www.siamphone.com
หูฟัง Earbuds (Earbuds) | วันที่ : 13 กรกฎาคม 2558
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะจาก Apple ที่มาพร้อมดีไซน์ตัวเรือนนาฬิกาที่ดูทันสมัยและสวยงาม ที่บรรดาสาวกหลายท่านต่างเฝ้ารอการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สำหรับตัวจริงนั้นจะสามารถใช้งานอะไรได้บ้าง และมีความสนใจอย่างไร รวมไปถึงรายละเอียดส่วนต่างๆ ของตัวเรือนนั้นจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้จากรีวิวด้านล่างนี้เลย
ก่อนเข้าสู่การรีวิวนั้น เรามารู้จักกันให้มากขึ้นอีกนิด Apple Watch นั้นถูกผลิตออกมาด้วยกัน 2 ขนาดคือ รุ่นตัวเรือนขนาดขนาด 42 มิลลิเมตร และรุ่นตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร ก็เพื่อให้เข้ากับขนาดข้อมือของผู้ใช้ที่หลากหลาย โดยจะมีการแบ่งรุ่นตามวัสดุที่ใช้ผลิตตัวเรือนออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ Apple Watch Sport (ทำจากอลูมิเนียม),Apple Watch (ทำจากเหล็ก) และ Apple Watch Edition (ทำจากทองคำ)
ซึ่งทั้ง 3 แบบนั้นมีดีไซน์และการใช้งานที่ค่อนข้างคล้ายกันทั้งหมด เพียงแต่จะแตกต่างกันตรงที่วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน, สายนาฬิกา และขนาดหน้าปัดเท่านั้น
แกะกล่อง!!
กล่องของ Apple watch นั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ชั้น โดยในส่วนของชั้นแรกนั้น ตัวกล่องจะมีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีขาว และมีการประทับตราโลโก้ Apple มาที่ตรงด้านบนฝากล่อง
เมื่อเปิดฝากล่องออกมา จะพบกับกล่องชั้นที่สอง ซึ่งมีลักษณะเป็นตลับใช้บรรจุ Apple Watch ไว้ข้างใน โดยตลับทำมาจากพลาสติก ให้ผิวสัมผัสมันวาว ในขณะที่ด้านในกล่องกระดาษจะพบว่ามีสายชาร์จพร้อมหัวชาร์จแบบแม่เหล็ก, อแดปเตอร์ชาร์จไฟ, คู่มือการใช้งาน และเอกสารการรับประกันต่างๆ วางอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเปิดตลับออกมาจะพบกับ Apple Watch นอนอยู่ด้านใน สำหรับรุ่นที่นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็น Apple Watch Sport ซึ่งจะมาพร้อมสายนาฬิกายาง Fluoroelastomer สีดำ ขนาดหน้าปัดขนาด 38 มิลลิเมตร
Design
ตัวเรือน Apple Watch Sport ผลิตมาจากวัสดุอลูมิเนียม มีให้เลือกสองสีคือสีเงินและสีเทาดำ ในส่วนของหน้าปัดทำมาจากกระจก Ion-X ที่มีความทนทานสูง และกันรอยขีดข่วน
ด้านข้างซ้ายของตัวเรือน มีลำโพงเสียงและไมค์สำหรับสนทนา
ด้านข้างขวาของตัวเรือน มี Digital Crown (เม็ดมะยม) และปุ่ม Side Button
ด้านหลังของตัวเรือน บริเวณตรงกลางมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดชีพจรหัวใจ มีการครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์
ในขณะที่ด้านบนและด้านล่างมีปุ่มกดสำหรับปลดสายนาฬิกา
ตัวสายนาฬิกาทำมาจากยาง Fluoroelastomer มีสีดำ มีความยืดหยุ่นและทนทานจากคุณสมบัติของ Fluoroelastomer
เริ่มต้นการใช้งาน (การเชื่อมต่อ)
ก่อนเริ่มต้นใช้งานนั้น จะต้องทำการปลดล๊อคตัวเรือนนาฬิกาก่อน ซึ่งจำเป็นต้องทำการเชื่อมต่อ Apple Watch เข้ากับ iPhone ผ่านทาง Bluetooth โดยเครื่อง iPhone ที่ใช้นั้นจะต้องใช้งาน iOS เวอร์ชั่น 8.2 ขึ้นไป
การปลดล๊อค Apple Watch นั้นจะใช้เวลาโดยประมาณ 2-3 นาที สำหรับเครื่องใหม่ ซึ่งเมื่อทำการปลดล๊อคแล้ว Apple Watch เครื่องนี้ก็พร้อมที่จะนำไปใช้งาน แต่หากเคยปลดล๊อคมาแล้วก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้อีก โดยสามารถนำนาฬิกาไป Pair กับ iPhone ได้เลย
สำหรับการเชื่อมต่อ (Pair) เข้ากับ iPhone นั้น สามารถทำได้ด้วยการเปิด Bluetooth บน iPhone เปิดแอพพลิเคชั่น Apple Watch และกดปุ่ม Start Pairing หลังจากนั้นบนหน้าปัดของ Apple Watch จะปรากฏรูปกราฟฟิกขึ้นมา และให้ใช้กล้องของ iPhone สแกนไปที่รูปกราฟฟิกดังกล่าว เพื่อทำการเชื่อมต่อ
ซึ่งหลังจากนฬิกากับโทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อกันได้แล้ว ระบบจะทำการตั้งค่าแอพฯ (Activity) และบริการต่างๆ บนเครื่อง iPhone ให้อัตโนมัติ
การใช้งาน (ควบคุมและสั่งการ) Apple Watch
การใช้งาน หรือการควบคุมและสั่งการบน Apple Watch นั้น หลักการการใช้งานพื้นฐานคล้ายกับ Wearable โดยทั่วไป อย่างไรก็ดีสามารถแบ่งการใช้งาน หรือการควบคุมและสั่งการ ได้เป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
Apple Watch ทำอะไรได้บ้าง?
