www.siamphone.com
สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 30 สิงหาคม 2560
เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ 6 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในครอบครัว Zenfone 4 แบ่งเป็นรุ่นปกติคือ Zenfone 4 & Zenfone 4 Pro รุ่นเน้นการถ่ายภาพเซลฟี่ Zenfone 4 Selfie & Zenfone 4 Selfie Pro และรุ่นเน้นแบตเตอรี่กับสองพี่น้อง Zenfone 4 Max & Zenfone 4 Max Pro โดยด้านจุดเด่นและสเปกจะเป็นอย่างไรในบทความนี้จะสรุปข้อมูลไว้ให้ทั้งหมดตามมาดูกันเลย!
เริ่มกันที่ Asus Zenfone 4 และ Zenfone 4 Pro
สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นดีไซน์คล้าย Zenfone 3 ซึ่งวัสดุตัวเครื่องใช้โลหะ และผลิตด้วยกระบวนการเทคโนโลยี Nano Molding Technology ทำให้ตัวเครื่องมีโครสร้างที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มีนํ้าหนักเบา รวมถึงขนาดตัวเครื่องบางลง แล้วได้ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass แบบขอบโค้ง 2.5D นอกจากนี้สามารถใส่สองซิมการ์ดพร้อมหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card แบบที่ไม่ต้องเลือกเนื่องจากเป็นถาดประเภท Triple-Slot ส่วนลำโพงแบบ Dual มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนสองตัว รองรับการเล่นไฟล์เสียง Hi-Res หรือใส่หูฟังก็มีระบบจำลองเสียง DTS Headphone 7.1 โดยจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเมื่อหูฟังรองรับระบบเสียงดังกล่าวด้วย
มีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด สำหรับ Asus Zenfone 4 จะเป็นประเภทหน้าจอ Super IPS+ กับ LCD ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้การแสดงผลเป็นธรรมชาติ โดยให้ความสว่างหน้าจอสูงถึง 600 nits จึงใช้งานกลางแจ้งได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Splendid ที่ควบคุมการแสดงผลของเฉดสีบนหน้าจอให้เป็นไปตามสภาพแวดล้อมของแสง ณ ขณะนั้น ขณะที่ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ระดับ FullHD ขนาด 5.5 นิ้ว
ส่วน Zenfone 4 Pro มีความละเอียดและขนาดหน้าจอเท่ากัน เช่นเดียวกับเทคโนโลยี Splendid แต่จะใช้หน้าจอประเภท AMOLED แต่ในส่วนของการให้ความสว่างสูงสุดก็ลดลงเหลือ 500 nits ทั้งมีฟังก์ชั่น True2Life จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์วิดีโอได้ภาพสมจริงมากขึ้น
หมายเหตุ : สเปก Asus Zenfone 4 & Zenfone 4 Pro ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะยังไม่มีการคอนเฟิร์ม ได้แก่ หน่วยประมวลผล RAM พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของเอซุสในครั้งนี้จะเป็นแบบ Dual Camera หมดเลย เช่นเดียวกับสองรุ่นดังกล่าว โดยมีข้อแตกต่างด้านกล้องหลังดังต่อไปนี้
