www.siamphone.com
สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 8 ตุลาคม 2559
ใกล้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในบ้านเราเข้าไปทุกทีแล้ว สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus วันที่ 21 ตุลาคมศกนี้ก็สามารถจับจองได้ โดยสามค่ายหลักโอเปอเรเตอร์บ้านเรา ก็มีประกาศเปิดจองแล้ว (อ่านข่าว) อย่างไรก็ตามหลังจากบทความที่แล้วนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ : มาดู 10 เหตุผลที่ควรซื้อ Google Pixel & Google Pixel XL มากกว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus คราวนี้ก็มาดูส่วนตรงข้ามกันบ้าง เผื่อใครกำลังชั่งใจอยากจะจับจองสองรุ่นนี้จากสองแบรนด์เป็นเจ้าของ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ลองมาฟังเหตุผลกันดูครับแล้วตัดสินใจจากไฟล์สไตล์การใช้งาน และความชื่นชอบ มาเริ่มกันเลย
1. iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีความบางกว่า : ถ้ามองผิวเผินอาจไม่รู้ก็ได้เนื่องจากมีขนาดตัวเครื่องและนํ้าหนักที่ใกล้เคียงกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
iPhone 7 Google Pixel iPhone 7 Plus Google Pixel XL ขนาดตัวเครื่อง 138.3 × 67.1 × 7.1 มม. 143.8 × 69.5 × 8.5 มม. 158.2 × 77.9 × 7.3 มม. 154.7 × 75.7 × 8.5 มม. นํ้าหนัก 138 กรัม 143 กรัม 188 กรัม 168 กรัม
2. อะลูมิเนียมก็อะลูมิเนียม ไม่ใช่ลูกครึ่ง : หลายคนอาจสงสัยทำไมผมบอกลูกครึ่ง ก็เพราะว่าคู่หู Pixel มีตัวเครื่องด้านหลังที่ทำจากโลหะครึ่งล่าง ส่วนครึ่งบนเป็นโลหะเช่นกันแต่ครอบทับด้วยกระจกอีกทีหนึ่ง งานนี้คงต้องตัดสินจากความชื่นชอบหรือมุมมองของแต่ละคนกันไป ทว่าเหตุผลที่ Google ออกแบบดีไซน์ลักษณะนี้ คือ ต้องการสร้างความแตกต่าง เนื่องจากปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่เป็นโลหะกันหมด หรือไม่ก็ครอบทับด้วยกระจกทั้งหมดเหมือนแบรนด์เกาหลีใต้ แต่ยังไม่มีใครทำแบบนี้
3. คุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่น : อย่างที่รู้กันว่าพี่น้อง iPhone จะมีมาตรฐานระดับ IP67 สามารถกันฝุ่นรวมถึงนํ้าที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ระยะเวลาไม่เกิน 30 นาทีได้ แต่ Apple ระบุแล้วว่าจะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันหากเกิดความเสียหายจากของเหลว
ทว่าด้าน Google ไม่สามารถกันนํ้ากันฝุ่นได้ดีเท่าฝั่งแอปเปิ้ล เพราะแค่ระดับมาตรฐาน IP53 เท่านั้น หมายความว่า ฝุ่นกันได้บ้างแต่ไม่ทั้งหมด ส่วนนํ้าจะเป็นรูปแบบสาดกระเด็นเพียงเล็กน้อย ทางที่ดีก็ไม่ควรให้โดนนํ้าดีกว่า เนื่องจากระดับ 3 นั้นคาดเดายาก เพราะว่ามีเรื่องของทิศทางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่เหมือนกับเลข 6 - 7 ที่โดนนํ้าแบบเต็มที่ได้
4. ฟังก์ชั่นการใช้งานของเมนูที่มากกว่า : ด้วยระบบ 3D Touch ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับปุ่ม Home สามารถรับรู้แรงกดได้ แน่นอนว่ามีลูกเล่นเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่จำเจ
5. การอัปเดตระบบปฏิบัติการ : แอปเปิ้ลขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องการปล่อย OS เวอร์ชั่นใหม่ให้แต่รุ่นใดจะดาวน์โหลดได้บ้าง ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รุ่นนั้นๆ ทว่ามาถึงตอนนี้ก็เดินทางมาสู่ iOS 10 แล้ว โดยรุ่นก่อนหน้าที่อัปเดตได้คือ iPhone 5 ที่มาพร้อมกับ iOS 6 นั่นหมายความว่าซื้อ 1 ครั้ง แต่ใช้งานเวอร์ชั่นใหม่ได้ถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว (iOS 7 - 8 - 9 - 10) ทว่า....
ฝั่ง Google ระบุชัดเลยครับ สองพี่น้อง Pixel กับ Pixel XL นั้นจะได้รับการอัปเดต OS แค่ 2 ปีเท่านั้น แพทช์ความปลอดภัยระยะเวลา 3 ปี (Two years of OS upgrade from launch & Three years of security updates from launch) ดังนั้นอาจทำให้ต้องพิจารณาอีกครั้งเมื่อต้องจ่ายเงินสองหมื่นกว่าบาท เนื่องจากราคาเปิดตัวของ iPhone 7 และ Google Pixel โมเดล 32GB มีราคาเท่ากันคือ..
