www.siamphone.com

ข่าว

รีวิว OPPO Reno14 Series 5G อัปเกรดกล้องพอร์ตเทรตด้วย AI ไปอีกขั้น พร้อม Pad SE แท็บเล็ตคู่ใจสายเรียนและทำงาน

สมาร์ทโฟน (Smartphone)   |   วันที่ : 28 มิถุนายน 2568

OPPO ยังคงเดินหน้าเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้สมาร์ตโฟนยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่อย่าง OPPO Reno14 Series 5G และ OPPO Pad SE ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายทางไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสายถ่ายพอร์ตเทรตกลางคืน, สายเกมที่ต้องการความแรงแบบลื่นไหล หรือสายใช้งานแบบชิวๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ดูหนัง เล่นเกม หรือเรียนออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งวันนี้ทาง Siamphone จะมารีวิวของใหม่แกะกล่องทั้ง 3 รุ่นใน ได้แก่ OPPO Reno14 F 5G, OPPO Reno14 5G และ OPPO Pad SE โดยแต่ละรุ่นจะมีความต่างและจุดเด่นเฉพาะที่ชัดเจน มาพร้อมเทคโนโลยี AI ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ในแบบที่สัมผัสได้ทันทีตั้งแต่เริ่มใช้ รีวิวนี้จะพาไล่ดูทุกฟีเจอร์เด่นๆ ของแต่ละรุ่น เพื่อช่วยให้คุณเลือกรุ่นที่ใช่ในแบบที่ชอบได้ง่ายขึ้น

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ถ่ายสวยแบบ Y2K ด้วย AI แฟลชอัจฉริยะ + AI แต่งภาพ

OPPO Reno14 F 5G ยกระดับการถ่ายพอร์ตเทรตไปอีกขั้นด้วยระบบแฟลชที่สว่างที่สุดในเรทราคาเดียวกัน โดยมาพร้อมไฟแฟลชคู่ทั้งกล้องหลักและกล้อง Ultra-Wide สามารถให้ความสว่างเพิ่มขึ้นถึง 100% ในระยะ 1 เมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เรียกได้ว่าเป็นระดับความสว่างที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนในขณะนี้ จุดเด่นของ OPPO Reno14 F 5G ยังอยู่ที่การถ่ายภาพกลางคืนได้คมชัด มีมิติ สกินโทนดูละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งไฟเสริมหรือแอปฯ แต่งรูปภายนอก

OPPO Reno14 5G มาพร้อมกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 3.5x หนึ่งเดียวในเรตราคาระดับกลาง สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้อย่างคมชัด มีมิติ และโฟกัสได้แม่นยำในทุกระยะ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล พร้อมให้โบเก้ละลายฉากหลังสวยราวกับใช้กล้องโปร โดยให้ภาพที่ดูนุ่มนวลไม่หลอกตา เพราะเลนส์ Periscope นั้นสามารถเก็บระยะความลึกได้สมจริงยิ่งกว่าเลนส์ธรรมดา และมีแฟลชเฉพาะของตัวเองเพื่อให้แสงพุ่งตรงเข้าหน้าได้แม้ในมุมที่แฟลชทั่วไปไปไม่ถึง กล้องหลักและ Ultra-Wide ของ OPPO Reno14 5G ยังติดตั้งระบบแฟลชที่สว่างขึ้นกว่าเดิมถึง 100% ในระยะ 1 เมตร และแฟลชของกล้อง Telephoto สามารถยิงสว่างได้มากขึ้นถึง 1,000% ในระยะ 2 เมตร ซึ่งถือว่าสูงสุดในระดับอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนเวลานี้

ทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G มาพร้อมระบบ AI แก้ไขภาพอัจฉริยะ 2.0 ที่ช่วยยกระดับการถ่ายภาพให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแบบอัตโนมัติ ตั้งแต่ฟีเจอร์ AI Recompose ที่จัดเฟรมภาพและองค์ประกอบให้น่าสนใจมากขึ้น, AI ปรับใบหน้าอัตโนมัติ เพื่อให้สกินโทนเนียนละมุนดูเป็นธรรมชาติ, ไปจนถึง AI Eraser 2.0 ที่ลบคน วัตถุ หรือเงาสะท้อนที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมี AI Unblur สำหรับคืนความชัดให้กับภาพที่หลุดโฟกัส รวมถึงรองรับ AI LivePhoto 2.0 ที่สามารถเก็บภาพเคลื่อนไหวสั้น ๆ พร้อมแชร์ลง Instagram ได้ทันที โดยทุกฟีเจอร์นี้ถูกรวมอยู่ในแอปกล้องหลักของเครื่อง ไม่ต้องโหลดเพิ่ม ใช้งานง่ายทั้งสำหรับมือใหม่และสายคอนเทนต์