Asus Zenfone 4 Asus Zenfone 4 Pro ความละเอียดเลนส์กล้องตัวแรก ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ความละเอียดเลนส์กล้องตัวที่สอง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์กล้องตัวแรก เซ็นเซอร์ Sony IMX362 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55" เซ็นเซอร์ Sony IMX362 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55" เซ็นเซอร์กล้องตัวที่สอง Omnivisiom 8856 เซ็นเซอร์ Sony IMX351 ขนาดจุดพิกเซลกล้องตัวแรก 1.4um 1.4um ขนาดจุดพิกเซลกล้องตัวที่สอง 1.12um 1.00um รูรับแสงกล้องตัวแรก f/1.8 f/1.7 รูรับแสงกล้องตัวที่สอง f/2.2 f/2.6 ระบบจับโฟกัสกล้องตัวแรก Dual Pixel Phase Detection AF TriTech+ (Dual Pixel PDAF / Laser AF / Subject tracking AF) พร้อมเทคโนโลยี SuperPixel Engine image Processing ระบบจับโฟกัสกล้องตัวที่สอง Contrast Detection AF Contrast Detection AF มุมมองการถ่ายภาพกล้องตัวแรก 83 องศา 83 องศา มุมมองการถ่ายภาพกล้องตัวที่สอง 120 องศา 47 องศาอธิบายหลักการทำงานของกล้องคู่ของทั้งสองรุ่นเบื้องต้น
Asus Zenfone 4 เลนส์กล้องตัวแรกจะทำหน้าที่จับภาพเป็นหลักซึ่งจับโฟกัสด้วยเทคโนโลยีแบบ Dual Pixel Phase Detection AF เคลมว่าสามารถจับโฟกัสได้ในระยะเวลาเพียง 0.3 วินาที และมีรูรับแสง f/1.8 จึงให้ภาพที่คมชัดสว่างแม้ถ่ายในพื้นที่แสงน้อย โดยการถ่ายภาพจะมีประสิทธิภาพขึ้นเนื่องจากระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS จำนวน 4 แกน เช่นเดียวกับการถ่ายวิดีโอด้วยระบบ EIS กับ 3 แกนไว้ทำงานร่วมกัน โดยเลนส์กล้องตัวที่สองทำหน้าที่จับภาพเช่นกันแต่จะในระยะมุมกว้างเพื่อเก็บรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น นอกจากนี้การประมวลผลภาพจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วย Qualcomm Spectra 160
ขณะที่ Asus Zenfone 4 Pro มีกล้องหลักไว้สำหรับถ่ายภาพเหมือนกัน แต่เปลี่ยนเทคโนโลยีการจับโฟกัสเป็น TriTech+ พร้อมรูรับแสง f/1.7 และ OIS / EIS เช่นเดิมส่งผลให้รับแสงได้มากขึ้นกว่าเดิม 8 เท่า รวมถึงถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้มีประสิทธิภาพกว่า เสริมด้วยเซ็นเซอร์ RGB คำนวณเฉดสีให้แสดงผลอย่างเที่ยงตรง
ส่วนเลนส์ที่สองนอกจากทำหน้าที่เก็บรายละเอียดแล้ว แต่ว่าอาจทำได้ไม่ดีเท่าเลนส์กล้องตัวที่สองของรุ่นปกติ เนื่องจากจะไม่เน้นมุมกว้าง ทว่าเน้นจุดที่อยู่ตรงหน้าและเน้นการซูมซึ่งสามารถซูมแบบออปติคอล 2x และซูมภาพทั่วไปได้ 10x
Asus Zenfone 4 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเซ็นเซอร์ Omnivisiom 8856 รูรับแสง f/2.0 จุดพิกเซลขนาด 1.12um มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 84 องศา
Asus Zenfone 4 Pro กล้องหน้าความละเอียด 8MP เซ็นเซอร์ Sony IMX319 รูรับแสง f/1.9 จุดพิกเซลขนาด 1.4um มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 88 องศา ระบบจับโฟกัส SuperFast PDAF
สำหรับวันเวลาวางจำหน่ายของทั้งสองรุ่นจะเปิดตัวในงาน TME 2017 เพียงแต่ยังไม่เปิดเผยราคาซึ่งคาดการณ์ว่าจะไม่แตกต่างจากรุ่น Zenfone 3 เท่าใดนัก ส่วนเฉดสีมีดังต่อไปนี้
Asus Zenfone 4 : Midnight Black, Moonlight White และ Mint Green
Asus Zenfone 4 Pro : Pure Black, Moonlight White
ต่อด้วยสองรุ่นเน้นอึดใช้งานตลอดทั้งวัน Asus Zenfone 4 Max & Zenfone 4 Max Pro
ถ้าเป็นซีรีย์ดังกล่าวแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของความจุแบตเตอรี่ที่เยอะจุใจให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แถมยังเสมือนเป็นแบตฯ สำรองชาร์จให้กับอุปกรณ์อื่นได้ด้วย อย่างไรก็ตามทั้งสองรุ่นก็มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางแบรนด์ได้ทำการทดสอบมาเพื่อให้ใช้งานไม่มีปัญหา ได้แก่
