Sony เตรียมพลิกโฉมวงการเกมด้วยเทคโนโลยี SFT

Sony ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเกมคอนโซล สร้างความฮือฮาในวงการอีกครั้งด้วยการยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SFT หรือ Super Fungible Token ซึ่งถูกมองว่าเป็นการอัปเกรด NFT ให้เหนือล้ำขึ้นไปอีกขั้น

SFT มุ่งเป้าไปที่การปฏิวัติระบบการถือครองสินทรัพย์จำลองภายในเกม เช่น ไอเท็มต่าง ๆ โดยมอบอำนาจการควบคุมให้กับผู้เล่นอย่างเต็มรูปแบบ แนวคิดหลักคือการรวมไอเท็มชิ้นเล็กชิ้นน้อยในเกมต่าง ๆ เข้าด้วยกันเป็นโทเค็นเดียว โทเค็นตัวนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของไอเท็มชิ้นใดชิ้นหนึ่ง หรือคอลเล็กชันทั้งหมดของผู้เล่นก็ได้

จุดเด่นของ SFT คือระบบจะล็อกสินทรัพย์อื่น ๆ ที่รวมอยู่ภายในโทเค็นทันทีที่มีการเรียกใช้งานไอเท็มใดไอเท็มหนึ่งในเกม ยกตัวอย่างเช่น ผู้เล่นมีดาบหายาก 3 เล่มในเกม ระหว่างการเล่น ผู้เล่นสามารถเลือกใช้งานดาบได้เพียงเล่มเดียว หมายความว่าดาบอีก 2 เล่มที่ผู้เล่นเป็นเจ้าของและไม่ได้ถูกใช้งาน จะถูกล็อกภายในโทเค็นโดยอัตโนมัติ

ทาง Sony อธิบายเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายว่า ไอเท็มในเกมที่มีค่าสถานะหรือความสามารถแตกต่างกัน เปรียบเสมือน NFT ส่วน SFT เปรียบเสมือนกระดาษห่อ NFT อีกชั้นหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูล NFT ของผู้เล่นไว้บนบล็อกเชน สิ่งนี้ทำให้ผู้เล่นเป็นเจ้าของไอเท็มเหล่านั้นอย่างแท้จริง โดยที่ Sony เองก็ไม่สามารถอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของได้

นอกเหนือจากการมอบสิทธิความเป็นเจ้าของที่สมบูรณ์แก่ผู้เล่นแล้ว SFT ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายแลกเปลี่ยนไอเท็มอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้เล่นสามารถรวมชิ้นส่วนชุดเกราะหายากเข้าด้วยกันเป็น SFT และทำการขาย ซึ่งสะดวกกว่าการขายชิ้นส่วนทีละชิ้น ทั้งยังสะดวกต่อผู้ซื้อที่ไม่ต้องหาซื้อไอเท็มทีละส่วนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม Sony ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะนำระบบ SFT ไปใช้งานกับเกมใด แต่คาดการณ์กันว่า เกมแรกที่ใช้ระบบนี้อาจเป็นเกมที่ผลิตและจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Sony เอง

การยื่นจดสิทธิบัตร SFT ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Sony ที่ต้องการพลิกโฉมวงการเกมและมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือระดับแก่ผู้เล่น เทคโนโลยี SFT มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการถือครองและแลกเปลี่ยนไอเท็มในเกมอย่างสิ้นเชิง

แหล่งที่มา xfire