www.siamphone.com
องค์กร (Corporate) | วันที่ : 21 กุมภาพันธ์ 2562
Ericsson มุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์ม 5G อย่างครบวงจร ด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง Core, Radio, Transport และการบริการบริหารจัดการข้อมูล จึงทำให้แพลตฟอร์ม 5G ของอีริคสันพร้อมรับมือกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างยืดหยุ่น และเอื้อต่อการพัฒนาเครือข่ายและบริการสู่ยุค 5G ได้อย่างราบรื่นในวงกว้าง
แพลตฟอร์ม 5G ของอีริคสันในวันนี้ ได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากผลิตภัณฑ์เดิม เช่น Ericsson Spectrum Sharing อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อให้วิวัฒนาการบนเครือข่ายสู่ 5G เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น และราบรื่น บนรากฐานของแพลตฟอร์มเดิมที่มุ่งเน้นการให้บริการด้าน IoT สู่แพลตฟอร์มที่พร้อมให้บริการได้อย่างครบวงจร ทั้งบริการโมบายล์บรอดแบนด์ (enhanced mobile broadband) และบริการอินเทอร์เน็ตประจำที่บนเครือข่ายไร้สาย (fixed wireless access)
เฟรดดริก เจดดริงค์ รองประธานบริหารและหัวหน้างานฝ่ายธุรกิจเครือข่ายของอีริคสัน กล่าวว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์ของอีริคสันวันนี้ พร้อมแล้วในการเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ ดังที่เราได้ร่วมกับผู้ให้บริการหลายรายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราต่อไป เพื่อให้การก้าวเข้าสู่ยุค 5G เป็นเรื่องง่าย บนเครือข่ายที่พร้อมรองรับปริมาณข้อมูลมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนระบบปฎิบัติการที่เรียบง่าย และก่อให้เกิดรายได้สำหรับผู้ให้บริการ 5G”
Core network ที่พร้อมรองรับ 4G และ 5G
เพื่อให้วิวัฒนาการจาก 4G ไปสู่ 5G เป็นไปได้อย่างเรียบง่ายและราบรื่น อีริคสันได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 7 ผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cloud Core สำหรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ Standalone และ Non-Standalone ซึ่งสามารถรองรับบริการที่มีอยู่แต่เดิมและบริการใหม่ ๆ บน 5G ได้อย่างต่อเนื่อง โซลูชั่นส์ Dual-mode 5G Cloud Core ถูกพัฒนาขึ้นบนรากฐานของเทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อให้การบริหารจัดการความสามารถและระบบปฎิบัติการที่เกี่ยวข้องโดยรวมมีประสิทธิภาพและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ โซลูชั่นส์ Cloud Core ยังได้รับการออกแบบให้สามารถบริหารจัดการผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพร้อมรองรับการใช้งานบน 5G ในรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึง APIs ที่เปิดกว้างสำหรับนวัตกรรมบนความสามารถใหม่ของ 5G เช่น เทคโนโลยี network slicing และ edge computing
โซลูชั่นส์ทรานสปอร์ตที่พร้อมรองรับ 5G และเทคโนโลยีอื่นได้อย่างหลากหลาย
การสร้างเครือข่าย 5G ในช่วงแรก มักเริ่มต้นด้วยการเปิดให้บริการในพื้นที่เขตเมืองใหญ่ก่อน แล้วจึงตามด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพของเครือข่าย 4G ไปพร้อมกับการขยายพื้นที่ให้บริการ 5G สู่พื้นที่นอกเมืองออกไป การขยายพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่องในลักษณะนี้ จำเป็นต้องอาศัยโซลูชั่นส์ทรานสปอร์ตที่รองรับได้ทั้งเทคโนโลยีไฟเบอร์และไมโครเวฟ
