www.siamphone.com

ข่าว

รีวิว Xiaomi Mi 8 ฉลองครบ 8 ปีด้วยสมาร์ทโฟนตัวท็อปของค่าย มีสแกนหน้า 3 มิติ พร้อมกล้องหลังคู่ AI และ Dual GPS ตัวแรกของโลก

สมาร์ทโฟน (Smartphone)   |   วันที่ : 21 สิงหาคม 2561

รีวิวโทรศัพท์มือถือ Xiaomi Mi 8 - เสียวหมี่

Xiaomi Mi 8 สมาร์ทโฟนตัวท็อปแห่งแบรนด์เสียวหมี่เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 8 ปีไปในตัว ชูจุดเด่นด้วยรอยบากที่ฝังเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างระบบสแกนใบหน้า 3 มิติ กับ IR Face Unlock ทำงานบนชิปเซ็ตตัวแรงสุด Qualcomm Snapdragon 845, RAM 6GB, ROM 64GB พร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ผสมผสานเข้ากันกับ AI ที่จดจำฉากได้มากถึง 25 ซีน

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ดีไซน์ของ Xiaomi Mi 8 มีความโค้งมนทั้ง 4 ด้าน มีความบางเฉียบจากตัวเครื่องเพื่อให้การสัมผัสของเรากระชับมือยิ่งขึ้น ขณะที่ด้านหลังแม้จะเป็นกระจกแต่ก็ยังมีความหนืดไม่หลุดมือง่ายๆ แน่นอน มีขนาดตัวเครื่อง 154.9 x 74.8 x 7.6 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 175 กรัม

Xiaomi Mi 8 มาพร้อมหน้าจอรอยบากที่ฝังเทคโนโลยีสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติไว้ โดยมีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6.21 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราสวน 19:9

 

เหนือหน้าจอเป็นรอยบากที่ฝังเทคโนโลยีต่างๆ ไว้มากมาย เริ่มจากกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, ระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ลำโพงสำหรับสนทนา แสงอิฟราเรด และเลนส์อินฟราเรดเพื่อใช้สแกนใบหน้าในที่มืด

ด้านล่างได้นำปุ่มนำทางไว้ในหน้าจอ และมีขอบดำที่ค่อนข้างบาง

ทางซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง

 ** กรุณาตรวจสอบรุ่นมือถือที่รองรับเครือข่าย 3G, 4G อีกครั้ง **

ที่ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง แลัปุ่มปลดล็อค-ปิดเครื่อง

ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, ช่องเชื่อมต่อข้อมูลแบบ USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1

ส่วนด้านบนไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน

และด้านหลังของตัวเครื่องเป็นกล้องคู่แนวตั้งที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง พร้อมไปแฟลชคู่ที่อยู่ระหว่างกลางกล้องทั้ง 2 เลนส์ ส่วนระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ถัดมาที่กลางตัวเครื่อง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 8
  • อะแดปเตอร์
  • สายเชื่อมต่อ USB Type-C
  • ตัวแปลง USB Type-C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
  • เคสยางแบบใส
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิม
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

 

สรุปสเปก Xiaomi Mi 8

  • ขนาดตัวเครื่อง : 154.9 x 74.8 x 7.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 175 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED กว้าง 6.21 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2248 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 18.7:9
  • หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 845 Octa Core ความเร็ว 2.8 GHz
  • GPU : Adreno 630
  • RAM 6 GB
  • ROM 128 GB
  • ระบบปฎิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย MIUI 9.5
  • กล้องถ่ายรูปหลังคู่ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 พร้อมไฟแฟลช LED
  • กล้องหน้าคู่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และ USB Type-C
  • เครือข่าย - GSM B2/B3/B5/B8 - WCDMA B1/B2/B4/B5/B8 - LTE Bands B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B12/B17/B20/B34/B38/B39/B40/B41
  • เทคโนโลยีการรับ/ส่งข้อมูล - 2G: EDGE/GPRS - 3G: HSPA+ - 4G: LTE TD, LTE FDD
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,400 mAh พร้อมเทคโนโลยีเพิ่มความเร็วในการชาร์จ (Quick Charge 4.0+)