6. คุณสมบัติของกล้องแตกต่างกัน : ถ้ากล่าวถึงรุ่นใหญ่ทั้ง XL และ Plus ก็ไม่เหมือนตรงที่ฝั่งแอปเปิ้ลมาพร้อมกับ Dual Camera นอกจากนี้ระบบกันสั่นและรูรับแสงอีกด้วย ซึ่งของกูเกิ้ลนั้นเลือกใช้ระบบกันสั่นแบบซอฟต์แวร์ Electronic Image Stabilization หรือ EIS ทว่าแอปเปิ้ลก็มาพร้อมระบบกันสั่นแบบฮาร์ดแวร์ (OIS) ดังนั้นมุมมองที่มีการทำงานโดยเฉพาะย่อมให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
7. ขณะที่รูรับแสง Apple ทำได้ดีกว่า โดยกล้องหลังมีรูรับแสงกว้าง f/1.8 ส่วน Google คือ f/2.0
8. Snapdragon 821 ก็ต้องแพ้ให้กับ Apple A10 Fusion : เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Antutu ได้ประกาศ 10 อันดับสมาร์ทโฟนที่เร็วแรงที่สุดพบว่า iPhone 7 Plus ครองอันดับหนึ่ง แซงหน้าแบรนด์ LeEco Le Pro 3 ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตดังกล่าวกับแรมมากถึง 4/6GB (ไม่แน่ใช้โมเดลใดทดสอบ แต่ก็มีแรมมากกว่า iPhone 7 Plus อยู่ดี) สอดคล้องกับ Geekbench 4 สองพี่น้อง iPhone ก็สามารถทำคะแนนแซงได้อีก
9. ศูนย์บริการ : ต้องบอกว่าฝั่ง Apple ก็มีตัวแทนให้บริการอยู่หลายจังหวัดในประเทศไทย ดังนั้นถ้ามีปัญหาใดๆ สามารถเข้าศูนย์เพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไปได้ ขณะที่ฝั่ง Google ไม่มีตัวแทนใด ณ ตอนนี้ หมายความว่าเมื่อเกิดปัญหาเกิดความยุ่งยากแน่นอน
10. ขายคล่องและราคาดีกว่า : ขายคล่องในที่นี้หมายถึง การขายต่อให้กับผู้อื่น ยิ่งเป็นสองพี่น้อง iPhone 7 & iPhone 7 Plus กำลังเป็นกระแส แน่นอนว่าก็ได้ราคาดีด้วยเช่นกัน ทว่าฝั่ง Google อาจขายยากหน่อย เพราะไม่ใช่รุ่นตลาดรวมถึงปัจจัยต่างๆ
จบลงแล้วครับสำหรับการเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะทำให้ใครที่กำลังมองสองรุ่นนี้อยู่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็สรุปไว้ให้หมดแล้ว ฝั่งละ 10 เหตุผล โดย iPhone จับจองเป็นเจ้าของได้วันที่ 21 ตุลาคมศกนี้ขณะที่ด้าน Google ประกาศวางจำหน่ายวันที่ 20 ตุลาคมบางประเทศ และประเทศอื่นๆ ภายหลัง
อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง : บทสรุปทุกเรื่องราวของ iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus และ iOS 10 สงสัยอะไรที่นี่มีคำตอบ
วันที่ : 8 ตุลาคม 2559
OnePlus 13T หายไปนาน! กลับมาเร็วแรงบน Snapdragon 8 Elite พร้อมตัวเครื่องแบบกะทัดรัด3 ชั่วโมงที่แล้ว
Samsung Galaxy M56 5G สมาร์ทโฟนบางสุดในรุ่น กล้องหลัง 3 ตัว 50MP กันสั่น OIS11 ชั่วโมงที่แล้ว
ลือ! iPhone 17e เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนทดลองผลิต คาดเปิดตัวปลายเดือนพฤษภาคม 2026 27 เม.ย. 68 17:00
vivo X200 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงเอาใจสายถ่ายภาพ หน้าจอคมชัด 2K ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite พร้อมกล้อง Telephoto 200MP27 เม.ย. 68 15:00
Nothing Phone (3) เรือธงที่หลายคนรอคอย ซีอีโอยืนยันเปิดตัวช่วง ก.ค. - ก.ย. 202527 เม.ย. 68 11:00
Google Pixel 9a เปิดตัวแล้ว! ชิปเซ็ตแรง AI ล้ำ รองรับการอัปเดต 7 ปีเต็ม
OnePlus 13T หายไปนาน! กลับมาเร็วแรงบน Snapdragon 8 Elite พร้อมตัวเครื่องแบบกะทัดรัด
Samsung Galaxy M56 5G สมาร์ทโฟนบางสุดในรุ่น กล้องหลัง 3 ตัว 50MP กันสั่น OIS
ลือ! iPhone 17e เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนทดลองผลิต คาดเปิดตัวปลายเดือนพฤษภาคม 2026
vivo X200 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงเอาใจสายถ่ายภาพ หน้าจอคมชัด 2K ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite พร้อมกล้...
Nothing Phone (3) เรือธงที่หลายคนรอคอย ซีอีโอยืนยันเปิดตัวช่วง ก.ค. - ก.ย. 2025
HONOR X60 GT สมาร์ทโฟนเน้นแบตเตอรี่ใหญ่ 6300mAh ชิปเซ็ต Snapdragon 8+ Gen 1
เปิดตัว OPPO Find X8 Ultra เรือธงกล้องเทพ อัปเกรดรอบด้าน บางสุดในรุ่น!
vivo X200s สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ หน้าจอ 6.67 นิ้ว ชิปฯ Dimensity 9400+ พร้อมกล้องหลัง 3 ตัว 50MP
vivo V50e กล้องหน้าหลัง 3 ตัว 50MP ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 7300
vivo X200 Ultra เตรียมซูมไกลสุดขีด 8.7 เท่า ด้วยเลนส์เสริมจาก ZEISS