ด้วยเหตุนี้ อีริคสันจึงพัฒนาต่อยอดสายผลิตภัณฑ์ไมโครเวฟ ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง MINI-LINK 6200 ที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G แบบ Long Haul ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 10 Gbps นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง Router และ Front haul เพื่อโซลูชั่นส์ที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ง่ายด้วยระบบโมดูลาร์ ซึ่งเหมาะสำหรับการขยายเครือข่ายที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ผลิตภัณฑ์ New Radio และ virtualized Radio Access Network (vRAN)
ไฮไลท์สำคัญของ 5G มิได้มีเพียงคลื่นความถี่ในช่วงใหม่เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการสร้างสถานีฐาน และการเพิ่มความสามารถของ Radio ได้อย่างแม่นยำตามความต้องการของผู้ให้บริการ อีริคสันจึงตอบสนองความต้องการนี้ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Radio ในคลื่นความถี่ใหม่ 9 ช่วง ทั้งใน dual band, triple band และ high-performance Massive MIMO radios
นอกจากนี้ อีริคสันยังประสบความสำเร็จในการผลิตซอฟต์แวร์เพื่อสร้างเครือข่าย Radio แบบเสมือน (virtualized 5G NR software) ซึ่งสามารถรองรับและบริหารจัดการข้อมูลที่เกิดจากผู้ใช้จำนวนมากได้โดยง่ายและมีประสิทธิภาพ ผ่านโครงสร้างเครือข่ายที่มีระบบบริหารจัดการข้อมูล (data traffic processing intelligence) อยู่เหนือฟังก์ชันอื่น จึงเอื้อต่อการใช้งานในรูปแบบหรือโครงสร้างใหม่ ๆ ได้อย่างหลากหลาย
การบริหารจัดการข้อมูลแบบครบวงจรโดยอัตโนมัติ เพื่อระบบปฎิบัติการที่เรียบง่าย
เมื่อเครือข่ายมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การยกระดับระบบปฎิบัติการให้เรียบง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ให้บริการ ดังนั้น อีริคสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชั่นส์ Ericsson Dynamic Orchestration ให้สามารถรองรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี network slicing อย่างครบวงจรและโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่การสร้าง การทดสอบ และการนำไปใช้งานจริง เพื่อให้การเปิดให้บริการ 5G เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ โซลูชั่นส์ดังกล่าวยังได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ทำระบบอัตโนมัติบนเครือข่ายไฮบริด ทั้งสำหรับฟังก์ชันของเครือข่ายจริง (physical) ฟังก์ชันเสมือน (virtual) และฟังก์ชันแบบ container-based ในสภาพแวดล้อมที่มีอุปกรณ์จากผู้ผลิตหลายราย เพื่อให้ระบบสามารถประเมินผลกระทบและปรับเครือข่ายได้อย่างเหมาะสมแบบ real-time และเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดอยู่เสมอรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดคาดการณ์ว่า ปริมาณการส่งผ่านข้อมูลบนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัว ภายในปี 2024 โดยร้อยละ 25 ของการใช้งานเหล่านี้จะอยู่บนเครือข่าย 5G ทั้งนี้เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นและบริการรูปแบบใหม่บนเทคโนโลยี 5G อีริคสันจึงได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม 5G ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2017 และได้พัฒนาต่อยอดโซลูชั่นส์ใหม่ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
