www.siamphone.com
แท็บเล็ต (Tablet) | วันที่ : 10 กรกฎาคม 2564
“ใครๆ ก็เป็น Content Creator ได้” เป็นประโยคที่กลายเป็นข้อเท็จจริงมากขึ้นทุกวัน เมื่อการใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นช่องทางการแสดงผลงานได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย มิหนำซ้ำยังหารายได้ได้อีกด้วย อาชีพ Content Creator จึงเป็นสิ่งที่แพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน ตามรายงานล่าสุดของ We Are Social ประเทศไทยมีผู้เข้าถึงโซเชียลมีเดียมากถึง 75% ของประชากรทั้งหมด หมายความว่าในตลาดนั้นมีการแข่งขันสูง เหล่าครีเอเตอร์จึงจำเป็นต้องมีทรัพยากรหรืออุปกรณ์ที่เหนือชั้นในการสร้างคอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค และอุปกรณ์นั้นก็ต้องเข้ากับวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของคนกลุ่มนี้อีกด้วย
วันนี้จะมาดูกันว่า ทำไม “แท็บเล็ต” เจ๋งๆ ถึงเป็นอุปกรณ์ที่นักสร้างสรรค์เขาใช้กัน
Content หมายถึง “เนื้อหา” หมายความว่าสิ่งที่ Content Creator ขายเป็นหลักคือสาระที่มีความน่าสนใจมากพอที่จะทำให้คนกดเข้ามาอ่าน รับฟัง หรือรับชม กว่า “เนื้อหา” จะเกิดขึ้นได้แปลว่าต้องมี “ไอเดีย” ก่อน แน่นอนว่าการนั่งอยู่หน้าคอมในออฟฟิศเฉยๆ ไม่ใช่วิธีที่จะเกิดไอเดียขึ้นได้แน่ๆ ครีเอเตอร์จึงมักออกไปหาความคิดสร้างสรรค์ตามสถานที่ต่างๆ นอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่เก๋ๆ ไว้ทำรีวิว และถ่ายรูป หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกิมมิคน่าสนใจ แม้กระทั่งช่วงที่จำเป็นต้องอยู่บ้านแบบนี้ ก็จะเห็นได้ว่าคอนเทนต์มักมาจากกิจกรรมที่ทำได้ในบริเวณบ้าน เช่น การสอนทำอาหารและขนม เป็นต้น อุปกรณ์ไอทีที่เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ที่ชีวิตไม่อยู่กับโต๊ะทำงานจึงต้องมีขนาดบางเบาจับถนัดแต่หน้าจอกว้างอย่างแท็บเล็ต
นอกจากเรื่องความบางเบาแล้ว แท็บเล็ตที่เป็นรุ่นท็อปของแบรนด์ต่างๆ ที่ออกมาล่าสุด ยังสามารถจับคู่กับคียบอร์ด และปากกาอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย เช่น Huawei MatePad Pro 12.6-inch ที่รองรับ Huawei M-Pencil (2nd generation) และ Huawei Smart Magnetic Keyboard โดยน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 609 กรัม ถึงติดคีย์บอร์ดแล้วก็ยังหนักไม่ถึง 1 กก. จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับครีเอเตอร์ที่จะใช้เพื่อพิมพ์เนื้อหาเสมือนคอมพิวเตอร์ หรือจดไอเดีย และออกแบบกราฟิกประกอบงานด้วยปากกา เช่น สายทำครัวอาจจะอัปเดตบล็อกด้วยสูตรอาหาร พร้อมวาดรูปอาหารประกอบได้ด้วยเครื่องเดียวเลย
เพราะอาชีพ Content Creator คืองานฟรีแลนซ์ที่ส่วนใหญ่มักเป็นนายตัวเอง การทำงานในแต่ละวันจึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าในตอนนั้นทำอะไรอยู่ เรียกได้ว่า Work กับ Live ไปด้วยกัน ทำให้ต้องทำทุกอย่างในเวลาเดียวกันบ่อยครั้งมาก เนื่องจากงานจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และสถานที่ ดังนั้นฟีเจอร์ Multi-tasking อัจฉริยะจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและมีประโยชน์สำหรับคนอาชีพนี้ อาทิ ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอจากแอปฯ เดียว ฟีเจอร์การแคสต์คอนเทนต์จากแล็ปท็อปมาที่แท็บเล็ต เป็นต้น
สายคอนเทนต์วิดีโอที่จำเป็นต้องออกกองถ่าย อาจจะต้องเปิดดูสคริปต์ และเบรคดาวน์ 2 ไฟล์ไปพร้อมกับการถ่ายงาน ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอจากแอปฯ เดียว หรือสำหรับหัวเว่ยจะเรียกว่า APP Multiplier จะทำให้การใช้แอปฯ ทำงานอย่าง WPS Office สามารถแสดงผลได้สองไฟล์พร้อมกันโดยแบ่งหน้าจอซ้าย-ขวา
