VMware NSX ยกระดับระบบงานอัตโนมัติ ขนาดของระบบในระดับคลาวด์สำหรับองค์กรและผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร

VMware เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ใน VMware NSX เพื่อขยายคุณประโยชน์ของเครือข่ายที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ซึ่งทำงานแบบอัตโนมัติ ตั้งโปรแกรมได้อย่างง่ายดาย และมีความปลอดภัยสูงให้แก่ทุกคนที่เกี่ยวข้องในโลกที่มุ่งเน้นแอปพลิเคชั่น ด้วยรีลีสใหม่ล่าสุดของ VMware NSX-T Data Center 2.4 และ NSX Cloud วีเอ็มแวร์จะช่วยให้สถาปนิก ผู้ควบคุมระบบเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัย และนักพัฒนาสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่าแนวทางที่ตายตัว ขาดความยืดหยุ่น และไม่ปลอดภัยของเครือข่ายที่กำหนดด้วยฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อและปกป้องแอปพลิเคชั่นในทุกๆ ที่ NSX Data Center รุ่นล่าสุดตอบสนองความต้องการสำหรับเครือข่ายคลาวด์แบบเสมือนจริงขององค์กรขนาดใหญ่และขนาดเล็ก และผู้ให้บริการด้านการสื่อสารจะสามารถใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพระดับคลาวด์ของ NSX เพื่อเร่งการปรับใช้ Network Function Virtualization (NFV)

ปัจจุบัน เทคโนโลยีไอทีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีการใช้งานระบบคลาวด์และคอนเทนเนอร์อย่างกว้างขวาง ขณะที่แอปพลิเคชั่น ดาต้าเซ็นเตอร์ และผู้ใช้กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วทุกที่ ข้อมูลจากการ์ทเนอร์ระบุว่า “ภายในปี 2563 องค์กรราว 75 เปอร์เซ็นต์จะปรับใช้ระบบมัลติคลาวด์หรือไฮบริดคลาวด์” นอกจากนี้ การ์ทเนอร์ยังคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลที่องค์กรสร้างขึ้นจะถูกสร้างและประมวลผลภายนอกดาต้าเซ็นเตอร์หรือระบบคลาวด์ส่วนกลาง แอปพลิเคชั่นที่ทันสมัยประกอบด้วยคอมโพเนนต์และบริการต่างๆ มากมายซึ่งอยู่บนระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน เลเยอร์ของเว็บและแอปพลิเคชั่นอาจรันอยู่บนคอนเทนเนอร์ในระบบคลาวด์สาธารณะ ขณะที่ข้อมูลของลูกค้าอาจถูกเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์บนระบบคลาวด์ภายในองค์กร และข้อมูลบัญชีอาจถูกเก็บไว้บนระบบเมนเฟรม

Virtual Cloud Network คืออนาคตของระบบเครือข่าย ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมเครือข่ายที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ โดยครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด และเชื่อมโยงองค์ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยติดตั้งได้อย่างง่ายดายด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว VMware NSX คือหัวใจสำคัญของ Virtual Cloud Network และนำเสนอการเชื่อมต่อที่ทั่วถึงและสอดคล้องกัน รวมถึงความปลอดภัยสำหรับแอพและข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะถูกเก็บไว้ที่ใดก็ตาม โดยแยกเป็นอิสระจากโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่รองรับ NSX ได้รับการใช้งานในองค์กรธุรกิจ 82 แห่งที่ติดอันดับ Fortune 100 และ 70 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อระบบคลาวด์และระบบรักษาความปลอดภัยของ AWS, Azure, IBM Cloud และ VMware Cloud on AWS แพลตฟอร์ม Networking Virtualization ดังกล่าวมีรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของวีเอ็มแวร์ เช่น VMware Cloud Foundation, VMware Cloud on AWS, VMware Enterprise PKS และ VMware vCloud NFV และจะครอบคลุมถึง AWS Outposts และ VMware Project Dimension ในอนาคต

ทอม จิลลิส รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนธุรกิจระบบเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “นักพัฒนาแอพต้องการเครือข่ายที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกเมาส์ครั้งเดียว และนั่นคือสิ่งที่จะได้รับจากระบบคลาวด์สาธารณะ VMware NSX มอบประสบการณ์เดียวกันนี้ให้กับระบบคลาวด์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์สาธารณะหรือคลาวด์ภายในองค์กร ด้วย Virtual Cloud Network ทั้งนี้ ด้วยการนำเสนอรีลีสใหม่ล่าสุดของ VMware NSX-T Data Center เราได้ยกระดับความสะดวกง่ายดายของระบบงานอัตโนมัติ พร้อมประสิทธิภาพที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ และฟีเจอร์ที่รองรับการติดตั้งระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก”

Network Virtualization เป็นหนทางเดียวที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดหาประสบการณ์แบบอัตโนมัติด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวอย่างที่นักพัฒนาต้องการ ด้วยการโยกย้ายความยุ่งยากซับซ้อนของการบังคับใช้นโยบายไปสู่ซอฟต์แวร์ จึงสามารถกำหนดค่าล่วงหน้าและปรับใช้โดยอัตโนมัติ และยกเลิกการใช้วิธีการแบบเดิมๆ ในการสร้างคำร้องขอการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวิศวกรเครือข่ายจะต้องประมวลผลด้วยตนเอง หลักการที่ว่านี้ในการปฏิบัติต่อโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายเสมือนเป็นโค้ดโปรแกรมจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ได้ทันที เพราะลดการใช้บุคลากร และเพิ่มความรวดเร็วในการนำเสนอแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ นอกจากนี้ Network Virtualization ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) อีกด้วย เมื่อมีการกำหนดขอบเขตของเครือข่ายในซอฟต์แวร์ VMware NSX ก็จะสามารถปรับปรุงการกระจายเวิร์กโหลดบนคลังทรัพยากรทางกายภาพที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมอย่างมาก ซึ่งจะช่วยปลดล็อคกำลังความจุที่ถูก “มองข้าม” ในเซ็กเมนต์เครือข่ายแบบฮาร์ดแวร์หรือ VLAN วีเอ็มแวร์ได้พัฒนาเครื่องมือที่ตรวจวัดการประหยัดค่าใช้จ่าย CAPEX นี้ และจากการสำรวจตรวจสอบลูกค้าระดับองค์กรหลายพันราย พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วสามารถลดค่าใช้จ่าย CAPEX ได้ราว 35 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ทำเวอร์ชวลไลซ์ให้กับระบบเครือข่าย