สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 29 สิงหาคม 2558

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

เป็นอีกปีที่น่าติดตามสำหรับสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟนทั้ง Apple และ Samsung โดยในปีนี้แบรนด์สัญชาติเกาหลีใต้ ก็ได้เดินหน้าเปิดตัวรุ่นท็อปไปแล้ว 4 รุ่น ได้แก่ S6, S6 edge, S6 edge Plus และ Note 5 ในขณะที่ฝั่งแบรนด์สัญชาติอเมริกานั้นมีคิวเปิดตัว iPhone รุ่นต่อไปที่คาดว่าจะใช้ชื่อ S ตามหลังคือ iPhone 6S และ iPhone 6S Plus ในต้นเดือนกันยายน ดังนั้นก่อนที่จะถึงคิวของยักษ์ชนยักษ์ในปี 2015 จึงขอนำ iPhone 6 Plus กับ Note 5 มาเทียบกันหน่อย ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร...?

ก่อนจะไปดูความแตกต่างกันเรามาดูกันหน่อยว่าทั้งคู่นั้นเปิดตัวไปเมื่อใด

สำหรับ Apple iPhone 6 Plus นั้นเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 9 เดือนตุลาคม ปีพุทธศักราช 2557 โดยมาพร้อมจุดเด่นด้วยขนาดตัวเครื่องบางลง รวมถึงวัสดุการผลิตที่แข็งแรงทนทานอย่าง Stainless Steel กับ Anodized Aluminum แบบ Unibody และก็ชิปประมวลผลที่อัพเกรดให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมในชื่อ "A8" นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าที่ให้ภาพมีแสงสดใส เป็นธรรมชาติ โดยสามารถคลิกอ่านบทความเปรียบเทียบรุ่น Note 4 ได้ที่ด้านล่าง

และถ้าหากใครเพิ่งซื้อมา หรือกำลังจะซื้อก็สามารถอ่านวิธีตรวจเช็คได้ว่า iPhone 6 & 6 Plus  มีความสมบูรณ์หรือไม่ได้โดยวิธีต่อไปนี้

 

ต่อไปก็มาดูในส่วน Samsung Galaxy Note 5 กันบ้าง สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมาพร้อมจุดเด่นชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดขนาด 14 นาโนเมตร (Exynos 7420) โดยให้พลังประมวลผล รวมถึงประหยัดแบตเตอรี่ที่มากกว่ารุ่น Note 4 นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการชาร์จไร้สายจาก 0%-100% เพียง 2 ชั่วโมง และผู้ใช้สามารถทำการบันทึกวีดีโอแบบถ่ายทอดสดลง YouTube ที่ความละเอียด FullHD (Livestream 1080p to YouTube) ได้อีกด้วย โดยถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558

โดยสามารถคลิกอ่านบทความการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง....

ด้านดีไซน์

สำหรับ iPhone 6 Plus ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เช่นเคย ด้วยการออกแบบที่ให้ความพรีเมี่ยมด้วยวัสดุการผลิตที่แข็งแรง และกระจกจอภาพที่โค้งลงมาบรรจบขอบด้านข้างของตัวเครื่อง ซึ่งตัวเครื่องจะเป็นแบบ Unibody คือการที่กรอบตัวเครื่องถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้คล่องตัว โดยมีตัวเครื่องขนาด 158.1 x 77.8 x 7.1 มิลลิเมตร นํ้าหนัก 172 กรัม

ส่วน Samsung Galaxy Note 5 ก็ถือได้ว่าฉีกกฏเดิมการออกแบบของทั้ง 4 รุ่นที่ผ่านมา ด้วยการเลือกใช้วัสดุกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำให้ตัวเครื่องมีความแวววาว สะท้อนแสง อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย โดยใช้ระยะเวลา 2 ชั่วโมงจาก 0% - 100% นอกจากนี้ยังมีขอบโค้งที่ออกแบบมาให้สอดรับกับฝ่ามือ ทำให้จับถือได้สะดวก โดยมีขนาดตัวเครื่อง  153.2 x 76.1 x 7.6 มิลลิเมตร นํ้าหนัก 171 กรัม