ดีไซน์บาง เบา ลวดลายหางปลาโดดเด่นทุกมิติ

ทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นในแบบของตัวเอง โดยยังคงคอนเซปต์ลวดลาย “หางปลาพลิ้วไหว” ที่เปล่งแสงแวววาวบนฝาหลัง ผ่านกระบวนการเคลือบถึง 12 ชั้นอย่างประณีต แต่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างชัดเจนเมื่อสัมผัส โดย OPPO Reno14 F 5G ใช้พื้นผิวแบบมันเงา (Glossy) ที่สะท้อนแสงระยิบระยับ ให้ความรู้สึกสนุก สดใส เหมาะกับสายแฟชั่นหรือผู้ที่ชอบสมาร์ตโฟนที่สวยเด่น

ส่วน OPPO Reno14 5G ใช้ฝาหลังกระจกกํามะหยี่แบบด้าน (Silky Glass) ที่ให้สัมผัสนุ่มมือและไม่เก็บรอยนิ้ว พร้อมขอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมเกรดอวกาศ ที่แข็งแรงกว่าพลาสติกเดิมถึง 36% เสริมด้วยโครงสร้าง Bionic Foam สำหรับดูดซับแรงตกกระแทก

OPPO Reno14 F 5G บางเพียง 7.69 มม. และเบาเพียง 180 กรัม ในขณะที่ OPPO Reno14 5G มีความบางอยู่ที่ 7.42 มม. และน้ำหนัก 187 กรัม ซึ่งถือว่าบางกว่า OPPO Reno14 F 5G เล็กน้อย ทั้ง 2 รุ่นถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่บางเบาแม้จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,000mAh

สำหรับ OPPO Reno14 F 5G มีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่

  • สีชมพู Glossy Pink
  • สีฟ้า Opal Blue
  • สีเขียว Luminous Green

ส่วน OPPO Reno14 5G จะมีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่

  • สีขาว Opal White
  • สีเขียว Luminous Green

ระบบระบายความร้อน AI ช่วยควบคุมอุณหภูมิระหว่างเกม

ทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G มาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดย OPPO Reno14 F 5G ใช้ AI Ultra-thin Dual-Drive Cooling System ที่ช่วยให้เครื่องบางแต่ยังระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วน OPPO Reno14 5G ใช้วัสดุนำความร้อนขั้นสูง เช่น กราไฟต์เกรดอวกาศและ Vapor Chamber แบบพิเศษ ผสานกับระบบ AI Nano Dual-Drive Cooling ช่วยคงอุณหภูมิให้นิ่งแม้เล่นเกมนานในที่อากาศร้อน

เชื่อมต่อไหลลื่นแม้สัญญาณอับด้วย AI LinkBoost

การเล่นเกมจะไม่สะดุดแม้อยู่ในที่ที่สัญญาณอับหรือสัญญาณแออัด เพราะทั้ง 2 รุ่นมาพร้อม AI HyperBoost 2.0 ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของเฟรมเรต และยังเสริมด้วย AI LinkBoost 3.0 ที่ช่วยเพิ่มความแรงและความนิ่งของสัญญาณเครือข่ายในแบบเรียลไทม์ โดย OPPO Reno14 5G ยังมี AI Frame Booster สำหรับสร้างเฟรมระหว่างภาพให้การแสดงผลนุ่มนวล และ AI Game Highlights ที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญในเกมได้อัตโนมัติ เหมาะกับทั้งสายเล่นและสายแชร์

