www.siamphone.com
หมวดอื่นๆ (Other) | วันที่ : 9 มีนาคม 2558
เรียกได้ว่าในปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งประเทศสหรัฐอเมริกานามว่า "Apple" กันอย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ครองใจผู้บริโภคมาตลอดเวลาเช่นเครื่องเล่นเพลง, สมาร์ทโฟน, แฟบเล็ต หรือแท็บเล็ต แม้แต่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ iMac แต่ได้เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมบริษัท Apple จึงเลือกใช้ผลแอปเปิ้ลเป็นโลโก้ของบริษัท รวมถึงมันมีที่มาที่ไปอย่างไร และมีวิวัฒนาการของแบรนด์แบบใดบ้าง
บริษัท Apple เริ่มก่อตั้งปีค.ศ. 1976 โดยผู้ก่อตั้ง 3 คนคือ Steven Paul Jobs, Steve Wozniak และ Ronald Wayne ซึ่งก่อนใช้ชื่อบริษัทนี้ เดิมทีตั้งชื่อบริษัทว่า Apple Computer Inc. ผู้ก่อตั้งคือ Jobs กับ Wayne โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ ทว่าจุดเริ่มต้นของพวกเขาก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน เพราะคอมพิวเตอร์เครื่องแรกถูกผลิตออกมาจากโรงรถ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นคอมพิวเตอร์สมบูรณ์แบบมากนัก และในเวลาต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ก็ได้กลายมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก!!
ซึ่งก่อนจะมาเป็นบริษัทนิติบุคคล นั้นยังไม่มีโลโก้ หรือแบรนด์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงเกิดคำถามขึ้นระหว่างทั้งสองคนว่าจะเลือกใช้โลโก้อะไรเป็นตัวแทนของบริษัท สุดท้ายก็มาลงเอยที่ผลแอปเปิ้ล แต่ก่อนที่จะมาเป็นแอปเปิ้ล มันก็ได้มีเรื่องเล่าถึงที่มาของผลแอปเปิ้ลอยู่เหมือนกัน ว่าแต่มันคือเรื่องอะไรมาดูกัน..?
เรื่องแรกมาจากผู้ก่อตั้งของบริษัททั้ง 2 คนคือ Steve Jobs และ Steve Wozniak ที่ชอบไปนั่งปรึกษาหารือกันในฟาร์มแอปเปิ้ล ประกอบกับสตีฟ จอบส์เป็น Fruitarian (การรับประทานผลไม้เป็นหลัก) และชอบรับประทานแอปเปิ้ล ด้วยความเชื่อว่าเมื่อทานแล้วจะไม่มีกลิ่นตัว ทำให้เขาไม่ต้องอาบนํ้า ส่งผลให้มีเวลาทำงานได้มากขึ้น ซึ่งตอนที่เขาได้กลับมาจากฟาร์ม ระหว่างทางได้นึกถึงแบรนด์ที่เมื่อฟังดูแล้วมีความสนุก, มีจิตวิญาณ และไม่รุนแรง จึงกลายเป็นที่มาของสัญลักษณ์ "Apple" ไปโดยปริยาย (อ้างอิงจาก MIT newspaper)
เรื่องที่สองเนื่องจากในขณะนั้นบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง IBM และ Atari ได้ถือครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูง ดังนั้น Steve Jobs จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ทางคอมพิวเตอร์ได้นึกถึงบริษัทของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อค้นหาเป็นตัวอักษร Apple จะขึ้นโชว์ก่อนบริษัททั้งสอง
เรื่องที่สามคือ Steve Jobs เป็นผู้ที่รักในเสียงดนตรี พร้อมทั้งชื่นชอบความสำเร็จของพวกเขาทั้ง 4 คน โดยเขานั้นได้ชื่นชอบการฟังเพลงวง “The Beatles” ซึ่งมีโลโก้แอปเปิ้ลอยู่บนปกแผ่นเพลง ซึ่งแอปเปิ้ลดังกล่าวคือบริษัท Apple Record นั่นเอง จึงเกิดเป็นความคิดว่าจะนำผลแอปเปิ้ลมาเป็นโลโก้ซะเลย
