[บทวิเคราะห์] เมื่อ Tablets (แท็บเล็ต) ไม่เปรี้ยงปร้างอีกต่อไป หมดยุคแล้ว ?

เข้าสู่กลางปีแล้ว ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนไม่หยุดนิ่งอีกแล้ว โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลายแบรนด์ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ๆ พร้อมสร้างสรรค์จุดเด่นของตนเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ หรือการไล่ระดับเฉดสีรวมถึงเพิ่มเลเยอร์ของกระจกเพื่อให้เกิดความสวยงามเมื่อแสงกระทบแตกต่างกัน ไฮไลท์ล่าสุดก็ต้องยกให้กับสมาร์ทโฟน Xiaomi Mi 8 Explorer Edition ด้วยการออกแบบให้ด้านหลังของตัวเครื่องโปร่งใสทำให้เห็นฮาร์ดแวร์ภายใน ส่งผลให้เกิดเป็นมิติใหม่เลยทีเดียว และมาแรงอาจเป็นเทรนด์สำคัญต่อไปในอนาคตนั่นคือ "ระบบสแกนลายนิ้วมือที่หน้าจอ" แม้แต่เรื่องกล้องก็สามตัวเข้าไปแล้ว ดังนั้นใครที่กำลังคิดว่าโลกของสมาร์ทโฟนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว คุณอาจคิดผิด แต่กับอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง คุณอาจคิดถูก!

สำหรับดีไวซ์ที่อาจถึงจุดอิ่มตัวแล้วนั่นคือ "อุตสาหกรรมแท็บเล็ต" เราลองมาวิเคราะห์กันว่าเพราะอะไร ?

1. ไม่รู้จะพัฒนาไปในทิศทางไหนต่อ : ไม่ต้องคาดเดาให้ยุ่งยาก สังเกตจากหลากหลายแบรนด์หยุดการเปิดตัวไปแล้ว หรือถ้ามีก็แค่รุ่นเดียวต่อปีเท่านั้น หากมองจากแบรนด์ตลาดก็มีแค่สี่ตัวเลือก นั่นคือ Apple ดูเหมือนว่าเน้นไปทางการศึกษา หรือ Microsoft เน้นด้านการทำงานและความบันเทิงพร้อมกัน แต่ราคาแรงเช่นกัน รวมถึงแบรนด์ Huawei ก็ไม่เน้นอะไรมาก มีดีที่พลังเสียงและสเปกไว้เล่นเกม  หรือชมคอนเทนต์เท่านั้น ส่วน Samsung ยังไม่เปิดตัว ทว่าอาจใกล้แล้วกับ Tab S4 ซึ่งสื่อต่างประเทศก็คาดว่า ไม่แตกต่างอะไรจากรุ่นก่อน แค่อัพเกรดสเปกเท่านั้น

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สองสามปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรว้าวเลย และเปิดตัวน้อยมากต่อปี ทั้งหลายแบรนด์ก็เลิกให้ความสำคัญ 

2. หน้าจอใหญ่ มีตัวเลือกเพียบ : แน่นอนการซื้อแท็บเล็ตเหตุผลเดียวเลยคือต้องการหน้าจอใหญ่เพื่อเล่นเกม หรือรับชมคอนเทนต์วิดีโอ ทว่าสองโจทย์ข้างต้นกับไม่สามารถตอบโจทย์ได้เพราะ แอปพลิเคชั่นไม่ได้พัฒนาให้รองรับการแสดงผลของแท็บเล็ตอย่างเข้ากันได้ อีกทั้งในปัจจุบันทางเลือกดัวกล่าว ถูกสมาร์ทโฟนเข้ามาแทนที่กับการใช้อัตราส่วนเพิ่มขึ้น ทำให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ แต่ขนาดตัวเครื่องไม่เพิ่มตาม ทั้งยังสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ไม่เหมือนแท็บเล็ตที่หนักและให้ความรู้สึกลำบากในการใช้งาน

3. ลักษณะการใช้งาน : เหมือนที่ได้กล่าวไปในข้อสองคือการใช้งาน พฤติกรรมของผู้ใช้ส่วนใหญ่คือใช้เพื่อเล่นเกม, ชมคอนเทนต์วิดีโอ หรือถ่ายภาพ แน่นอนว่าทั้งสามลักษณะการใช้งานไม่สามารถตอบโจทย์ได้เลย ซึ่งประเด็นสำคัญคือ "นํ้าหนัก" เพราะแท็บเล็ตต้องมีแบตฯ เยอะเพื่อใช้งานได้นานต่อเนื่อง ส่งผลให้มีนํ้าหนักเยอะ ดังนั้นเมื่อเราใช้งานแบบใดก็ตามเป็นเวลานาน ความเมื่อยล้าเกิดขึ้น บางคนถึงขั้นปวดแขนเลยก็มี

ทว่าเมื่อเทียบสมาร์ทโฟน หน้าจอใหญ่ก็มี, แบตเตอรี่เยอะก็มีความจุสูงสุดถึง 5000mAh (ถ้าแบรนด์ Oukitel มีแบตฯ ความจุมากถึง 10,000mAh) ราวกับว่าอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนกลืนแท็บเล็ตไปแล้ว

4. Smart TV : เมื่อเทียบราคากันแล้ว แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเครื่องหนึ่ง มีราคาพอฟัดพอเหวี่ยงกับโทรทัศน์ อีกทั้งหน้าจอก็มีขนาดใหญ่กว่าด้วย แถมใช้งานได้ทั้งครอบครัว จะดูหนัง หรือเล่นเกมก็สามารถทำได้เหมือนกัน เรียกได้ว่ามีเงินสองสามหมื่นก็แทบไม่ต้องคิดเลยว่าเลือกซื้ออะไร

อย่างไรก็ตามแท็บเล็ตก็มีประโยชน์สำหรับงานเอกสาร หรืองานกราฟฟิก แต่ก็ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มอีกเช่นกัน เมื่อหันไปมองแล็ปท็อปก็กลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ดังนั้นจึงสรุปประโยชน์ของแท็บเล็ต ไม่อาจตอบโจทย์ได้ เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