หมวดอื่นๆ (Other) | วันที่ : 12 กันยายน 2556
ผ่านพ้นไปแล้วกับการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่จากทาง Apple ที่ส่งอุปกรณ์ออกมาถึง 2 รุ่นด้วยกันคือ iPhone 5C มาพร้อมสีสันสดใสแบบ Colorful ซึ่งฉีกแนวความเป็น iPhone จากเดิมที่เน้นเพียงสีขาวและสีดำเท่านั้น ส่วนอีกรุ่นคือ iPhone 5S มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู โดยมาพร้อมชิปเซ็ตที่แรงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นเครื่องแรกของโลกที่ใช้สถาปัตยกรรม 64 bit ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเดียวกับที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ โดยการมาของอุปกรณ์รุ่นใหม่ทั้ง 2 ทำให้ทาง Apple ออกคำสั่งยกเลิกการผลิต iPhone 5 ซึ่งวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง iPhone 5, iPhone 5C และ iPhone 5S ว่ามีความแตกต่างกันตรงส่วนให้บ้าง
ตารางเปรียบเทียบรายละเอียดของ iPhone5S, iPhone 5C และ iPhone 5
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมเปรียบเทียบ iPhone 5, iPhone 5C และ iPhone 5S
รูปแบบดีไซน์ตัวเครื่อง
iPhone 5, iPhone 5C และ iPhone 5S มีดีไซน์และรูปแบบตัวเครื่องเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงวัสดุที่นำมาใช้กับตัวเครื่อง ในส่วนของ iPhone 5 และ iPhone 5S ตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียมคุณภาพ มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู โดยมีขนาด สูง 123.8 มม. กว้าง 58.6 มม. หนา 7.6 มม. น้ำหนัก 112 กรัม
ส่วน iPhone 5C มีความสูงและความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.6 มม. ตัวเครื่องทำจากพลาสติก Polycarbonate ที่มีน้ำหนักเบา สามารถกันความร้อนและแรงกระแทกได้ดี
สี
iPhone 5 มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาว และสีดำ
iPhone 5C มีสีสันให้เลือกถึง 5 สี คือ สีฟ้า, สีขาว, สีชมพู, สีเหลือง และสีเขียว
iPhone 5S มีสีให้เลือก 3 สี คือ สีเทาดำ, สีทอง และสีเงิน
หน้าจอ
ทั้ง iPhone 5, iPhone 5C และ iPhone 5S มีขนาดหน้าจอและความละเอียดเท่ากัน โดยใช้หน้าจอแสดงผล Retina กว้าง 4 นิ้ว ความละเอียด 1136x 640 (326 ppi)
หน่วยประมวลผลชิปเซ็ต
iPhone 5 และ iPhone 5C ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลที่เหมือนกัน คือชิปเซ็ต A6 (ARM Cortex-A15) ที่มีความแรงกว่า A5 ถึง 2 เท่า ในแง่ของการประมวลผลต่างๆ รวมทั้งภาพกราฟิกให้ดีขึ้น
iPhone 5S ถูกปรับให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยหน่วยประมวลผล A7 (ARM Cortex-A57) ซึ่งออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม 64-bit (เป็นสถาปัตยกรรมเดียวกับที่ใช้บนคอมพิวเตอร์) ที่จะทำให้การเรนเดอร์ภาพมีความไหลลื่นขึ้นและเพิ่มความสามารถในการประมวลผลกราฟฟิกให้มีประสิทธิภาพสูง โดยเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่ใช้สถาปัตยกรรมนี้ นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มหน่วยประมวลผล M7 ที่เข้ามาเสริมในเรื่องของการตรวจสอบและเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของร่างกาย เหมาะที่จะนำไปใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
ระบบปฎิบัติการ
iPhone 5 รันบนระบบปฏิบัติการ iOS6
iPhone 5C และ iPhone 5S รันบนระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาใหม่ทั้งหมดและมีฟีเจอร์เพิ่มเติม คือ iOS7 (โดยจะปล่อยเวอร์ชั่่นสำหรับคนทั่วไปให้อัพเดตในวันที่ 18 กันยายนนี้)
หน่วยความจำ
iPhone 5 มีความจุให้เลือก 3 รุ่นด้วยกัน คือ 16 GB, 32 GB และ 64 GB