ความสามารถพื้นฐาน
เวลา (Time)
แน่นอนว่า การบอกเวลาเป็นหน้าที่หลักของ Apple Watch แต่ด้วยความที่เป็น Smartwatch นั้น จึงสามารถทำได้ทั้งการบอกเวลา จับเวลา รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้ตามต้องการ พร้อมทั้งยังมีโหมดการเรียกดูคอนเทนท์ต่างๆ ที่เกียวข้องกับเวลาได้ด้วย
การแจ้งเตือน (Notification)
Apple Watch สามารถดึงการแจ้งเตือนเกือบทั้งหมดบน iPhone มาไว้ในตัวได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดดูการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น อีเมล์, ไลน์, ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ ฯลฯ ได้ทันทีจากข้อมือ อีกทั้งสามารถตอบกลับได้ทันทีด้วยรูปแบบ Qucik Reply ทำให้ทุกการติดต่อนั้นสะดวกขึ้นพอสมควร
สั่งการแอพฯ บน iPhone (Remote)
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Apple Watchคือ การที่สามารถใช้เป็นตัวกลางในการสั่งการแอพฯ ต่างๆ บน iPhone ให้ทำงาน โดยที่ไม่ต้องหยิบตัวเครื่อง iPhone ขึ้นมา โดยแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกันได้ มีดังนี้
Activity Tracking
หนึ่งในความสามารถของ Apple Watch ที่ส่งมาเอาใจผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ซึ่งหลังจากเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone เสร็จแล้วระบบจะทำการติดตั้งแอพฯ ที่ชื่อว่า Activity ให้ โดยมีความสามารถหลักในการบันทึกค่าต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว พร้อมทั้งรายงานผลให้ทราบ รวมไปถึงยังสามารถตรวจวัดระยะทางการเดิน ยืน นั่งหรือวิ่งให้ด้วย
รับสาย-โทรออก
Apple Watch สามารถรับสายเรียกเข้าบน iPhone ได้ทันที พร้อมทั้งยังสามารถสนทนาผ่านไมค์สนทนาบนตัวเรือนนาฬิกาได้ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงยังสามารถกดโทรออกจากตัวนาฬิกาได้ทันทีอีกด้วย
ความสามารถพิเศษ
Digitouch Message : ฟังก์ชั่นการใช้งานแปลกใหม่ที่ทาง Apple ใส่มาให้เป็นลูกเล่นสนุกบน Apple Watch โดย Digitouch Message เป็นฟังก์ชั่นที่ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อความแบบ 3D Animation, อัตราการเต้นหัวใจของตนเอง หรือการสกิดเพื่อนด้วยการสั่นของตัวนาฬิกาตามจังหวะที่ตั้งไว้ ไปยังผู้ใช้งาน Apple Watch อีกคนได้
โดย Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะเรือนแรกจาก Apple นี้ เตรียมเปิดวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในราคาเริ่มต้นที่ 13,500 บาท ตั้งแต่วันที่ 17/7/58 บน Apple Store และตัวแทนจำหน่ายของ Apple เป็นต้นไป
วันที่ : 13 กรกฎาคม 2558
รีวิว OPPO Find X8 Series ทีเด็ดซูมพลัง AI ไกลยังไงก็สวย ถ่ายคมชัดด้วย Hasselblad Portrait Mode7 ชั่วโมงที่แล้ว
ZTE Blade V70 สมาร์ทโฟนระดับกลาง สเปคจัดเต็ม ดีไซน์บางเบา14 ชั่วโมงที่แล้ว
iPhone SE 4 ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ สู่ยุค 5G เต็มรูปแบบ14 ชั่วโมงที่แล้ว
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone20 ชั่วโมงที่แล้ว
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ22 ชั่วโมงที่แล้ว
Apple AirPods 4 เสียงดีที่สุด แม้ไม่ใช่รุ่น Pro ดีไซน์สวมใส่สบายมากขึ้น อัปเกรดชิปเสียงใหม่
รีวิว OPPO Find X8 Series ทีเด็ดซูมพลัง AI ไกลยังไงก็สวย ถ่ายคมชัดด้วย Hasselblad Portrait Mode
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีติดไว้
Ash Echoes เกมมือถือภาพสวยตระการตา สวมบทบาทพิชิตศัตรู กอบกู้ดินแดน เปิดให้เล่นแล้ว!