เรื่องที่สี่เกี่ยวกับความเชื่อตามตำนานของคัมภีร์ไบเบิ้ลของมนุษย์คู่แรกของโลกระหว่าง Adam และ Eve ที่ได้รับพรจากเทพเจ้าให้มีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีการเจ็บป่วยอาศัยอยู่ ณ สวนอีเดน แต่มีข้อห้ามว่าอย่ารับประทานผลไม้ที่อยู่ตรงกลางสวน ทว่าทั้งคู่ก็โดนยุโยง สุดท้ายอีฟก็ได้ฝ่าฝืนคำสั่ง และรับประทาน พร้อมเชื้อชวนให้อดัมทาน จึงทำให้ทั้งคู่เกิดปัญญาขึ้น และมีพลังดังเทพเจ้า ด้วยเหตุนี้ Steve Jobs จึงคิดว่าผลแอปเปิ้ลคือ "ผลไม้แห่งความรู้" และ"ผลไม้แห่งพลัง" ซึ่งก็ได้นำมาตั้งชื่อบริษัทตามความเชื่อนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเรื่องราวของผล Apple นั้นก็ยังไม่ระบุแน่ชัดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ซึ่งทั้งสองคนเมื่อโดนสัมภาษณ์เกี่ยวกับคำถามนี้ ว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อบริษัทว่าแอปเปิ้ล ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่คำถามสำคัญก็คือทำไมผลของแอปเปิ้ลที่นำมาเป็นโลโก้ของบริษัท ต้องมีรอยแหว่ง..?
เดิมทีโลโก้ของ Apple นั้นไม่ได้มีรอยแหว่งแต่อย่างใด แต่เกิดจากความเชื่อว่า Isaac Newton บิดาแห่งทฤษฏีแรงโน้มถ่วง ที่สามารถคิดกฏเหล่านี้ได้จากการนั่งมองผลแอปเปิ้ลตกจากต้น ส่งผลให้กลายมาเป็นทฤษฏีเปลี่ยนโลกในขณะนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้กับสิงประดิษฐิ์มากมายในเวลาต่อมา
ด้วยเหตุนี้ Steve Jobs จึงถือเป็นความเชื่อว่าผลไม้อย่างแอปเปิ้ลยังสามารถเปลี่ยนโลกได้ ดังนั้นบริษัทของเขาก็เช่นกัน จึงได้สร้างโลโก้ของเขาขึ้นมาเอง ทว่ามันก็ไมได้เป็นโลโก้ธรรมดา แต่ยังมีประโยคหนึ่งที่น่าสงสัยใส่ลงไปด้วย เพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่ “Newton… A Mind Forever Voyaging Through Strange Seas of Thought … Alone.” จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้
และในปีถัดมาปีค.ศ. 1977 ผู้ร่วมก่อตั้ง Ronald Wayne ได้ถอนหุ้นออกจากบริษัท และขายหุ้นทั้งหมดให้กับ Jobs และ Wayne พร้อมทั้งตัดชื่อ Computer Inc. ออกเพื่อต้องการให้บริษัท ไม่เป็นเพียงแต่ทำธุรกิจคอมพิวเตอร์ แต่ต้องการเป็นบริษัทเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก อีกทั้งบริษัทกำลังจะวางขายผลิตภัณฑ์ตัวที่สองคือ Apple II เครื่องคอมพิวเตอร์จอสี ดังนั้นจ๊อบส์จึงถือโอกาสปรับเปลี่ยนโลโก้ของบริษัท เพื่อให้สามารถสื่อถึงผลิตภัณฑ์ได้มากที่สุด รวมถึงเข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และให้ผู้คนจดจำได้ง่ายที่สุด
โดยจ๊อบส์ได้ให้ดีไซน์เนอร์ของบริษัทนามว่า Rob Janoff ในการออกแบบโลโก้ใหม่ให้มีความทันสมัย น่าจดจำ โดย Janoff ได้ออกแบบมาเพียงผลของแอปเปิ้ลเท่านั้น ซึ่งเมื่อมองดูก็ไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่ามันคือผลส้ม, ผลมะเขือเทศกันแน่ เขาจึงได้เพิ่มลูกเล่นเข้าไปคือรอยกัด เมื่อพิจารณาดูแล้วมันละม้ายคล้ายผลของแอปเปิ้ลที่โดนกัดไป ซึ่งเขาได้แนวความคิดจากคำว่า Byte ในภาษาของคอมพิวเตอร์ ซึ่งสอดคล้องกับคำว่ากัด "Bite" นั่นเอง