iPhone 5C มีความจุให้เลือก 2 รุ่น คือ 16GB และ 32GB
iPhone 5S มีความจุให้เลือก 3 รุ่น คือ 16 GB, 32 GB และ 64 GB
กล้อง
iPhone 5, iPhone 5C, iPhone 5S มีความละเอียดเท่ากัน คือกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ซ้อนทับทั้งหมด 5 ชิ้น, แฟลช LED, รูรับแสง f/2.4 พร้อมใช้เทคโนโลยี hybrid IR filter และใช้ตัวเซ็นเซอร์แบบ backside-illuminated (BSI) กล้องหลังรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 1080p และกล้องหน้า รองรับ FaceTime HD ที่ความละเอียด 720p
ในส่วนของ iPhone 5C มีคุณสมบัติเพิ่มเติมคือ ตัวเลนส์ถูกครอบทับด้วย Sapphire crystal ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันการเสียดสีที่อาจจะทำให้เกิดรอยบนเลนส์ และการบันทึกวีดีโอด้วยกล้องหลังสามารถซูมได้ถึง 3 เท่า
iPhone 5S มีคุณสมบัติเพิ่มเติมและมีการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติบางประการ คือ เลนส์ของกล้องถ่ายภาพถูกปรับให้มีขนาดรูรับแสง f/2.2 มีการลดขนาดของจุดรับแสงบนเซ็นเซอร์ลงเหลือเพียง 15 ไมครอนต่อ 1 พิกเซล ทำให้สามารถวางจุดรับแสงบนเซนเซอร์ได้มากขึ้น ขนาดของรูปภาพจึงมีขนาดใหญ่ขึ้น ผลลัพที่ได้คือทำให้ขนาดของเช็นเซอร์ทั้งชิ้นนั้นโตขึ้นประมาณ 15% ภาพที่ได้จึงมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น
ตัวเลนส์ถูกครอบทับด้วย Sapphire crystal และเพิ่มไฟแฟลชคู่ LED ที่เรียกว่า "True Tone" ในส่วนของการบันทึกวีดีโอจากกล้องหลังสามารถซูมได้ 3 เท่า นอกจากนี้ยังเพิ่มโหมดการถ่ายภาพต่อเนื่อง (Burst mode) ที่สามารถถ่ายได้ 10 ภาพต่อวินาที และฟังค์ชั่นบันทึกวิดีโอแบบสโลโมชั่นด้วยความละเอียด 720p ได้มากถึง 120 เฟรมต่อวินาที
และสิ่งที่ทำให้ iPhone 5S แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ นอกจากจะมีชิปเซ็ตที่แรงขึ้นแล้ว ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจคือ คือการปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนจากลายนิ้วมือบนปุ่ม Home หรือที่เรียกว่า "Touch ID" เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการใช้งาน รวมถึงใช้เป็นตัวสแกนนิ้วเพื่อซื้อสินค้าบน iTunes ได้อีกด้วย โดยตัวเซ็นเซอร์ที่ใช้ในการสแกนลายนิ้วมือนั้น สามารถสแกนได้ที่ความละเอียดสูงถึง 500ppi และสามารถสแกนลายนิ้วมือได้แบบ 360 องศา
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 12 กันยายน 2556
ลือ! iPad mini รุ่นถัดไป เตรียมอัปเกรดหน้าจอเป็น OLED ในปี 2026
Mark Gurman เผย Apple ยุติแผนพัฒนา iPhone รุ่น mini อย่างถาวร
ลือ! iPhone 17 อาจเป็นรุ่นแรกที่รองรับวิดีโอ 8K หลัง Android ทำได้นานแล้ว
ภาพหลุดล่าสุด! เปรียบเทียบความบาง iPhone 17 Air กับ iPhone 17 Pro บางเฉียบจนน่าตกใจ
สรุปฟีเจอร์ใหม่น่าใช้ใน iOS 19 พร้อมรายชื่อ iPhone ที่คาดว่าจะได้รับการอัปเดต
หลุดภาพดัมมี่ iPhone 17 ทุกรุ่น! Pro และ Pro Max อาจได้ฝาหลังโลหะสลับกระจก พร้อมรองรับ MagSafe
สรุปจุดเด่นและสเปค OPPO Reno13 F 5G กันน้ำ IP69 โปรเดือดรับสงกรานต์ของแถมฟรี 7,999 บาท
พาชมโรงงานฐานการผลิตระดับโลก เบื้องหลังความสำเร็จของ OPPO ที่ฉงชิ่ง
realme Narzo 80 Pro 5G สมาร์ทโฟนชิปเซ็ต Dimensity 7400 จอสว่างวาบ 4500nits
เปิดตัว OPPO Find X8 Ultra เรือธงกล้องเทพ อัปเกรดรอบด้าน บางสุดในรุ่น!
หลุดสเปค OnePlus 13s Snapdragon 8 Series, กล้อง 3 ตัว, ชาร์จไร้สาย 50W
realme Narzo 80x 5G สมาร์ทโฟนเน้นทนทานระดับทหาร แบตเตอรี่ใหญ่ 6000mAh
Redmi Pad Pro 5G แท็บเล็ตจอใหญ่ที่จบครบทุกความบันเทิงในราคา 13,990 บาท17 ชั่วโมงที่แล้ว
vivo V50 Lite ในคอนเซ็ปต์ ‘แบตอึด จนขอท้า’ ในราคาไม่ถึงหมื่น25 เม.ย. 68 07:00