ลองมาดูจุดเด่นของ Asus Zenfone 4 Max และ Zenfone 4 Max Pro กันต่อบ้าง
เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปเลย ไม่ได้เน้นแค่ใช้งานนานเหมือนเดิมแล้ว แต่จะมีลูกเล่นกล้องคู่ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้น ส่วนไฮไลท์อื่นต้องยกให้แบตฯ ความจุ 5,000mAh พร้อมระบบบริหารจัดการพลังงาน Asus PowerMaster โดยรองรับการใช้งานสองซิมการ์ด ประเภทถาดซิมการ์ดเป็นแบบ Triple-Slot จึงไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แถมยังเล่นเน็ต 4G/3G + 3G ได้พร้อมกันด้วย ส่วนตัวเครื่องมีดีไซน์โลหะแบบ Unibody ด้านหน้าครอบทับกระจกขอบโค้ง 2.5D รองรับการสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคได้ในระยะเวลาไม่เกิน 0.3 วินาที มาพร้อมไมโครโฟนสองตัวสำหรับบันทึกเสียงและตัดเสียงรบกวน
มีขนาดเท่ากันคือ 5.5 นิ้ว เช่นเดียวกับความละเอียด HD หรือ 720p มาพร้อมโหมดถนอมสายตา
หมายเหตุ : สเปกของ Asus Zenfone 4 Max ที่จะนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยยังไม่มีการคอนเฟิร์ม ได้แก่ หน่วยประมวลผล RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
อย่างที่เกริ่นข้างต้นไม่ได้เน้นแค่แบตเตอรี่เยอะแล้ว ทว่าเน้นการถ่ายภาพด้วย โดยทั้งสองรุ่นมีกล้องหลังเลนส์คู่เหมือนกัน รายละเอียดดังนี้
Asus Zenfone 4 Max : กล้องเลนส์แรกความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + 13 ล้านพิกเซลกับรูรับแสง f/2.0 โดยกล้องตัวที่สองจะให้มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศาเพื่อสำหรับเก็บรายละเอียด มาพร้อมระบบจับโฟกัส PDAF และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS ช่วยถ่ายวิดีโอได้นิ่งกว่าเดิม อีกทั้งกล้องหน้ายังเซลฟี่ได้สนุกภาพกว้างแสนกว้างด้วยโหมด Selfie Panorama เก็บภาพได้กว้างถึง 140 องศา และโหมดบิวตี้เลือกปรับได้ดังใจเช่น ผิวนวล ผิวสว่าง ตาโต เป็นต้น มีไฟแฟลชแบบ Softlight ที่ความละเอียดกล้อง 8 ล้านพิกเซล
รุ่น Asus Zenfone 4 Max Pro เน้นถ่ายภาพมากขึ้นด้วยสเปกดีกว่าเลนส์ตัวแรกความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ใช้เซ็นเซอร์ Omnivision 16880 จุดพิกเซลขนาด 1.12um มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 79 องศา ส่วนอีกเลนส์มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเซ็นเซอร์ Omnivision 5675 จุดพิกเซลเท่ากัน รูรับแสง f/2.2 มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศา
กล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 76 องศา ไฟแฟลช Softlight และรูรับแสง f/2.0 รวมถึงโหมดบิวตี้ Selfie Panorama ถ่ายได้กว้างถึง 140 องศา
Asus Zenfone 4 Max Pro มีราคาวางจำหน่ายในบ้านเราแล้ว 7,990 บาท กับสามเฉดสีให้เลือก ได้แก่ สี Deepsea Black, Sunlight Gold, Rose Pink ส่วนรุ่นธรรมดาหรือ Max คาดราคาใกล้เคียงกันดังนี้ มี 3 สีสันเหมือนกันกับข้างต้น
โดยรุ่น Pro วางจำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วไปวันที่ 25 สิงหาคมศกนี้ ส่วนวันที่ 12 กันยายนจะเป็นรุ่นปกติ (Max)