แบตอึดจัดเต็ม พร้อมชาร์จไวแบบไม่ต้องรอนาน

OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000mAh ที่รองรับการเล่นเกมได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 10 ชั่วโมงต่อรอบ โดย OPPO Reno14 F 5G รองรับชาร์จไว 45W SUPERVOOC ที่ใช้เวลาสั้นพอสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ส่วน OPPO Reno14 5G จัดเต็มกว่า ด้วย 80W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จเต็มใน 48 นาที และเพียงแค่ 10 นาทีแรกก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปหลายชั่วโมง ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเล่นเกมหรือใช้งานหนักแค่ไหน ก็ไม่ต้องคอยเสียบสายบ่อย

ColorOS x Gemini ระบบปฏิบัติการฉลาด ลื่นไหล ทำงานได้มากขึ้นในเวลาน้อยลง

OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G มาพร้อม ColorOS 15.0.2 ที่ลื่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน โดยใช้เอนจินใหม่อย่าง Trinity Engine และ Luminous Rendering Engine ที่ช่วยให้แอนิเมชันและการเปิดแอปลื่นไหล ไม่สะดุด ที่พิเศษคือทั้งสองรุ่นรองรับการทำงานร่วมกับ Google Gemini AI Assistant ที่ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นในระดับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้สรุปบทสนทนา ประชุม จดโน้ต หรือแปลภาษาได้ทั้งจากเสียงและภาพถ่ายผ่าน Google Lens

AI Super Tool Box เครื่องมืออัจฉริยะที่พร้อมช่วยให้ทำงานได้ไวขึ้นทุกวัน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทั้ง 2 รุ่นมีเหมือนกันคือ AI Super Tool Box ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟังก์ชันที่จำเป็นได้จากขอบจอแบบรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเครื่องคิดเลข, กล้อง, การจับภาพหน้าจอ, การเปิดแอปฯ คู่ หรือการบันทึกเสียง ทุกอย่างสามารถทำได้แบบ Multitasking โดยไม่ต้องออกจากแอปฯ หลักที่ใช้อยู่ ระบบนี้ช่วยให้การทำงานในชีวิตประจำวันไวขึ้น เหมาะกับผู้ใช้ที่ชอบความคล่องตัว โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา หรือสายทำงานที่ต้องใช้สมาร์ตโฟนเป็นเครื่องมือ Productivity หลัก ไม่ว่าจะใช้รุ่นไหนก็ได้ฟีเจอร์นี้ครบเหมือนกัน

สเปคเบื้องต้นของ OPPO Reno14 F 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง
    • สี Opal Blue : 158.12 × 74.97 × 7.78 มม.
    • สี Glossy Pink : 158.12 × 74.97 × 7.69 มม.
    • สี Luminous Green : 158.12 × 74.97 × 7.74 มม.
  • น้ำหนัก : 180 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : AMOLED ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2372 x 1080 พิกเซล), รองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, ความสว่างทั่วไป 600 nits, สูงสุด 1400 nits (HBM), ความหนาแน่นพิกเซล 397 PPI, รองรับ 10-bit Color Depth (1.07 พันล้านสี), ขอบเขตสี 100% DCI-P3, รองรับ DC Dimming (>70 nits), PWM Dimming (<70 nits)
  • ชิปเซ็ต : Snapdragon® 6 Gen 1 Octa-core (4nm)
  • GPU : Adreno 710
  • RAM : 12GB (LPDDR4X)
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB (UFS 3.1)
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย ColorOS 15.0
  • ซิม : รองรับ Dual SIM (nano + nano)
  • กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่
    • กล้องหลัก : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony IMX882, ระยะเลนส์เทียบเท่า 26 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/2.8” รูรับแสง f/1.8, รองรับกันสั่น OIS
    • กล้อง Ultra-Wide : ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ OV08D, ระยะเลนส์เทียบเท่า 16 มม., รูรับแสง f/2.2
    • กล้อง Macro : ความละเอียด 2MP เซนเซอร์ OVB02B, ระยะเลนส์เทียบเท่า 22 มม., รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 32MP เซนเซอร์ Samsung S5KJN5, ระยะเลนส์เทียบเท่า 21 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/3.1”, รูรับแสง f/2.0, รองรับ Auto Focus
  • ระบบความปลอดภัย : เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ, ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 5 (802.11ac), Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, 5G SA/NSA, 4G LTE, Bluetooth 5.1, USB Type-C, GPS, Galileo, GLONASS, BeiDou, QZSS, NFC
  • ระดับการทนน้ำทนฝุ่น : IP69
  • พอร์ต : USB Type-C
  • แบตเตอรี่ : 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC

