สหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายสมาร์ทโฟน 'made in Indonesia' ของอินโดนิเซีย

สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้อินโดนิเซียผ่อนปรนข้อกฎหมายใหม่ที่ใกล้จะได้ข้อสรุปในเดือนมีนาคมนี้ โดยเนื้อหาสาระของกฎหมายดังกล่าวระบุว่าอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่วางจำหน่ายแก่ประชากรในประเทศอินโดนิเซียกว่า 250 ล้านคน จะต้องมีชิ้นส่วนภายในถูกผลิตขึ้นภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 40

กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2017 เป็นต้นไป โดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากทั่วโลกรวมทั้ง Apple ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว ยกเว้นแต่ Samsung ที่ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจาก Samsung ได้มาตั้งโรงงานการผลิตสมาร์ทโฟนในกรุงจาการ์ตาแล้วในก่อนหน้านี้ แต่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ จำนวนมากจะต้องรับผลกระทบและอาจจะทำให้ราคาจำหน่ายสมาร์ทโฟนในอินโดนิเซียถูกปรับเพิ่มสูงขึ้นในที่สุด

ปัจจุบัน อินโดนิเซียมีประชากรที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนน้อยกว่า 1 ใน 3 ของประชากรในประเทศทั้งหมด ทำให้ตลาดส่วนนี้ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากทั่วโลก

Rudiantara รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารของอินโดนิเซีย

Rudiantara รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารของอินโดนิเซียเผยว่ากฎหมายนี้จะได้ข้อสรุปในเดือนหน้า โดยวัตถุประสงค์ของการร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้บริษัทสัญชาติอินโดนิเซียสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับรายได้จากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในอินโดนิเซียที่มากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้ก็เพื่อสนับสนุนคำสัญญาจาก Joko Widodo ประธานาธิบดีอินโดนิเซียคนปัจจุบันที่ต้องการให้อินโดนิเซียเป็นประเทศของผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภค

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เผยว่ากำลังดำเนินการเจรจากับเจ้าหน้าที่จากอินโดนิเซีย ซึ่งหอการค้าสหรัฐได้ส่งจดหมายถึง Rudiantara รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารของอินโดนิเซียลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยแสดงความเห็นว่าการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตสมาร์ทโฟนใช้เวลานานเป็นปี อีกทั้งยังแสดงความกังวลว่าอินโดนิเซียไม่ได้มีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งขนาดที่จำเป็นจะต้องมีการผลิตสมาร์ทโฟนในประเทศ นอกจากนั้นยังอ้างว่าการกระทำของอินโดนิเซียอาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายต่างประเทศถ้าหากนำข้อกฎหมายดังกล่าวมาใช้จริง