ส่วนสายกราฟิก มัลติมีเดียที่ต้องพรีเซนต์งานนอกสถานที่กับลูกค้าอาจใช้วิธีแคสต์หน้าจอจากแล็ปท็อป ไปที่แท็บเล็ตแบบ Mirror Mode เพื่อให้ลูกค้าดูสไลด์ไปพร้อมกับที่ตนเองควบคุมพรีเซนเทชันเองได้ หรือระหว่างทำธุระข้างนอกแต่งานตัดต่อต้องส่งด่วน ก็สามารถใช้ Extend Mode แบ่งให้แท็บเล็ตกลายเป็นจอที่สอง เพื่อตัดงานส่งให้ทันเดดไลน์ได้ง่ายกว่าเดิม หากใช้อีโคซิสเต็มของหัวเว่ยก็สามารถใช้ Huawei MateBook Series และเชื่อมต่อกับ Huawei MatePad Pro 12.6-inch โดยทำ Multi-screen Collaboration ผ่าน Huawei Share ได้เลย กรณีนี้ยังสามารถทำงานในแท็บเล็ตแบบเร็วๆ แล้วส่งไฟล์ข้ามระบบปฏิบัติการด้วย Collaborate Mode ได้ด้วย
การสร้างสรรค์งานในฐานะนักเขียนหลังบ้าน บล็อกเกอร์ วล็อกเกอร์ หรือจะเป็นขั้นอินฟลูเอนเซอร์ แน่นอนว่าผลงานไม่ได้มีเพียงตัวอักษร เพราะช่องทางการนำเสนอเป็นโซเชียลมีเดียที่พึ่งภาพ เสียง และวิดีโอเป็นหลัก เดิมทีทุกอย่างสามารถทำได้บนแล็ปท็อป แต่นั่นหมายความว่าต้องถ่ายภาพ วาดภาพ หรืออัดวิดีโอจากอุปกรณ์อื่นมาก่อน แถมยังต้องใช้โปรแกรมราคาสูง และความสามารถในการทำงานเหล่านี้ แต่เมื่อมีการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ขึ้นมา ก็ทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น สามารถลงมือออกแบบหรือตัดต่อบนแท็บเล็ตเครื่องเดียวได้ง่ายๆ เลย
ปัจจุบันแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ ก็จะไม่พ้นการสร้างแอนิเมชัน การออกแบบกราฟิกตกแต่ง และการตัดต่อวิดีโอ แอปฯ แนะนำสำหรับการสร้างแอนิเมชันที่สามารถใช้ได้ทั้งคนที่ยังหัดวาด หรือมือโปรแล้วคือ FlipaClip นักครีเอทที่ใช้แท็บเล็ตพรีเมียมพร้อมปากกา ก็สามารถแสดงฝีมือง่ายๆ เพียงชมวิธีการสอนจากแอปฯ และทำตามได้เลย ด้านนักวาดภาพประกอบอาจจะเล่าเรื่องผ่านภาพด้วยการอวดผลงานที่สร้างผ่านแอปฯ อย่าง SketchBook ที่เมื่อสร้างผลงานเสร็จก็แชร์ขึ้นโซเชียลมีเดียโปรดได้ทันที ส่วนวล็อกเกอร์ นักรีวิว ต่างๆ ก็สามารถตัดต่อวิดีโอแบบ on-the-go บนแท็บเล็ต ได้ด้วยแอปฯ เช่น Film Maker Pro, Inshot, หรือ YouCut โดยแอปพลิเคชันทั้งหมดเหล่านี้สามารถหาได้บนทุกตลาดแอปพลิเคชันรวมถึง Huawei AppGallery
หลายคนอาจจะคิดว่าสุดท้ายการทำงานได้แม่นยำที่สุดอาจต้องใช้แล็ปท็อปอยู่ดี แต่อันที่จริงแล้วสามารถวางใจได้เพราะแท็บเล็ตยุคนี้เองก็ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีจอภาพให้แสดงสีของงานได้ชัดเจน อย่าง Huawei MatePad Pro 12.6-inch ที่ใช้ระบบสีมาตรฐาน DCI-P3 มีความแม่นยำของสี △E <0.5 ก็สามารถแสดงผลให้เห็นสีได้สมจริง ทั้งงานออกแบบ และวิดีโอ
ความบางเบา อุปกรณ์เสริมพร้อมฟีเจอร์ Multi-tasking และการรองรับแอปพลิเคชันเพื่อการใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้ และเรียกว่าสำคัญที่สุดสำหรับ Content Creator เลยก็คือการจัดการไฟล์ที่จะช่วยเก็บผลงานได้อย่างเป็นระบบระเบียบ สำหรับนักออกแบบ และนักวาดก็ต้องมีโฟลเดอร์ที่แยกจัดเก็บเวกเตอร์ และงานฉบับไฟนอลตามโฟลเดอร์ลูกค้าให้เป็นระเบียบ ส่วนงานภาพถ่าย และวิดีโอก็ต้องคัดแยกภาพ และฟุตที่ใช้ได้ ให้สามารถเข้าถึงและนำไปทำงานต่อได้ง่ายๆ เรียกได้ว่าหากขาดฟีเจอร์นี้ไปคงเสียเวลาในการทำงานมาก แท็บเล็ตรุ่นท็อปในปัจจุบันนอกจากได้รับการอัปเกรดให้มี File Manager ที่สามารถเก็บข้อมูลได้เสมือนแล็ปท็อป ยังรองรับระบบคลาวด์ที่สามารถขยายพื้นที่การจัดเก็บได้