สเปคเบื้องต้นของ OPPO Reno14 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง
    • สี Opal White : 157.90 × 74.73 × 7.42 มม.
    • สี Luminous Green : 157.90 × 74.73 × 7.42 มม.
  • น้ำหนัก : 187 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2760 × 1256 พิกเซล), รองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, ความสว่างทั่วไป 600 nits, สูงสุด 1200 nits (HBM), ความหนาแน่นพิกเซล 460 PPI, รองรับ 10-bit Color Depth (1.07 พันล้านสี), ขอบเขตสี 100% DCI-P3, รองรับ DC Dimming (>70 nits), PWM Dimming (<70 nits), ผ่านมาตรฐาน HDR10+
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 8350
  • GPU : Mali-G68 MC4
  • RAM : 12GB (LPDDR4X)
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB / 512GB (UFS 3.1)
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย ColorOS 15.0
  • ซิม : รองรับ Dual Nano-SIM พร้อม eSIM
  • กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่
    • กล้องหลัก : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony IMX882, ระยะเลนส์เทียบเท่า 26 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/1.95”, รูรับแสง f/1.8, รองรับกันสั่น OIS
    • กล้อง Ultra-Wide : ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ OV08D, ระยะเลนส์เทียบเท่า 15 มม., รูรับแสง f/2.2, รองรับ Auto Focus
    • กล้อง 3.5x Telephoto : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Samsung S5KJN5, ระยะเลนส์เทียบเท่า 80 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/2.75”, รูรับแสง f/2.8, รองรับ OIS
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Samsung S5KJN5, ระยะเลนส์เทียบเท่า 21 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/2.75”, รูรับแสง f/2.0, รองรับ Auto Focus
  • ระบบความปลอดภัย : เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ, ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
  • การเชื่อมต่อ : รองรับ 5G SA/NSA, 4G LTE, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC, USB Type-C, GPS, Beidou, Galileo, GLONASS, QZSS
  • ระดับการทนน้ำทนฝุ่น : IP66 / IP68 / IP69
  • พอร์ต : USB Type-C
  • แบตเตอรี่ : ความจุ 6000mAh, รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC

OPPO Pad SE เชื่อมอุปกรณ์ได้ข้ามระบบ พร้อมแบตอึด จอถนอมสายตาเต็มอิ่มทุกมุมมอง

สำหรับใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตไว้ใช้คู่กับสมาร์ตโฟนในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเพื่อเรียน ทำงาน หรือดูซีรีส์ OPPO Pad SE ถือเป็นตัวเลือกที่ครบจบในงบไม่ถึงหมื่น ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับอุปกรณ์รอบตัวได้ลื่นไหล และมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดในราคาระดับเดียวกันอยู่ได้นานตลอดวัน เหมาะมากสำหรับใครที่อยากได้ความสะดวกแบบมืออาชีพโดยไม่ต้องวุ่นวายกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อน

OPPO Pad SE มาพร้อมหน้าจอขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 1920 × 1200 พิกเซล บนพาเนล LCD ที่แสดงผลได้คมชัดและสบายตา รองรับอัตรารีเฟรชเรต 90Hz และการรับรองถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland ทั้ง Low Blue Light และ Flicker-Free ช่วยให้ใช้งานได้นานโดยไม่ล้าตา พร้อมลำโพง 4 ตัวรองรับ Dolby Atmos ให้เสียงกระหึ่มรอบทิศ ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรือประชุมผ่านวิดีโอคอล

ในด้านการเชื่อมต่อ OPPO Pad SE รองรับการทำงานแบบไร้รอยต่อกับสมาร์ตโฟนผ่านฟีเจอร์อย่าง O+ Connect ที่ช่วยให้การแชร์ไฟล์ รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอจากสมาร์ตโฟน OPPO ไปยังแท็บเล็ตทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพึ่งแอปฯ ภายนอก และยังสามารถใช้งานฟีเจอร์อย่าง Communication Sharing, Screen Mirroring และ Drag-and-drop Files เพื่อแสดงหน้าจอมือถือบนแท็บเล็ต หรือรับสาย-ส่งข้อความข้ามอุปกรณ์ได้ราวกับใช้ระบบเดียวกัน ทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่าย แม้ใช้อุปกรณ์หลายชิ้นร่วมกัน

