www.siamphone.com
อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) | วันที่ : 4 พฤศจิกายน 2567
ใครอยากสัมผัสประสบการณ์โลกใหม่ มาก้าวเข้าสู่โลกใหม่ได้ง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์ PICO 4 Ultra ภายใต้คอนเซ็ปต์ ความเป็นจริง ที่สมจริงยิ่งกว่า ซึ่งจะให้ผู้ใช้ได้เข้าสู่โลกเสมือนจริงระหว่าง (Virtual Reality - VR) และผสมความจริง (Mixed Reality - MR) ที่คุณสามารถใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกม, การท่องเที่ยว, การเรียนรู้, การพักผ่อนหย่อนใจฟังเพลง หรือรับชมภาพยนตร์ที่ชอบ หรือการออกแบบต่างๆ โดยจะพามาทำความรู้จักอุปกรณ์ดังกล่าวให้มากขึ้น
สำหรับ โลกเสมือนจริงระหว่าง (Virtual Reality - VR) และผสมความจริง (Mixed Reality - MR) คืออะไรแตกต่างกันอย่างไร?
ก่อนรู้จักอุปกรณ์ ต้องรู้จักสองแนวคิดนี้ก่อน เพราะเป็นสองเทคโนโลยีที่ใช้ภายในแว่น สำหรับ VR คือ การที่จะให้คุณเข้าไปสู่โลกเสมือนจริง ทุกอย่างที่เราเห็นผ่านแว่นจะเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมด้วยคอมพิวเตอร์ ต่างจาก MR ที่เป็นการนำเอาโลกแห่งความเป็นจริงและองค์ประกอบดิจิตอลมารวมกัน สามารถโต้ตอบกับสิ่งของและสภาพแวดล้อมทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและเสมือนได้เลย โดยใช้เทคโนโลยีการสัมผัสและสร้างภาพยุคใหม่ เพื่อความรู้สึกถึงความเป็นจริงมากขึ้นนั่นเอง
ความสมจริงของทั้งสองเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ด้วยเซนเซอร์ความแม่นยำสูง 3 ประเภท คือ
เซนเซอร์ทั้งสามประเภท ทำงานร่วมกับชิปเซ็ตประมวลผลที่เร็วแรงยิ่งขึ้น Snapdragon XR2 Gen 2 ที่มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม 20% และประสิทธิภาพของ GPU ดีขึ้น 250% เมื่อเทียบจากรุ่นก่อนหน้า กับ RAM ประเภท LPDDR5 ขนาด 12GB จึงทำให้การประมวลผลลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอปฯ, การเล่นเกม หรือการสลับแอปพลิเคชั่น เป็นต้น
เมื่อเข้าใช้งานในโหมด (Mixed Reality - MR) จะแสดงผลแบบสี ด้วยความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 22.5 PPD ที่กึ่งกลางภาพ มีการบิดเบือนของภาพต่ำ มีแนวเฟรมเรท MR สูงสุด 72Hz เพื่อแสดงผลลื่นไหล เป็นธรรมชาติ ทำงานร่วมกับอัลกอริทึมรับรู้สภาพแวดล้อม ที่ช่วยให้สามารถประมวลผลสภาพแวดล้อมรอบตัวได้เรียลไทม์ เพิ่มประสบการณ์ความสมจริงมากขึ้น
โหมดทำงาน PanoScreen ให้ทุกการทำงานรวดเร็ว และอิสระมากยิ่งขึ้น
PanoScreen รองรับหน้าต่างแบบขยายได้หลายหน้าจอ มาพร้อมมุมมองหน้าจอ 360 องศา มีคุณสมบัติการใช้งานแบบมัลติทาร์กได้หลายหน้าจอ และทำงานพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ แต่ละรายการมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขนาดหน้าจอได้สูงสุด 280 นิ้ว รองรับการโต้ตอบโดยใช้แป้นพิมพ์และเมาส์ภายนอก คอนโทรลเลอร์หรือมือ คุณสามารถสลับระหว่างวิธีการโต้ตอบต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
แอปฯ PICO Connect เชื่อมต่อทุกอย่างให้เป็นหนึ่งเดียว