  

   

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

ระบบปฏิบัติการ

Xiaomi Mi 8 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.12 Oreo ที่ครอบทับด้วย MIUI 9.5 โดยรูปร่างหน้าตาของ UI ก็ดูสบายตาและดูน่ารักตามไอคอนที่ปรากฏ

 

หน้าตา UI

   

RAM/ROM

ส่วนเรื่องของ RAM ที่ให้มาถึง 6GB ก็เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 3.5GB ส่วนหน่วยความจำภายใน (ROM) ที่ให้มาถึง 64GB ก็เหลือให้ใช้งานประมาณ 52GB

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.1.0 ได้ 244,851 คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 4 ได้คะแนน Single-Core ที่ 2,004 และคะแนน Multi-Core ที่ 8,198
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย Nenamark 3 ได้ 59.7 เฟรม/วินาที
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3DMark ได้ 3,710 คะแนน
  • ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด
 

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

  • Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
  • Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
  • Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
  • Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
  • Gyroscope Sensor เซนเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก
  • Pressure Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกด

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ทดสอบการเล่นเกม

และแน่นอนว่าด้วยหน่วยประมวลผลที่เป็นตัวท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 845 เราก็ทดสอบ 3 เกมหลักๆ ทั้ง ROV, PUBG Mobile และ Asphalt 9: Legends

เริ่มด้วย ROV เราปรับภาพกราฟฟิกที่สวยที่สุด ทั้งภาพ HD และเฟรมเรทสูง Xiaomi Mi 8 ก็เล่นได้แบบไม่มีปัญหา ไม่มีเฟรมเรทร่วงหรือกระตุก และวิ่งที่ 59-60 ตลอดทั้งเกม

 

ต่อด้วย PUBG Mobile ก็สามารถเปิดกราฟิกแบบ HDR (สูงสุดในตอนนี้) พร้อมด้วยเฟรมเรมระดับ Ultra และเมื่อเข้าไปในเกมจริงๆ ก็เล่นได้ไหลลื่นและภาพสวยงามตามท้องเรื่อง

และสุดท้ายกับเกมแข่งรถภาพสวยงามอย่าง Asphalt 9: Legends ก็เล่นได้แบบไม่กระตุก สบายหายห่วง

นอกจากนี้ ก็ยังมีฟีเจอร์ Game Speed Booster เพื่อเคลียร์ RAM, แคช และแอพพลิเคชั่นที่พื้นหลัง ช่วยให้ตัวเกมใช้งานประสิทธิภาพของซอร์ฟแวร์ได้ดีที่สุด ซึ่งเมื่อลองเล่นจริงๆ แล้ว เชื่อว่า Xiaomi Mi 8 ยังรองรับเกมในอนาคตได้อีกหลายปีแน่นอน

   

ขึ้น Boosted successfully หลังการเคลียร์พื้นหลังเรียบร้อย

Dual GPS + Dual 4G

Xiaomi Mi 8 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มี GPS ความถี่คู่ ใช้ทั้งสัญญาณ L1 และ L5 ในการประสานงาน ทำให้มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น และคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งจริงไม่เกิน 5 เมตร

ซึ่งก็มีการเปรียบเทียบจากแอพพลิเคชั่น GPS Test ระหว่าง Xiaomi Mi 8 และแบรนด์จีนอีก 1 รุ่น ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นดังภาพด้านล่าง

อธิบายค่าต่างๆ ภายในภาพ

  • GNSS Status : สถานะของ GPS ว่าเปิด/ปิด
  • Accuracy (+-m) : ความแม่นยำ หรือผิดพลาดได้ในระยะต่างๆ (เมตร)
  • In View : ตรวจพบดาวเทียมกี่ดวง
  • In Use : ใช้ดาวเทียมเพื่อนำมาคำนวณการบอกตำแหน่งกี่ดวง
  • กราฟ : ความเข้มของสัญญาณสูง (ค่าเยอะยิ่งดี)
  • SNR (Signal-to-Noise Ratios) : อัตราส่วนของสัญญาณดาวเทียมต่อสัญญาณรบกวน ยิ่งค่าเยอะ คือ สัญญาณเราดี

