมศักราชด้วยสมาร์ทโฟนซีรีส์ล่าสุด “Samsung Galaxy A Series” สวย เก่ง คุ้ม

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ ซัมซุงมองว่าตลาดสมาร์ทโฟนยังมีแนวโน้มการเติบโตในทางบวก คาดการณ์ว่าน่าจะโตราว 10% (จำนวนเครื่อง) และ 5% (มูลค่า) สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 49% (มูลค่า) ของตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมด ซัมซุงเชื่อว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากถึง 20% (มูลค่า) จากปัจจัยหลักคือผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนเอนทรีให้ความสนใจเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนรุ่นที่ดีขึ้น หน้าจอใหญ่ขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดีขึ้น

“ในปีนี้ ซัมซุงได้วางกลยุทธ์ครั้งใหม่กับการจัดกลุ่มไลน์อัพผลิตภัณฑ์แบ่งตามซีรีส์ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับกลาง แบ่งเป็น 2 ซีรีส์ คือ กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ (Galaxy A Series) และกาแลคซี่ อี ซีรีส์ (Galaxy E Series) เพื่อให้สื่อสารไปยังผู้บริโภคได้ชัดเจนและจดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นปีด้วยการเปิดตัว ซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ ถึง 2 รุ่น คือ กาแลคซี่ เอ 5 (Galaxy A5) และ กาแลคซี่ เอ 7 (Galaxy A7) เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากสมาร์ทโฟนมากที่สุดก็คือ ดีไซน์หรู ดูพรีเมี่ยม ถ่ายรูปสวย แชร์ลงโซเชียลมีเดียได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งสมาร์ทโฟน ซัมซุง เอ ซีรีส์ ถือได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบครันและสมบูรณ์ที่สุด ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์หัวหอก ที่ซัมซุงจะใช้บุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง นอกจากซัมซุงจะเปิดตัวซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์แล้ว ซัมซุงยังวางแผนจะเปิดตัวซัมซุง กาแลคซี่ อี ซีรีส์ ตามมาอีกด้วย”

ซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ ดีไซน์ทันสมัยโดดเด่นด้วยวัสดุที่เป็นโลหะและครั้งแรกกับดีไซน์แบบฟูลเมทัล ยูนิบอดี้ หรูหรา มีสไตล์ จับถนัดและบางกว่าเคย พร้อมสีสันให้เลือกหลากหลาย กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพมากมาย สามารถเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์ และแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงคุณสมบัติล้ำหน้าครบครัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอใหญ่ขนาด 5 และ 5.5 นิ้ว ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนสู่การใช้หน้าจอสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โหมด Ultra Power Saving โหมด Private การใช้งาน Multi-window วางจำหน่ายในราคา 12,900 บาทสำหรับกาแลคซี่ เอ 5 และ 14,900 บาทสำหรับกาแลคซี่ เอ 7

นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ซัมซุงยังคงเน้นความเหนือชั้นในเรื่องนวัตกรรมและดีไซน์ที่หลากหลายเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมไปถึงกลยุทธ์บริเวณจุดขายที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์อย่างเต็มที่ โดยมีพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นอย่างดีคอยให้คำแนะนำและตอบข้อซักถามของผู้บริโภค โดยในปีนี้ซัมซุงได้ตั้งเป้าขยายจำนวนช็อปในรูปแบบ SIS (Shop-in-shop) หรือช็อปย่อยซัมซุงที่อยู่ในพื้นที่ของร้านดีลเลอร์ จากเดิมที่มีอยู่กว่า 300 แห่ง เป็น 500 แห่งอีกด้วย พร้อมได้วางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด เต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อออนไลน์ สื่อในร้านค้าต่างๆ รวมทั้งจับมือกับโอเปอร์เรเตอร์เพื่อจัดทำโปรโมชันและแพ็กเกจพิเศษ และอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นในตลาดก็คือการให้ความสำคัญด้านการพัฒนาการให้บริการด้านคอนเทนท์ สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เป็นโลคอลแอพพลิเคชั่น โดยแอพเหล่านี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยได้อย่างแท้จริง ในปีนี้ซัมซุงยังได้ต่อยอดการให้สิทธิพิเศษกับผู้ใช้ซัมซุง กาแลคซี่ ผ่านแอพพลิเคชั่นกาแลคซี่ กิฟท์ (Galaxy Gift) ที่มียอดดาวน์โหลดกว่า 3 ล้านครั้ง ถือเป็น CRM Application ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย”

“ปีนี้ซัมซุงเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ทั้งสิ้น 10-15 รุ่น แบ่งตามซีรีส์ต่างๆ ซึ่งซัมซุงมั่นใจว่าการจัดกลุ่ม ไลน์อัพผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนใหม่ในปีนี้ จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจดจำและเข้าใจในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนจากตระกูลกาแลคซี่ ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสรรผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตนเองมากขึ้น และการเปิดตัวซัมซุง กาแลคซี่ เอ และอี ซีรีส์ จะช่วยเพิ่มดีกรีความร้อนแรงของการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางและผลักดันให้ตลาดขยายตัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และช่วยผลักดันให้ซัมซุงครองความเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนทุกเซ็กเมนท์ได้อย่างถาวร” นายวิชัย กล่าวปิดท้าย