ต่อกันด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นเน้นการถ่ายภาพในซีรีย์ Selfie โดยทางแบรนด์ได้เผยโฉมมาสองรุ่น ได้แก่ Zenfone 4 Selfie & Zenfone 4 Selfie Pro มีความแตกต่างและสเปกอย่างไรมาดูกันเลย
Asus Zenfone 4 Selfie
เริ่มที่กล้องหน้าเลนส์คู่ เลนส์แรกมีความละเอียด 20MP ใช้เซ็นเซอร์ Omnivision 20880 จุดพิกเซลขนาด 1.0um มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 69 องศา รูรับแสง f/2.0 และก็อีกหนึ่งเลนส์ความละเอียด 8 MP ส่วนมุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ Omnivision 8856 พร้อมจุดพิกเซล 1.12um ซึ่งมีโหมดบิวตี้ ไฟแฟลชแบบ Softlight นอกจากนี้มีโหมด Beauty Live ปรับหน้าสวยหล่อขณะที่ทำการถ่ายทอดสดได้สูงสุด 10 ระดับ รวมถึงโหมด Portrait
ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเซ็นเซอร์ Omnivision 16880 มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 80 องศา ระบบจับโฟกัส PDAF มีไฟแฟลช RealTone รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด FullHD พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว EIS จำนวน 3 แกน ขณะที่โหมดถ่ายภาพ ได้แก่ โหมดโปร โหมดบิวตี้ โหมด GIF โหมด Super Resolution โดยถ่ายภาพความละเอียด 64MP โหมด Time Lapse โหมดเซลฟี่พาโนราม่าเก็บมุมมองรอบตัวเองได้กว้างถึง 270 องศา เป็นต้น
Asus Zenfone 4 Selfie Pro
สำหรับรุ่น Pro มีการอัพเกรดอะไรหลายอย่างประเด็นแรกที่น่าสนใจคือสามารถบันทึกวิดีโอแบบเซลฟี่ได้ความละเอียดสูงสุด 4K มาพร้อมกล้องหน้าคู่ DuoPixel ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล แบ่งเป็น 12MP + 12MP ซึ่งทางแบรนด์นำเทคโนโลยีการถ่ายภาพมาผสมผสานเรียกว่า "Asus SuperPixel" กล่าวคือสามารถถ่ายภาพได้ดีขึ้นแม้พื้นที่นั้นจะแสงน้อย รวมถึงให้เฉดสีสดใส (Vivid) ในทุกรูปแบบการถ่าย โดยมุมมองการถ่ายภาพกว้าง 83 องศา ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor RS IMX362 จุดพิกเซลขนาด 1.4um รูรับแสง f/1.8 พร้อม ไฟแฟลช Softlight ขณะที่อีกหนึ่งเลนส์มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล จัดเก็บรายละเอียดของภาพเพิ่มเติมด้วยมุมการถ่ายภาพกว้างถึง 120 องศา มีรูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ Omnivision 5670 จุดพิกเซลขนาด 1.12um
กล้องหลังมีความละเอียด 16MP ระบบจับโฟกัส PDAF เวลาจับโฟกัสเพียง 0.3 วินาที ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor IMX 351 จุดพิกเซลขนาด 1.0um รูรับแสง f/2.2 มุมมองถ่ายภาพกว้าง 80 องศา กับมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพ Asus SuperPixel ด้วยเช่นกัน รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS จำนวน 3 แกน มีเทคโนโลยีภาพ PixelMaster 4.0 กับโหมดการถ่ายภาพหลากหลาย RAW, Pro, Slow Motion, Panorama กว้างถึง 270 องศา, Time Lapse, GIF, Super Resolution เป็นต้น
สรุปเป็นข้อแตกต่างด้านสเปกกล้องหน้าได้ดังต่อไปนี้
