กว่าจะมาเป็น Apple บริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างในปัจจุบัน

ถ้าพูดถึง Apple คงไม่มีใครไม่รู้จักว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่มีสาขาเกือบทั่วทุกมุมโลก และตัวผลิตภัณฑ์ยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนหลายคนกลายเป็นสาวก Apple ไปโดยปริยาย แต่คงมีคนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักประวัติความเป็นมาของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ว่ากว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของโลก จะต้องเจอกับอุปสรรคอะไรมาบ้าง วันนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของบริษัท Apple โดยย่อกัน 

ยุคเริ่มต้นของบริษัท

ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1976 บริษัท Apple ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Steven Wozniak, Steven Jobs และ Ronald Wayne มีจุดประสงค์เพื่อจำหน่ายคอมพิวเตอร์ระบบส่วนบุคคล โดยคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่วางจำหน่าย คือ Apple I แต่ผลประกอบการไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร จนมาถึง Apple II กลับได้รับความนิยมพร้อมทั้งสร้างกำไรให้กับบริษัทอย่างมาก

ในช่วงปี 1979 บริษัท Apple เริ่มมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานส่วนบุคคล โดยนำอินเตอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิก (GUI) เข้ามาใช้บนคอมพิวเตอร์ ขณะนั้นบริษัทได้มีการแยกทีมพัฒนาเป็น 2 ทีม คือทีมพัฒนาคอมพิวเตอร์ Lisa และ Macintosh ปรากฏว่าหลังจากเปิดตัวโปรเจคคอมพิวเตอร์ Macintosh ได้รับความนิยมจากตลาดและสร้างเม็ดเงินให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก

ปี 1988 Steven Jobs ได้ลาออกจากบริษัท Apple พร้อมกับก่อตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ NeXT Inc. และได้มีการพัฒนาระบบฏิบัติการของตนเองที่เป็นต้นแบบของ Mac OS X ในปัจจุบัน

ยุคถดถอยของบริษัท

ปี 1989 Apple ได้เปิดตัว Macintosh Portable ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และไม่นาน Microsoft บริษัทคู่แข่งได้ส่ง Windows 3.0 เข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด พร้อมทั้งเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นในกรณีเกี่ยวกับการลอกเลียนกราฟิกอินเตอร์เฟซ (GUI) ทำให้สถานการณ์ของบริษัท Apple แย่ลง

ปี 1991 เปิดตัว PowerBook ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก โดยสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าบริษัทได้อย่างมาก พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ที่เรียกว่า Newton ซึ่งเป็นต้นแบบของ PDA หรือ Personal Digital Assistance ในปัจจุบันและยังเป็นการช่วยปูทางให้กับ Palm, Pilot, iPhone และ iPad ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ปี 1994 เปิดตัว Power Macintosh เป็นเครื่องแรกที่ใช้ชิปประมวลผล PowerPC ที่เกิดจากการผนวกกันระหว่างฮาร์ดแวร์ของ IBM และ Motorola กับซอฟต์แวร์ของ Apple โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจาก Microsoft ซึ่งปีถัดมา Apple ประสบปัญหาในการขายคอมพิวเตอร์ ทำให้บริษัทขาดทุนมากที่สุดในประวัติการณ์ พร้อมทั้ง Microsoft ยังได้เปิดตัว Windows 95 ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ส่งผลให้บริษัทต้องรีบหาทางออกอย่างเร่งด่วน

ยุคฟื้นตัวและรุ่งเรืองของบริษัท

ปี 1996 Apple ตัดสินใจประกาศซื้อกิจการของบริษัท NeXT Inc. เพื่อดึงตัว Steve Job มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา และในปีถัดมา Steve Job กลายเป็น CEO และตัดสินใจทำข้อตกลงกับ Microsoft โดยให้เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนเงิน 150 ล้านเหรียญ พร้อมแลกเปลี่ยนให้สามารนำ Microsoft Office มาใช้บนคอมพิวเตอร์ Macintosh (Mac) ได้ พร้อมทั้งยังเปิดตัว Apple Store ร้านค้าออนไลน์สำหรับซื้อสินค้าของบริษัท

ปี 1998 เปิดตัว iMac คอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงทั้งหลาย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญของโลกคอมพิวเตอร์

ปี 2001 Apple เริ่มให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ที่ให้ความบันเทิง โดยได้เปิดตัว iPod ซึ่งเป็นสินค้าไลฟ์สไตส์ที่ฉีกแนวของบริษัทออกจากวงจรของคอมพิวเตอร์ สร้างผลกำไรอย่างมหาศาลให้กับบริษัท

ปี 2003 ได้ถือกำเนิด iTunes ร้านค้าเพลงออนไลน์ขึ้น ซึ่งภายในปีแรกสามารถขายได้มากกว่า 100 ล้านเพลงและมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 70%

ปี 2006 Apple เปลี่ยนระบบสถาปัตยกรรมภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มาใช้หน่วยประมวลผลของ Intel

ปี 2007 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการโทรศัพท์หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone มาพร้อมหน้าจอสัมผัสอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้กระแสสมาร์ทโฟนเริ่มเติบโตขึ้น พร้อมกันนี้ iPhone ยังกลายเป็นต้นแบบของโทรศัพท์รุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว App Store ที่เป็นแหล่งรวบรวมแอพพลิชั่นเสริมต่างๆ ให้สามารถโหลดใช้งานเพิ่มเติม

ปี 2010 ถือกำเนิด iPad ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยังเป็นใบเบิกทางสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า "แท็บเล็ต"

ปัจจุบันทาง Apple ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมากจนกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก และยังเป็นผู้นำที่คอยสร้างสรรนำเสนอนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ให้กับวงการอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  vivo Y19s GT 5G สมาร์ตโฟน 5G กล้องหลังคู่ 50MP หน้าจอกว้าง 6.74 นิ้ว รีเฟรช 90Hz
• 
  vivo Pad SE แท็บเล็ตเอาใจนักเรียนนักศึกษา หน้าจอฟีลกระดาษ เพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่