www.siamphone.com
หมวดอื่นๆ (Other) | วันที่ : 3 มีนาคม 2560
DHL eCommerce บริษัทในเครือ Deutsche Post DHL Group - DPDHL Group ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านโลจิสติกส์ของโลก เดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่คาดว่าจะโตขึ้นถึง 3 เท่า ที่มูลค่า 3,600 ล้านยูโร หรือประมาณ 140,000 ล้านบาทภายในปี พ.ศ. 2563 โดยการขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในประเทศด้วยบริการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้รับภายในวันถัดไปสำหรับผู้บริโภคในพื้นที่ห่างไกลอื่นๆ รวมถึงการขยายบริการรับสินค้าถึงที่ให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายย่อยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
DHL eCommerce เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 นำเสนอบริการจัดส่งสินค้าภายในประเทศแบบครบวงจร และบริการจัดส่งสินค้าในรูปแบบ B2C ระหว่างประเทศในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และบริการ fulfillment ที่คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงผ่านเครือข่ายระดับโลกของ DPDHL Group
เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ DHL eCommerce ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาด อีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 22% ต่อปีจนถึงปี พ.ศ. 2563 ในขณะที่ตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ผู้บริโภคก็มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งในเรื่องความคุ้มค่าและสมเหตุสมผลของราคาค่าบริการ รวมถึงคุณภาพของการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ ด้วยเหตุนี้เราจึงขยายการลงทุนพัฒนาการให้บริการในด้านต่างๆ เพื่อให้ DHL eCommerce ประเทศไทย เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของผู้บริโภคในประเทศไทย”
“เรากำลังพัฒนาและเสริมสร้างเครือข่ายการจัดส่งสินค้าภายในประเทศของเราให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อมอบบริการที่เหนือกว่าในพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าอีคอมเมิร์ซในต่างจังหวัดที่เพิ่มมากขึ้นได้อย่างทั่วถึงด้วยบริการที่มีมาตรฐานและคุณภาพ นอกจากนี้เราได้ขยายบริการด้านการรับสินค้าถึงที่ (pick-up service) สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ SMEs กว่า 2.7 ล้านรายในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาเดินทางและรอเข้าคิวเพื่อจัดส่งสินค้าอีกต่อไป ทำให้มีเวลาในการพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น”
ในปีที่ผ่านมา DHL eCommerce ประเทศไทย ได้ลงทุนในด้านบุคลากร การให้บริการ ศูนย์กระจายสินค้า ยานพาหนะในการจัดส่ง และเครือข่ายการกระจายสินค้าอย่างจริงจัง DHL eCommerce มีศูนย์กระจายสินค้าขนาด 3,222 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ และเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าย่อยทั่วประเทศไทยที่สามารถรองรับการจัดส่งสินค้ากว่า 15 ล้านรายการในแต่ละปี นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประกอบการยังสามารถใช้บริการเก็บเงินปลายทาง หรือ COD (Cash on Delivery) ซึ่งจะชำระเงินคืนเมื่อสินค้าส่งถึงมือผู้รับในแต่ละวัน รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ที่สามารถให้บริการได้หลากหลายภาษา และมีการบูรณาการระบบไอทีที่เข้าถึงได้ง่ายมารองรับการบริหารคำสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการจัดเตรียมสินค้าก่อนการจัดส่งผ่านเครือข่ายการให้บริการของ DHL
บริการจัดส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซในรูปแบบ B2C ไปยังลูกค้าต่างประเทศโดยตรงนอกเหนือจากการให้บริการด้านการจัดส่งสินค้าภายในประเทศ DHL eCommerce ยังช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ ด้วยบริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ B2C ในราคาประหยัด การให้บริการด้าน fulfillment ที่คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง “เรามุ่งมั่นที่จะร่วมพัฒนาและสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศไทยตามนโยบาย ‘ดิจิตอล ไทยแลนด์’ ของรัฐบาลที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับองค์กรธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจ SMEs ในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานและการให้บริการมาเป็นรูปแบบดิจิตอล” มัลคอล์ม มอนเตโร ประธานกรรมการบริหาร DHL eCommerce เอเชียแปซิฟิก กล่าว
“ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากการที่ธุรกิจ SMEs จำนวนมากต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดออนไลน์ ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซมุ่งมั่นที่จะเสริมศักยภาพให้แก่ธุรกิจของไทย เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ตามที่ระบุไว้ในรายงานฉบับล่าสุดของ DHL โอกาสสำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศมีอัตราการเติบโต (~25%) ซึ่งสูงกว่าตลาดค้าปลีกแบบเดิมๆ DHL eCommerce และ DHL Express ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการออนไลน์ของไทยในการก้าวเข้าสู่ตลาดโลกด้วยโซลูชั่นการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศของ DPDHL Group โดยที่ DHL Express ให้บริการจัดส่งที่รวดเร็วระดับพรีเมียม ขณะที่ DHL eCommerce พร้อมให้บริการที่ได้มาตรฐานในราคาที่ประหยัดกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าของ DHL eCommerce ในสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ยุโรป ฮ่องกง ออสเตรเลีย และอินเดีย เพื่อให้สินค้าส่งถึงมือผู้บริโภคในภูมิภาคดังกล่าวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซรูปแบบ B2C ระหว่างประเทศจะมีขนาดใหญ่ขึ้นจนแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปีพ.ศ. 2563 และในปีที่ผ่านมา DHL eCommerce ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วโดยที่เราได้ขยายการให้บริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค” ชาร์ลส์ บรูเออร์ ประธานกรรมการบริหาร DHL eCommerce กล่าว “เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานจนถึงมือผู้บริโภคด้วยรอยยิ้ม และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายทั้งสำหรับการรับและการจัดส่งสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด”
ที่มา : www.dhl.co.th วันที่ : 3 มีนาคม 2560
ทำความรู้จัก TCL 501 และ TCL 503 มือถือราคาประหยัดราคาไม่เกิน 2,000 บาท2 ชั่วโมงที่แล้ว
HMD Arc มือถือระบบ Android 14 (Go edition) ดีไซน์สวย ทนทาน ทรงประสิทธิภาพ18 ชั่วโมงที่แล้ว
สรุปจุดเด่นและสเปค HONOR X9c แบตฯ 6600mAh ชาร์จเร็ว 66W กันน้ำ IP65M กล้องหลัง 108MP+OIS22 ชั่วโมงที่แล้ว
Hohem iSteady M7 ไม้กันสั่นสำหรับมือถือ พร้อมกล้อง AI Tracker ติดตามและจดจำเป้าหมายได้แม่นยำ5 ม.ค. 68 07:00
Samsung เดินหน้าขยายการใช้ AI Home ทั่วทุกมุมบ้าน ส่งจอสุดล้ำบุกเครื่องใช้ไฟฟ้า4 ม.ค. 68 15:00