แพททริค วีเบล หัวหน้าฝ่ายโปรแกรม 5G บริษัทสวีสคอม กล่าวว่า “เนื่องจากเราได้ทำการพัฒนาเครือข่ายของเราสู่ 5G ดังนั้นเราจึงต้องการระบบปฎิบัติการที่เรียบง่าย ลดระยะเวลาในการเข้าสู่ตลาด และเปิดรับเครือข่ายสำหรับนวตกรรมใหม่ ๆ อีริคสัน dual-mode 5G Cloud Core ทำให้เราย้ายจากเครือข่าย 4G Core ไปสู่ 4G รวมกับ 5G ได้อย่างยืดหยุ่น ในขณะที่ยังคงบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้โซลูชั่นส์ Ericsson Dynamic Orchestration ยังสามารถลดเวลาในการทำ Network Slices จากปกติจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์ให้เสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงอีกด้วย” อัลเบิร์ท มาคิวร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายเครือข่าย บริษัทเอ็มทีเอ็น ไนจีเรีย กล่าวว่า “เครือข่าย transport ของเราใช้ไมโครเวฟเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมันมีความง่ายและเร็วรวดในการนำมาใช้ เราใช้ทั้งในส่วนของ backhaul ของ radio access และในส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ห่างไกลกับระบบ long haul ความสามารถของผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่อย่าง MINI-LINK 6200 สามารถช่วยให้เราจัดการค่าใช้จ่ายต่อปริมาณข้อมูลที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ”
แดริล ชูลาร์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการสาขาเทคโนโลยีเพื่อผู้ให้บริการ บริษัทโอวุม กล่าวว่า “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าสุดของอีริคสันยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป้าหมายในการทำให้ลูกค้าของพวกเขาสามารถเปลี่ยนผ่านจาก 4G ไปสู่ 5G ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม 5G ของอีริคสัน ยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการจากบริการใหม่ที่เป็นไปได้บนเครือข่าย 5G โดยในระยะแรกเน้นการให้บริการโมบายล์บรอดแบนด์ที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ร่วมกับบริการอินเทอร์เน็ตประจำที่ผ่านเครือข่ายไร้สาย โดยแพลตฟอร์ม 5G ดังกล่าว ถูกออกแบบให้สามารถปรับขยายได้ เพื่อรองรับบริการใหม่ในอนาคตเมื่อมีความพร้อมในการออกสู่ตลาด”
อีริคสันที่งาน Mobile World Congress 2019
ติดตามอีริคสันในงาน Mobile World Congress 2019 ที่เมืองบาร์เซโลน่า ตั้งแต่วันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตของนวตกรรม 5G และ IoT ซึ่งจะมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจจาก 5G และโชว์เคสใหม่ ๆ ที่จะยกระดับธุรกิจของผู้ให้บริการและประสบการณ์ลูกค้า รวมถึงอัพเดทข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มและคาดการณ์เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปัจจุบันและในอนาคต ติดตามไลฟ์สดได้ที่ www.ericsson.com/mwc
ที่มา : www.ericsson.com วันที่ : 21 กุมภาพันธ์ 2562
เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde ใหญ่และเงียบสมชื่อ1 ชั่วโมงที่แล้ว
Redmi Note 13 Pro+ World Champions Edition รุ่นพิเศษฉลองแชมป์3 ชั่วโมงที่แล้ว
ทำความรู้จัก HONOR X8b หน้าจอ 6.7 นิ้ว กล้องเซลฟี่ 50MP ชาร์จเร็ว 35 วัตต์7 ชั่วโมงที่แล้ว
เก็บโค้ดลดเพิ่ม ให้ช็อปบนเว็บไซต์ Mercular คุ้มค่ายิ่งขึ้น8 ชั่วโมงที่แล้ว
TCL จัดโปรโมชั่นเทศกาล Back to School แท็บเล็ต 3 รุ่น ซื้อรับของแถมไปเลย!!8 ชั่วโมงที่แล้ว
Boring Phone มือถือฝาพับ ดีไซน์สุดเรทโท เล่นเน็ต 4G ได้ สเปคออกมาเพื่อคนที่เบื่อสมาร์ทโฟน
Moto G64 5G สมาร์ทโฟนรุ่นแรกใช้ Dimensity 7025 พร้อมกล้อง 50MP กันสั่น OIS
OPPO และ OnePlus เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ AI อย่าง AI Eraser ทั่วโลก
Google Pixel 8a หลุดสเปคและฟีเจอร์เด็ด เตรียมเปิดตัวพร้อม Android 15
คุ้มไหมที่จะซื้อ? Samsung Galaxy Tab S6 Lite (2024) แท็บเล็ตโทรได้ ลำโพง Dolby ATMOS แบตฯ เยอะ