ด้านประสิทธิภาพ OPPO Pad SE ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 680 (6nm) พร้อม RAM ขนาด 6GB และความจุภายใน 128GB รองรับ microSD เพิ่มได้สูงสุดถึง 1TB ใช้งานทั่วไปลื่นไหลไม่สะดุด รองรับการเรียน ประชุม เล่นโซเชียล หรือใช้แอปฯ พร้อมกันได้สบาย พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 9,340mAh ที่รองรับการชาร์จไว 33W SUPERVOOC ใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องพกที่ชาร์จให้หนักกระเป๋า และด้วยความสามารถในการใส่ซิม LTE ทำให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ ไม่ต้องง้อ Wi-Fi อีกต่อไป

OPPO Pad SE มาพร้อมกันสองรุ่น ได้แก่ รุ่น WiFi และรุ่น LTE ในรุ่น Wi-Fi มาพร้อม 2 สีดูดีมีสไตล์ คือ สีเงิน Starlight Silver และสีน้ำเงิน Twilight Blue ในขณะเดียวกันสำหรับในรุ่น LTE โดดเด่นในสีเงิน Starlight Silver

สเปคเบื้องต้นของ OPPO Pad SE

  • ขนาด : 254.91 × 166.46 × 7.39 มม.
  • น้ำหนัก : 530 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : LCD ขนาด 11 นิ้ว, อัตราส่วนหน้าจอ 16:10, ความละเอียด 2K (1920 x 1200 พิกเซล), รองรับอัตราการรีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 500 nits, ความหนาแน่นพิกเซล 207 PPI, รองรับ TÜV Rheinland Eye Comfort
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Helio G100
  • GPU : Arm Mali-G57 MC2
  • RAM : 4GB (LPDDR4X)
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 128GB (UFS 2.2)
  • microSD Card : รองรับสูงสุด 1TB
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 15.0.1
  • กล้องหลัง : ความละเอียด 5MP, รูรับแสง f/2.2, รองรับ Auto Focus
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 5MP, รูรับแสง f/2.2
  • การเชื่อมต่อ : LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.4, USB Type-C, GPS
  • ลำโพง : 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos
  • พอร์ต : USB Type-C
  • แบตเตอรี่ : 9,340mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ส่วน OPPO Reno14 5G มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 157.90 × 74.73 × 7.42 มม. (สี Opal White) และ 157.90 × 74.73 × 7.42 มม. (สี Luminous Green) น้ำหนัก 187 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.59 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1256 × 2760 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรซเรทสูงสุด 120Hz

ด้านบนของหน้าจอทั้ง 2 รุ่น เป็นกล้องหน้าเจาะรูแบบ Punch-hole โดย OPPO Reno14 F 5G มีความละเอียด 32MP พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.0 ส่วน OPPO Reno14 5G มีความละเอียด 50MP พร้อมรูรับแสง f/2.0 เหนือขึ้นไปบริเวณขอบจอเป็นลำโพงเสียง รอบตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น ประกอบไปด้วย

  • ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
  • ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ
  • ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power สำหรับล็อคหน้าจอและเปิด-ปิด, รีสตาร์ทเครื่อง
  • ด้านล่างของตัวเครื่อง ทางซ้ายสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Dual SIM รองรับ Nano SIM 2 ช่อง ถัดมาเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน พอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง และทางขวาเป็นลำโพงเสียง
  • ด้านหลังของตัวเครื่องจะพบกับฝาหลังดีไซน์หางปลาพลิ้วไหวที่เปล่งแสงแวววาวชวนหลงไหล โมดูลกล้องดีไซน์สี่เหลี่ยมขอบโค้งมนที่สมมาตรกับดีไซน์ของตัวเครื่อง บริเวณด้านในรอบขอบเลนส์กล้องของ OPPO Reno14 Series สี Opal Blue และสี Opal White ทำการออกแบบให้ขอบเลนส์กล้องเป็นสีตามตัวเครื่อง เป็นการเพิ่มลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูสวยสะดุดตามากขึ้น โดยความพิเศษของ OPPO Reno14 5G คือมีไฟแฟลชเพิ่มมาให้อีก 1 ตัว และทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว
    •  OPPO Reno14 F 5G
      • กล้องหลัก : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony IMX882, ระยะเลนส์เทียบเท่า 26 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/2.8” รูรับแสง f/1.8, รองรับกันสั่น OIS
      • กล้อง Ultra-Wide : ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ OV08D, ระยะเลนส์เทียบเท่า 16 มม., รูรับแสง f/2.2
      • กล้อง Macro : ความละเอียด 2MP เซนเซอร์ OVB02B, ระยะเลนส์เทียบเท่า 22 มม., รูรับแสง f/2.4
    • OPPO Reno14 5G
      • กล้องหลัก : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony IMX882, ระยะเลนส์เทียบเท่า 26 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/1.95”, รูรับแสง f/1.8, รองรับกันสั่น OIS
      • กล้อง Ultra-Wide : ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ OV08D, ระยะเลนส์เทียบเท่า 15 มม., รูรับแสง f/2.2, รองรับ Auto Focus
      • กล้อง 3.5x Telephoto : ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Samsung S5KJN5, ระยะเลนส์เทียบเท่า 80 มม., ขนาดเซนเซอร์ 1/2.75”, รูรับแสง f/2.8, รองรับ OIS

OPPO Pad SE มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 254.91 x 166.46 x 7.39 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 530 กรัม หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว บางเพียง 7.39 นิ้ว ถือว่ามีความบางและมีน้ำหนักที่กำลังดี ทำให้พกพาสะดวก ตัวเครื่องจับแล้วรู้สึกถึงวัสดุที่มีความพรีเมียมและทนทานสูง ถือจับถนัดมือ โดยกล้องหน้าความละเอียด 5MP วางในตำแหน่งแนวนอน รอบเครื่องประกอบไปด้วย

  • ด้านบนของตัวเครื่อง มีลำโพงเสียงอยู่ข้างซ้าย-ข้างขวา ถัดมาด้านขวาเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิด/ล็อกหน้าจอ หรือรีสตาร์ท
  • ด้านล่างของตัวเครื่อง มีลำโพงเสียงอยู่ข้างซ้าย-ข้างขวา ถัดมาเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จและโอนถ่ายข้อมูลอยู่บริเวณตรงกลาง
  • ด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ถัดลงมาเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และในรุ่น LTE จะมีช่องใส่ microSD card และ nano SIM card เพื่อรองรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่
  • ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ
  • ด้านหลังของตัวเครื่อง บริเวณตรงกลางมี โมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกล้องหลัง ความละเอียด 5MP พร้อมโลโก้ OPPO วางอยู่บริเวณกึ่งกลางของฝาหลัง ดีไซน์ตัวเครื่องทำออกมาแบบเรียบแต่หรู ออกแบบให้สีด้านบนมีความเข้มมากกว่าเพื่อตัดกับสีด้านล่าง ทำให้ดูมีมิติและน่าสนใจมากขึ้น

 

ราคาและการวางจำหน่าย

OPPO Reno14 5G มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Opal White และสีเขียว Luminous Green ราคาและความจุดังนี้

  • ความจุ 12GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 16,999 บาท
  • ความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา  18,999 บาท

OPPO Reno14 F 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีชมพู Glossy Pink สีฟ้า Opal Blue สีเขียว Luminous Green ราคาและความจุดังนี้

  • ความจุ 12GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 12,999 บาท
  • ความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 14,999 บาท

OPPO Reno14 Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว Opal White และสีเทา Titanium Grey มาพร้อมความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 24,999 บาท

OPPO Pad SE มาพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น WiFi และรุ่น LTE 

ในรุ่น Wi-Fi มาพร้อม 2 สีดูดีมีสไตล์ คือ สีเงิน Starlight Silver และสีน้ำเงิน Twilight Blue วางจำหน่ายในราคา 5,999 บาท สำหรับในรุ่น LTE โดดเด่นในสีเงิน Starlight Silver วางจำหน่ายในราคา 6,999 บาท

วันที่ : 28 มิถุนายน 2568

55
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version