ระบบปฏิบัติการ

โดย iPhone 6 Plus ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 8 ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งสามารถอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดได้คือ iOS 8.4.1 ในขณะที่เวอร์ชั่น 9 นั้นบุคคลทั่วไปยังไม่สามารถอัพเกรดได้

ภาพอินเทอร์เฟสของ iOS 9 อาทิ หน้าแอปฯ, หน้า Setting, หน้าจัดการแบตเตอรี่ และหน้าจัดการการแจ้งเตือน

Samsung Galaxy Note 5 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5.1.1 (Lollipop) ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบทับด้วย Touchwiz UI ซึ่งในอนาคตอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 6.0 (Marshmallow)

หน้าจอ

iPhone 6 Plus ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Retina HD ซึ่งมีการปรับปรุงให้ถ่ายทอดสีสันได้สมจริงครบถ้วนมากขึ้น ตามมาตรฐาน sRGB บนหน้าจอขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920× 1080 พิกเซล หรือ FullHD โดยมีค่าความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 401ppi

Samsung Galaxy Note 5 ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED บนหน้าจอขนาดกว้าง 5.7 นิ้ว ความละเอียด Quad HD หรือความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล โดยมีค่าความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 518ppi

ฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)

iPhone 6 Plus ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่ A8 (20 นาโนเมตร) แบบ 64 บิตที่ทาง Apple บอกว่ามีประสิทธิภาพ รวมถึงประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม, GPU PowerVR GX6450, RAM 1GB (LPDDR3) ซึ่งจะผสมผสานการทำงานร่วมกับชิปเซ็ต M8 สำหรับวัดการเคลื่อนไหว โดยมีหน่วยความจำภายใน 16/64/128GB และแบตเตอรี่ 2,915 mAh (ถอดออกไม่ได้)

Samsung Galaxy Note 5 เลือกใช้ชิปเซ็ตของตนเองในการประมวลผลคือรุ่น Exynos 7420 ขนาด 14 นาโนเมตร โดยจะแบ่งการประมวลผลออกเป็น 8 แกน (Cortex A57 4แกน 2.1GHz + Cortex A53 4 แกน 1.5GHz) และจะมี Ram ประเภท LPDDR4 ขนาด 4GB ซึ่งมีหน่วยความจำ 2 เวอร์ชั่นคือ 32/64GB ทั้งสามารถถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี UFS 2.0 storage ไม่รองรับการใช้งาน microSD card โดยมีแบตเตอรี่ 3,000 mAh (ถอดออกไม่ได้)

ระบบเชื่อมต่อ

iPhone 6 Plus ได้มีการอัพเกรดความเร็วในการดาวน์โหลดบนเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง 4G LTE (Cat.4) 150Mbps และอัพโหลด 50Mbps อีกทั้งยังรองรับการใช้งานการสนทนาด้วยเสียงระดับ HD (VoLTE) ส่วนระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้แก่ Bluetooth 4.0, WiFi 802.11ac, NFC (Apple Pay Only) เป็นต้น

ส่วน Samsung Galaxy Note 5 ได้นำเทคโนโลยี 4G LTE (Cat.9) มาใช้ สามารถดาวน์โหลดได้สูงสุด 450Mbps โดยมีระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ดังนี้ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, NFC, Bluetooth 4.2 + apt-X codec (ให้เสียงที่มีคุณภาพมากขึ้น หากเชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วยระบบบลูทูธ) เป็นต้น

กล้อง

iPhone 6 Plus มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีเลนส์กล้องถ่ายรูป iSight แบบ 5 ชั้น ด้วยพิกเซลขนาด 1.5 ไมครอน, รูรับแสง f/2.2, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ไฟแฟลช True Tone  และระบบ Auto Focus แบบ Focus Pixel สามารถบันทึกวีดีโอความละเอียด FullHD ส่วนโหมดกล้องที่น่าสนใจมีดังนี้ 

  • Time Lapse : โหมดถ่ายภาพวีดีโอแบบเร่งเวลา
  • Slo-Motion : โหมดถ่ายภาพวีดีโอแบบช้า ได้สูงสุด 240 fps
  • Exposure Control : เป็นโหมดปรับระดับความสว่างของภาพถ่ายแบบ Real time ซึ่งสามารถเพิ่ม-ลดความสว่างของภาพได้ผ่านตัวควบคุม 4 ระดับ
  • Photo Apps : โหมดแต่งภาพ ที่สามารถปรับแต่งภาพที่ถ่ายได้ด้วยเครื่องมือแต่งภาพระดับมืออาชีพ
  • Panorama : สามารถถ่ายภาพแบบ Panorama ได้ด้วยความละเอียดของภาพสูงสุด 43 ล้านพิกเซล

Samsung Galaxy Note 5 มีกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) + ออโต้โฟกัส + ไฟแฟลช LED โดยจะมีรูรับแสงอยู่ที่ f/1.9 ซึ่งสามารถบันทึกวีดีโอความละเอียด 4K ส่วนโหมดกล้องที่น่าสนใจมีดังนี้

  • Save a photo in RAW : สามารถบันทึกภาพถ่ายด้วยนามสกุล .RAW ได้
  • ปรับแต่งการตั้งค่า : ด้วยโหมด PRO และ Manual
  • สามารถทำการบันทึกวีดีโอแบบถ่ายทอดสดลง YouTube ที่ความละเอียด FullHD (Livestream 1080p to YouTube)
  • โหมด HDR แบบ Real-Time
  • Video Collage : การบันทึกวีดีโอในหลายๆ ช็อต แล้วนำมาเรียงไว้ในที่เดียวกัน

เปรียบเทียบภาพถ่ายทั้งสองรุ่น โดยภาพของ iPhone 6 Plus อยู่ด้านบน และ Samsung Galaxy Note 5 อยู่ด้านล่าง

ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

ภาพที่ 5

ลำดับต่อไปเป็นการทดลองบันทึกวีดีโอของทั้งสอง โดย iPhone 6 Plus สามารถบันทึกความละเอียดได้สูงสุดระดับ "FullHD" ส่วน Samsung Galaxy Note 5 ได้สูงสุด "4K"

 

หลังจากได้ดูความแตกต่างของทั้งสองคู่หูหน้าจอยักษ์กันไปแล้ว ลำดับสุดท้ายเรามาสรุปจุดเด่นกันหน่อย...?

จุดเด่นของ iPhone 6 Plus

  • ตัวเครื่องมีความหรูหรา ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม
  • อินเทอร์เฟชที่ใช้งานง่ายกว่า ไม่ซับซ้อน และไหลลื่นกว่าในระยะยาว
  • รอยนิ้วมือที่เกิดขึ้นได้ยากกว่าบนฝาหลัง
  • การอัพเดทระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ทำได้ทันที
  • การผสมผสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างลงตัว

 

จุดเด่นของ Samsung Galxy Note 5

  • สามารถชาร์จแบตฯ ได้ทั้งแบบสาย และไร้สาย
  • ระบบ NFC และ Bluetooth 4.2 apt-X codec
  • ระบบเชื่อมต่อของ 4G LTE (Cat.9)
  • หน้าจอระดับ 2K + Super AMOLED
  • การบันทึกวีดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K
  • ปากกา S-Pen ที่เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัว

 

ราคาแบ่งตามพื้นที่หน่วยความจำภายใน (ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ทั้งคู่)

 

อย่างไรก็ตามคงต้องบอกว่าการจะเลือกใช้รุ่นใดนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานเองมากกว่า เพราะแต่ละรุ่นต่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป สุดท้ายอีกหนึ่งไฮไล์ทสำคัญของปีนี้คือ การเปิดตัว The next iPhone ในเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมกันสองรุ่นเช่นเคย โดยใช้ชื่อว่า iPhone 6S & 6S Plus ดังนั้นก็สามารถติดตามการเปรียบเทียบความแตกต่างได้อีกเช่นเคยระหว่าง iPhone 6S Plus และ Samsung Galxy Note 5

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่