Asus Zenfone 4 Selfie Asus Zenfone 4 Selfie Pro ความละเอียดเลนส์กล้องตัวแรก ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (12MP+12MP) ความละเอียดเลนส์กล้องตัวที่สอง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์กล้องตัวแรก Omnivision 20880 Sony Exmor RS IMX362 เซ็นเซอร์กล้องตัวที่สอง Omnivision 8856 เซ็นเซอร์ Omnivision 5670 ขนาดจุดพิกเซลกล้องตัวแรก 1.0um 1.4um ขนาดจุดพิกเซลกล้องตัวที่สอง 1.12um 1.12um รูรับแสงกล้องตัวแรก f/2.0 f/1.8 รูรับแสงกล้องตัวที่สอง f/2.4 f/2.2 มุมมองการถ่ายภาพกล้องตัวแรก 69 องศา 83 องศา มุมมองการถ่ายภาพกล้องตัวที่สอง 120 องศา 47 องศามีความแตกต่างพอสมควร โดยจุดเหมือนกันคือขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด HD กับ FullHD แต่ในรุ่น Selfie ธรรมดาเป็นหน้าจอ IPS รุ่น Selfie Pro ใช้ AMOLED เคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือซึ่งให้ความสว่างสูงสุด 400 nits และ 500 nits ตามลำดับ รวมถึงมีโหมดถนอมสายด้วย
หมายเหตุ : สเปกของทั้งสองรุ่นที่จะนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยก็ยังไม่คอนเฟิร์ม ได้แก่ หน่วยประมวลผล RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
สำหรับรุ่น Selfie วางจำหน่ายในวันที่ 25 สิงหาคม ส่วนรุ่น Selfie Pro จับจองได้ในวันที่ 12 กันยายน ส่วนราคาเปิดเผยมาแค่หนึ่งรุ่น ได้แก่ รุ่นเซลฟี่ธรรมดา มีค่าตัว 8,990 บาท ขณะที่เฉดสีมีดังนี้
ที่มา : www.siamphone.com วันที่ : 30 สิงหาคม 2560
iQOO 13 5G ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite แบต 6150mAh รองรับ 120W FlashCharge พร้อม Bypass Charging5 ชั่วโมงที่แล้ว
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย9 ชั่วโมงที่แล้ว
Sonos จัดเต็มส่งท้ายปีกับโปรโมชั่น 12.12 ให้คุณช้อปฟินด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 30%11 ธ.ค. 67 07:00
Infinix ปล่อยเซอร์ไพรส์ HOT 50 Pro+ Series สีสันพิเศษ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข10 ธ.ค. 67 21:41
เตรียมเปิดตัว HUAWEI MatePad 12 X แท็บเล็ตฟังก์ชันเรือธง ผสานการทำงานกับอุปกรณ์เสริมอย่างไร้รอยต่อ10 ธ.ค. 67 19:29
iQOO 13 5G ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite แบต 6150mAh รองรับ 120W FlashCharge พร้อม Bypass Charging
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย
Infinix ปล่อยเซอร์ไพรส์ HOT 50 Pro+ Series สีสันพิเศษ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข
iQOO 13 5G เจ้าของความแรง Snapdragon Elite 8 + RAM สูงสุด 16GB เคาะราคาในไทย 27,900 เท่านั้น
HONOR X9c Smart สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ 108MP ชิปเซ็ต Dimensity 7025-Ultra
Blackview Active 10 Pro มาแล้ว! แท็บเล็ต 5G แบตฯ อึด กล้องเทพ ลดแรงแค่ 7 วันเท่านั้น!
ROG Phone 9 Series กับฟังก์ชัน AniMe Vision display และลูกเล่น AI เกมมิ่งฟีเจอร์แบบจัดเต็ม
เปิดตัว HUAWEI FreeBuds Pro 4! หูฟังไร้สายรุ่นแรกที่ใช้ HarmonyOS NEXT
OPPO Reno 13 Series ชิปเซ็ต Dimensity 8350 กันน้ำกันฝุ่น IP69 และชาร์จเร็ว 80W!
ลือ! iPhone 17 และ iPhone 17 Air ยังไม่มีซูม Optical 5x ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะรุ่น Pro