 เปรียบเทียบความแม่นยำของ GPS ระหว่าง Xiaomi Mi 8 (ซ้าย) และสมาร์ทโฟนอีก 1 รุ่น (ขวา)

ระบบความปลอดภัย

ด้านระบบล็อคเครื่องก็มีถึง 2 แบบให้เลือก อย่างแรกคือ IR Face Unlock หรือระบบสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติที่สามารถใช้ได้ในความมืด "3D Structured-light Face Unlock" ซึ่งใช้งานได้รวดเร็วมาก เพียงกดปุ่มล็อคเครื่องก็จะสแกนทันที ทั้งนี้ การสแกนใบหน้าจะไม่ทำงานเมื่อเราหลับตาอยู่

นอกจากนี้ ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ยังทำงานได้รวดเร็ว แต่อาจจะใช้งานไม่สะดวกหากไม่ได้ใส่เคส เนื่องจากระบบนาบไปกับตัวเครื่องทำให้หาจุดสแกนยากสักหน่อย

Dual Apps

การมีโซเชียลมีเดียหลายบัญชีจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อมีฟีเจอร์ Dual Apps หรือการเพิ่มบัญชีที่ 2 ไม่ว่าจะ Line หรือ Facebook ก็ใช้งานแยกจากบัญชีหลักอันเดิมได้แบบไร้ปัญหา ซึ่งไอคอนจะมีสัญลักษณ์ Dual Apps ทางมุมซ้ายล่างของแอพพลิเคชั่นที่ 2 อยู่

 

1 เครื่องเล่นหลายคนก็ไม่ต้องกลัว

ฟีเจอร์ Second Space หรือพื้นที่สำหรับบุคคลที่ 2 เพื่อให้ใช้งานแยกกับพื้นที่หลักทั้งหมดของเรา โดยการใช้งานก็ให้เราไปที่การตั้งค่า และเลือก Second Space จากนั้นก็กดไปที่ Second Space ซึ่งเราสามารถตั้งรหัสผ่านเพื่อป้องกันการเข้าถึงได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็จะมีแอพพลิเคชั่น Switch ขึ้นมาบนหน้าจอหลักเพื่อให้เราสลับพื้นที่ที่ 1 และ 2 ได้อย่างง่ายดาย

  

 หน้าตา UI ใน Second Space

เปลี่ยนปุ่มนำทางเพิ่มความแปลกใหม่ก็ยังได้

หากใครที่เบื่อการใช้งานปุ่มนำทางแบบเดิมที่มีปุ่มแอพฯ ก่อนหน้า, ปุ่มโฮม และย้อนกลับ ก็มีอะไรให้ลองใหม่ๆ คือการใช้ท่าทางต่างๆ ในการควบคุมแทนปุ่มธรรมดาๆ โดยให้ไปที่การตั้งค่า > Full screen display และเลือก Full screen gestures เมื่อเลือกแล้วเราก็ใช้งานได้ดังนี้

  • ปัดขึ้นจากล่างหน้าจอแสดงผล : กลับหน้าหลัก
  • ปัดขึ้นแล้วค้างไว้กลางหน้าจอ : แอพฯ ล่าสุด
  • ปัดซ้ายจากข้างหน้าจอแสดงผล : ย้อนกลับ
 

นอกจากนี้ ในส่วนเดียวกันเราสามารถปิดรอยบากด้านบนได้โดยการกดเปิดฟังก์ชั่น Hide Screen Notch

 

กล้อง

มาถึงเรื่องกล้องที่ทาง Xiaomi มีการปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่จนได้คะแนนการถ่ายภาพจาก DxOMark ไปถึง 105 โดยที่กล้องหลังคู่มาพร้อมความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่นไหวแบบ OIS ถึง 4 แกน ซึ่งมีฟีเจอร์ที่เป็นตัวชูโรง ได้แก่

กล้องถ่าย AI ที่ตรวจจับซีนได้มากถึง 25 ซีน ที่ยังคงแยกแยะฉากได้มากถึง 206 ฉากแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับแสงและสีให้สวยและตรงตามจริงมากที่สุด โดยเมื่อเราโฟกัสไปที่สิ่งๆ นั้น AI ก็จะตรวจจับและขึ้นเป็นสัญลักษณ์จากไอคอนตรงกลางด้านบน