แอปฯ PICO Connect รองรับการสะท้อนหน้าจอได้หลากหลายทั้งเครื่อง Mac, แพลตฟอร์มระบบ Windows หรือสมาร์ทโฟน iOS และ Android แสดงผลเดสก์ท็อป หรือหน้าจอหลักได้สูงสุด 3 เครื่องพร้อมกัน บนหน้าจอ Ultrawide โดยที่แต่ละหน้าต่างสามารถปรับขนาดความกว้างให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้ เพิ่มความยืดหยุ่นอิสระในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
สายสตรีมมิ่ง หรือสายคอนเทนต์ รวดเร็ว ไม่ขัดใจในการรอ
PICO 4 Ultra รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 7 เมื่อเชื่อมต่อกับเราเตอร์ Wi-Fi 7 ความเร็วในการรับส่งข้อมูลของอาจสูงถึง 3.0Gbps มีค่าความหน่วงในการสตรีมแบบไร้สายอาจต่ำถึง 5 มิลลิวินาที ลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
สำหรับสายวิดีโอ 3 มิติ ตัวแว่นก็รองรับด้วยนะ ครบจบในเครื่องเดียว
ตัวแว่น PICO 4 Ultra รองรับการแสดงผลวิดีโอและภาพ 3 มิติเชิงพื้นที่ที่ถ่ายด้วยอุปกรณ์จาก Apple iPhone และ Vision Pro เพราะรองรับการถอดรหัสไฟล์วิดีโอนามสกุล MV-HEVC ผ่านกล้อง HD คู่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล แสดงผลที่ความละเอียด 048 × 1536 พิกเซล ที่ 60 FPS ซึ่งสามารถบันทึกและแก้ไขได้ผ่านตัวแว่นเลย
แอปฯ เพียบ ดาวน์โหลดได้เองเลย แต่แอปฯ ฟรีน้อยนะ
เป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่ เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวต้องผ่านการพัฒนาที่ซับซ้อนและยุ่งยาก ถ้าเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี น่าจะใช้งานได้ไม่เต็มอิ่ม หรือเข้าใจง่ายๆ คือ มีข้อจำกัดต่างๆ นั่นเอง อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชั่น MR มีให้ดาวน์โหลดมากกว่า 40 แอปฯ ส่วน VR มีให้ดาวน์โหลดมากกว่า 650 แอปฯ
อยากเดินป่า ปีนเขา หรือสัมผัสแสงเหนือ ก็ไม่ต้องเดินทางไปหรอก
ตัวแว่น PICO 4 Ultra มีโหมดอิมเมอร์ซีฟ ที่จะใช้ AI จำลองสภาพแวดล้อมต่างๆ แบบสมจริง เหนือระดับสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบของสภาพแวดล้อม, แสงและเงา หรือเสียง รวมถึงระดับความสูงลึกต่างๆ เพื่อให้คุณรู้สึกถึงความสมจริงมากยิ่งขึ้น จะไปเที่ยวไหน หรืออยู่ตรงไหน ก็เหมือนคุณออกเดินทางไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ
อุปกรณ์ในกล่อง มีครบครันสามารถใช้งานได้ทันที โดยที่คุณแค่สวมแว่นตาบนศรีษะ และใช้คอนโทรลเลอร์ในการควบคุม
ตัวแว่น PICO 4 Ultra สามารถปรับสายรัดให้พอดีกับศีรษะของผู้ใช้ได้ โดยหมุนที่ล้อด้านหลังเพื่อปรับความกว้างของสายคาดหัว นอกจากนี้ด้านบนยังมีสายรัดช่วยเพิ่มความกระชับ ซึ่งเลื่อนปรับได้เช่นกัน
สำหรับดีไซน์จะเหมือนกับรุ่นก่อน แตกต่างที่ด้านหน้าจะมีกล้อง 3 ประเภท ตามที่เกริ่นข้างต้น จึงอาจแปลกๆ เล็กน้อย เมื่อมองจากภายนอก ส่วนน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย 580 กรัม (น้ำหนักรุ่นก่อนหน้า PICO 4 อยู่ที่ 586 กรัม)
ปุ่มเปิดเครื่องจะฝั่งขวาของแว่น ส่วนด้านซ้ายเป็นพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนถ่ายข้อมูล รวมถึงการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
หน้าจอขนาด 2.56 นิ้ว จำนวน 2 หน้าจอ เลนส์แบบแพนเค้ก (FoV) มุมมอง 105 องศา ความละเอียด 2160 x 2160 (x 2) พิกเซล (2100 PPI) สามารถเรนเดอร์ได้ที่ความละเอียด 1920 x 1920 พิกเซล (x 2) มีอัตราการรีเฟรช 90 Hz เลือกปรับระยะห่างรูม่านตา : 58-72 มม.