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ File Management และ Cloud บนแท็บเล็ตคู่ใจเพื่องานสายครีเอเตอร์ ลองดู Huawei MatePad Pro 12.6-inch ที่เพิ่งวางจำหน่ายสีใหม่ Olive Green แบบสดๆ ร้อนๆ ในราคา 34,990 บาท ที่มาพร้อม Huawei M-Pencil (2nd generation) และ Huawei Smart Magnetic Keyboard กับของสมนาคุณมูลค่ารวม 3,427 บาท เมื่อซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 6 - 23 กรกฎาคม 2564 รับไปเลย Huawei Classic Backpack, Huawei Cloud (50GB ระยะเวลา 3 เดือน), Huawei VDO (ระยะเวลา 1 เดือน), WPS VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) และ FilmoraGo VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) โดยสั่งซื้อได้ที่ https://bit.ly/3hdozHe รวมถึง Huawei Store, JD Central, Lazada, Shopee, Huawei Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
พร้อมน้องใหม่ Huawei MatePad Pro 10.8-inch สำหรับคนรักความคล่องตัวอีกระดับที่พร้อมให้คุณได้เป็นเจ้าของแล้วในราคา 26,990 บาท และเมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่ 6 - 23 กรกฎาคม 2564 รับไปให้หนำใจกับ Huawei Smart Magnetic Keyboard, Huawei M-Pencil, Huawei Cloud (50GB ระยะเวลา 3 เดือน), Huawei VDO (ระยะเวลา 1 เดือน), WPS VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) และ FilmoraGo VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) มูลค่ารวม 10,717 บาท โดยสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ https://bit.ly/3hftfh2 Huawei Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์ม E-Commerce อย่าง JD Central, Lazada, Shopee
รายละเอียดเงื่อนไขโปรโมชันเพิ่มเติม https://bit.ly/3qEnJYy
วันที่ : 10 กรกฎาคม 2564
รีวิว Redmi A5 รุ่นเล็กแต่จอเกินเบอร์ รีเฟรช 120Hz แบบ AdaptiveSync พร้อมกล้อง AI 32MP11 นาทีที่แล้ว
vivo V50 Lite ในคอนเซ็ปต์ ‘แบตอึด จนขอท้า’ ในราคาไม่ถึงหมื่น6 ชั่วโมงที่แล้ว
Blackview BL7000 เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงพันธุ์แกร่ง 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง AI ระดับโลก21 ชั่วโมงที่แล้ว
OPPO Find N5 สมาร์ทโฟนจอพับที่บางที่สุด ยกระดับความทรงพลังในทุกมิติ ในราคา 6x,xxx22 ชั่วโมงที่แล้ว
Infinix NOTE 50 Series ชิปเซ็ต MediaTek D8350 พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว เปิดราคา 25 เมษายนนี้24 เม.ย. 68 09:00
รีวิว HUAWEI MatePad Pro 13.2” 2025 แท็บเล็ตตัวท็อปด้วยประสิทธิภาพดังแล็ปท็อป (PC-Like) ที่สุดของ...
ใหม่! HUAWEI MatePad 11.5 NEW แท็บเล็ตสุดคุ้ม พร้อมอัปเกรดการทำงานให้ลื่นไหลเหมือนพีซี
HUAWEI MatePad 11.5 NEW แท็บเล็ตมอบประสบการณ์แบบพีซี เอาใจวัยเรียนวัยทำงาน ราคาสบายกระเป๋า
เปิดตัว HUAWEI MatePad Pro 13.2 (2025) สู่ตลาดโลก หน้าจอ OLED PaperMatte คมชัด 2.8K 144Hz
รีวิว HUAWEI MatePad 11.5 New แท็บเล็ตที่รวมทุกฟังก์ชันของ PC ในดีไซน์บางเบาและพกพาง่าย
HUAWEI MatePad 11.5 NEW แท็บเล็ตราคาแค่หมื่นต้น จ่อคิวเปิดตัวเร็วๆ นี้
หลุดสเปค OnePlus 13s Snapdragon 8 Series, กล้อง 3 ตัว, ชาร์จไร้สาย 50W
ทำความรู้จัก POCO M7 Pro 5G หน้าจอ 120Hz รองรับ HDR10+ กล้องหลัง 50MP พร้อม RAM 24GB
realme Narzo 80 Pro 5G สมาร์ทโฟนชิปเซ็ต Dimensity 7400 จอสว่างวาบ 4500nits
POCO M7 Pro 5G สมาร์ทโฟน 5G กับชิป Dimensity 7025-Ultra อัปเกรดทุกด้าน ราคาคุ้ม