ทั้งนี้ ยังมีโหมดแสงสตูดิโอ หรือ Portrait Studio ที่ปรับแสงภาพบุคคลได้ถึง 7 แบบ 7 แสง ที่ปรับได้แบบเนียนตา

 ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดแสงสตูดิโอ : คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ขณะที่กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ก็ยังมี 3D Beautify ที่ทำการเบลอฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ โดยยังให้เราได้ปรับแต่งความสวยงามบนใบหน้า ทั้งความเรียวใบหน้า, ตาโต, จมูก หรือริมฝีปาก ได้ตามใจชอบอีกด้วย

 เปรียบเทียบโหมดกล้องหน้าแบบปกติ (ซ้าย) และโหมด 3D Beautify (ขวา)

โหมดกล้องอื่นๆ และฟิลเตอร์ให้เลือกมากมาย

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

  • ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 4032 x 3024 (4:3), 4032 x 2268 (16:9) พิกเซล
  • ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 5184 x 3880 (4:3), 5184 x 2916 (16:9) พิกเซล
  • ไฟแฟลช : ปิด, อัตโนมัติ, เปิด, ไฟฉาย
  • HDR : เปิด, ปิด
  • AI : เปิด, ปิด
  • ฟิลเตอร์ : ปกติ, วิวิด, ฟิล์ม, ความรัก, ลาเต้, แสงอาทิตย์, คุ๊กกี้, อารมณ์เย็น, โซดา, Gourmet, ขาว-ดำ, เฟด
  • ตำแหน่ง : เปิด, ปิด
  • เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
  • โหมดเก็บในกระเป๋า : เปิด, ปิด
  • บันทึการตั้งค่าเดิม : เปิด, ปิด
  • สแตมป์ : เปิด, ปิด
  • ลายน้ำ : เปิด, ปิด
  • ตารางกริด : เปิด, ปิด
  • โฟกัสและถ่าย : เปิด, ปิด
  • สแกน QR Codes : เปิด, ปิด
  • บันทึกภาพต้นฉบับ : เปิด, ปิด
  • กดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์ : โฟกัส, ถ่ายภาพรัว
  • เปิดกระจกกล้องหน้า : เปิด, ปิด
  • กรอบ : 4:3, 16:9
  • คุณภาพของภาพ : สูง, กลาง, ต่ำ
  • ชัตเตอร์ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ : เปิด, ปิด
  • ฟังก์ชั่นปุ่มเสียง : ชัตเตอร์, ซูม, เสียง
  • คอนทราสต์ : ต่ำที่สุด, ต่ำกว่า, ต่ำ, ปกติ, สูง, สูงกว่า, สูงที่สุด
  • ความสดใส : ต่ำที่สุด, ต่ำกว่า, ต่ำ, ปกติ, สูง, สูงกว่า, สูงที่สุด
  • ความคมชัด : ต่ำ, ปกติ, สูง

คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ

  • ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840 x 2160 (UHD 4K), 1920 x 1080 (FHD 1080p), 1280 x 720 (HD 720p) พิกเซล
  • ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 1920 x 1080 (FHD 1080p), 1280 x 720 (HD 720p) พิกเซล
  • ไฟแฟลช : ปิด, ไฟฉาย
  • ตำแหน่ง : เปิด, ปิด
  • ป้องกันสั่นไหว : เปิด, ปิด
  • โหมดโฟกัส : Tap, CAF
  • โหมดย่นเวลา : 4x, 10x, 30x, 60x, 90x, 120x, 150x, 240x, 300x, 450x, 900x, 1800x
  • ชัตเตอร์ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ : เปิด, ปิด

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

  

  

  

  

  

ขอขอบคุณ : ร้าน ThaiSuperPhone

ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความคิดเห็นกับ : Xiaomi Mi 8https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=457270

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : //www.siamphone.com/spec/xiaomi/mi_8.htm

วันที่ : 21 สิงหาคม 2561

35,507
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version