ตัวแว่นมีลำโพงสเตอริโอคู่ พร้อมไมโครโฟน 4 ตัว กับระบบเสียง Spatial Audio ที่จำลองเสียงรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ทำให้การรับรู้ในโลกเสมือนเป็นธรรมชาติมากขึ้น เสียงจากทิศทางต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างแม่นยำ เพิ่มความสมจริงในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นในเกมที่มีการต่อสู้ หรือการสำรวจโลกเสมือนจริง
แบตเตอรี่ของ PICO 4 Ultra มีความจุ 5700 mAh วางตำแหน่งอยู่ที่สายคาด ทำให้สวมใส่สบายมากยิ่งขึ้นและไม่รู้สึกหนักเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน โดยตัวแว่นมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45 วัตต์ คอนโทรลเลอร์ต่อข้างจะใช้แบตเตอรี่ด้วยถ่าน AA จำนวน 2 ก้อน
นอกจากนี้ PICO 4 Ultra สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม Motion Tracker เป็นเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวสำหรับสวมใส่บนข้อเท้า มาพร้อมสายรัดยืดหยุ่นแบบเลื่อนปรับได้ มีน้ำหนักเบาเพียง 27 กรัมต่อข้าง สำหรับใช้ร่วมกับเกม หรือแอปพลิเคชันบางประเภทที่ต้องจับการเคลื่อนไหวบริเวณเท้าด้วย
วิธีการทำงานของอุปกรณ์ PICO Motion Tracker เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ตัวอุปกรณ์จะจับคู่กับ PICO 4 Ultra ทันที ทั้งยัง Calibrate เริ่มใช้งานง่ายด้วย เมื่อสวมใส่เสร็จแล้ว แค่ก้มมองไปที่ตัวอุปกรณ์ ก็สามารถใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ถ้าใครมี PICO 4 รุ่นก่อนหน้า ก็สามารถใช้งานร่วมกับ PICO Motion Tracker รุ่นนี้ได้เช่นกัน
ราคาวางจำหน่ายและโปรโมชั่น
สำหรับราคาของแว่น PICO 4 Ultra มีค่าตัวอยู่ที่ 19,990 บาท และ PICO Motion Tracker อยู่ที่ 2,990 บาท สามารถทดลองเล่น หรือจับสินค้าจริง ก่อนตัดสินใจซื้อได้ที่ PICO Display Zone ที่เซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 4), เซ็นทรัล เวสต์เกต (ชั้น 2) และเมกาบางนา (ชั้น 2)
วันที่ : 4 พฤศจิกายน 2567
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone3 ชั่วโมงที่แล้ว
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ5 ชั่วโมงที่แล้ว
vivo Y200 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กสายแกร่ง พร้อมท้าทุกการใช้งาน ยาวนาน 4 ปีเต็ม21 ชั่วโมงที่แล้ว
Honor MagicPad 2 พบกับแท็บเล็ตจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 321 ชั่วโมงที่แล้ว
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีติดไว้23 ชั่วโมงที่แล้ว
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีติดไว้
ทำความรู้จัก HONOR X7c หน้าจอ 6.77 นิ้ว กล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล ทนน้ำมาตรฐาน IP64
รีวิว realme GT 7 Pro ชิปเซ็ตตัวท็อป Snapdragon 8 Elite รุ่นแรกในไทย ดีไซน์สีสวยสด หน้าจอ 120Hz แ...
รีวิว HUAWEI Watch D2 สมาร์ทวอทช์ที่ยกระดับการตรวจวัดความดันโลหิตด้วย ABPM ตัวแรกของโลก
Beats Pill x Kim Kardashian ส่ง 2 สีพิเศษ เพิ่มความลักชูแบบเซเลบดัง