อย่างไรก็ตามการเลือกใส่สีสันต่างๆ นั้น Janoff กล่าวว่าเขา (จ๊อบส์) ไม่มีเหตุผลใดๆ เพียงแต่ต้องการให้บริษัทดูราวกับมีชีวิต โดยผ่านการแสดงสีสันสดใสที่อยู่บนโลโก้เท่านั้น แต่เขาต้องการแค่ให้ด้านบนเป็นสีเขียว เพราะมันสามารถสื่อถึงใบไม้ ซึ่งสุดท้ายก็ออกมาเป็น...?
และการเปลี่ยนแปลงของโลโก้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อปี. ค.ศ. 1998 เขาได้กลับมากู้วิกฤตของบริษัทหลังจากยอดขายตกตํ่า และมีหนี้สิน ซึ่งเขาทำการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ด้วยแนวคิดว่าแอปเปิ้ลหลากหลายสีสันไม่สามารถเข้ากับโฆษณา และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จึงเอาสีสันออก และเหลือเพียงสีดำ
ในเวลาต่อมาเมื่อบริษัท Apple ตั้งตัวได้ ก็กว้านซื้อบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทตนเอง มาเป็นบริษัทย่อยพร้อมกับพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สามารถใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของตนเองได้อย่างหลากหลาย โดยใช้โลโก้รูปแบบใหม่ในการโฆษณา
ซึ่งในปัจจุบันเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปจึงได้ออกแบบโลโก้ให้มีความทันสมัย ดูเป็นเอกลักษณ์ หรูหรามากขึ้น และเพื่อสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั่นเอง
อย่างไรก็ตามบริษัท Apple สามารถเดินตามความฝันได้สำเร็จ โดยเป็นผู้ปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถืออย่างเต็มตัว ในช่วงปีค.ศ. 2007 กับสมาร์ทโฟนสุดลํ้าอย่าง iPhone แต่ก็อย่าลืมว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องพากเพียร และพยายามไขว่คว้าทุกโอกาสที่มีเข้ามา ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างได้เลยทีเดียว
วันที่ : 9 มีนาคม 2558
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย3 ชั่วโมงที่แล้ว
Sonos จัดเต็มส่งท้ายปีกับโปรโมชั่น 12.12 ให้คุณช้อปฟินด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 30%11 ธ.ค. 67 07:00
Infinix ปล่อยเซอร์ไพรส์ HOT 50 Pro+ Series สีสันพิเศษ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข10 ธ.ค. 67 21:41
เตรียมเปิดตัว HUAWEI MatePad 12 X แท็บเล็ตฟังก์ชันเรือธง ผสานการทำงานกับอุปกรณ์เสริมอย่างไร้รอยต่อ10 ธ.ค. 67 19:29
iQOO 13 5G เจ้าของความแรง Snapdragon Elite 8 + RAM สูงสุด 16GB เคาะราคาในไทย 27,900 เท่านั้น9 ธ.ค. 67 15:00
ลือ! iPhone 17 และ iPhone 17 Air ยังไม่มีซูม Optical 5x ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะรุ่น Pro
รีวิว Apple iPad mini 7 ควรอัปเกรดไหม? แตกต่างจาก iPad mini 6 อย่างไร!
Apple จัดโปรโมชั่น Black Friday และ Cyber Monday ปี 2024 ลดสูงสุด 6,800 บาท
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone