ว่ากันไป! รวม 9 ความสามารถของ "Samsung Galaxy S6 & S6 edge" ที่หาไม่ได้ใน iPhone 6 & 6Plus

หากกล่าวถึง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นทั้งคู่แข่ง และพันธมิตรทางธุรกิจ คงหนีไม่พ้นบริษัท Apple กับ Samsung โดยเมื่อปลายปี 2014 ทางแอปเปิ้ลได้เปิดตัว 2 สมาร์ทโฟนคือ iPhone6 & 6Plus ถัดมาเดือนกุมภาพันธ์ในงาน MWC 2015 ทางซัมซุงก็ไม่น้อยหน้าส่งสองแอนดรอยด์โฟน Galaxy S6 & Galaxy S6 edge ลงสู่ตลาดเช่นกัน ซึ่งทั้งสองค่ายต่างก็ส่งสมาร์ทโฟนพร้อมคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ตามกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

แน่นอนว่าหลังจากการเปิดตัว Galaxy S6 & Galaxy S6 edge ออกมา ใครหลายคนก็เฝ้ารอการเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นเรามาดูกันว่าในส่วนของแอนดรอยด์โฟนจาก Samsung จะมีความสามารถอะไร ที่สมาร์ทโฟนระบบ iOS ของ Apple นั้นไม่มี...?

1. เข้าสู่โหมดกล้องได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าจอ การทำงานใดๆ หรือแม้จะ Lock Screen อยู่ก็สามารถกดปุ่ม Home ติดต่อกัน 2 ครั้ง ก็เริ่มถ่ายรูปได้แล้ว

2. ถ่ายเซลฟี่ได้สะดวก แค่นำนิ้วไปแตะด้านหน้าเซ็นเซอร์บริเวณฝาหลังของตัวเครื่อง หรือแตะบนหน้าจอบริเวณใดก็ได้ และหากต้องการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ผู้ใช้งานก็สามารถแตะภาพบริเวณที่ต้องการโฟกัส (tracking auto-focus) ซึ่งเมื่อกดถ่ายภาพภาพที่ได้จะไม่เบลอ

3. เพิ่มความสะดวกต่อการใช้งาน จะสามารถเปิดใช้งานแอปฯ ได้หลายตัวพร้อมกันในหน้าจอเดียว, ตรวจเช็คสถานะหรือ รายละเอียดในบริเวณขอบจอโค้ง โดยที่ไม่ต้องไปปลดล็อคหน้าจอ, เปลี่ยนธีมได้ตามต้องการ หรือหารีโมททีวีไม่เจอ ก็นำไปกดเปลี่ยนช่องได้นะ

4. Galaxy S6 & Galaxy S6 edge มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะทำงานร่วมกับแอปฯ หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5. เพิ่มสีสันให้กับรายชื่อผู้ติดต่อ กล่าวคือผู้ใช้งานจะสามารถตั้งค่าสีให้กับผู้ติดต่อได้

6. สามารถใช้ Galaxy S6 & Galaxy S6 edge เป็นเหมือนบัตรเครดิต และ Gift Voucher ได้ทุกที่ เพราะไม่ต้องอาศัย NFC ในการชำระค่าบริการ แต่ร้านค้านั้นก็ต้องรองรับระบบการใช้งาน Samsung Pay ด้วย

7. คุณสมบัติการชาร์จแบตฯ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทาง Samsung ได้ออกแบบให้ Galaxy S6 & Galaxy S6 edge รองรับการชาร์จไร้สาย และชาร์จแเพียงแค่ 10 นาที แต่ใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง

8. แอปฯ Smart Manager ถูกติดตั้งเข้ามาในเครื่อง เพื่อช่วยให้การประมวลผลของตัวเครื่องไม่อืดอีกต่อไป

9. โหมดประหยัดพลังงาน (Ultra Power Saving Mode) ต่อระยะเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนได้นานขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตามการใช้งานสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราในฐานะที่เป็นผู้บริโภคควรถามตัวเองก่อนว่า เราใช้งานในลักษณะไหน และมันเกินความพอดีของเราไหม..?