รู้หรือไม่...? 5 วิธีเบื้องต้นในการเพิ่มความเร็วการใช้งานระบบแอนดรอยด์มีอะไรบ้าง

สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตแอนดรอยด์ อาจพบกับปัญหาเครื่องทำงานได้ช้าลง เนื่องจากสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของเรานั้นยังประมวลผลอยู่ตลอดเวลา โดยการประมวลผลเหล่านี้อาจเกิดจากแอพฯ ที่ยังทำงานอยู่ หรือไฟล์แคชที่มีอยู่ภายในเครื่อง หรือภาพวอลเปเปอร์เคลื่อนไหว วิจิทต่างๆ บนหน้าจอ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ย่อมทำให้เครื่องทำงานได้ช้าลง เพราะฉะนั้นมาดูกันว่าจะมีวิธีใดบ้างในเบื้องต้นที่ช่วยลดภาระการประมวลผลให้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตทำงานได้เร็วขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  ลือ! iPhone 17 อาจเป็นรุ่นแรกที่รองรับวิดีโอ 8K หลัง Android ทำได้นานแล้ว
• 
  รุ่นไหนได้ไปต่อบ้าง! Samsung กำลังทดสอบ One UI 8 (Android 16) Galaxy S25 Ultra ใกล้พัฒนาเสร็จแล้ว

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

1. ตั้งภาพหน้าจอหลักเป็นภาพนิ่ง และลดการใช้วิจิท สำหรับการตั้งภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอหลักจะเป็นการเพิ่มภาระการทำงานของเครื่อง และเป็นการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ เช่นเดียวกับวิจิทที่ควรเลือกใช้เฉพาะวิจิทที่ใช้งานบ่อยๆ เท่านั้น ดังนั้นการตั้งภาพหน้าจอหลักเป็นภาพนิ่ง และลดการใช้วิจทจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องได้ดียิ่งขึ้น

2. ตั้งค่าการเชื่อมต่ออัตโนมัติ (Auto Sync) เท่าที่จำเป็นเท่านั้น จริงอยู่ที่มันมีข้อดี แต่ข้อเสียของมันก็คือ เครื่องจะทำงานอยู่ตลอดเวลาในการอัพเดทข้อมูลต่างๆ ที่ได้เชื่อมต่อไว้ให้ผู้ใช้ได้ทราบ ซึ่งถ้าหากใช้งานแอพฯ ต่างๆไปพร้อมกันก็อาจทำให้เครื่องทำงานได้ช้าลง

3. ลบแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้งานออก ซึ่งการติตดั้งแอพฯ ทุกครั้งเราควรดูว่าแอพฯ นั้นมีการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งบางแอพฯ ถึงแม้จะไมได้เปิดใช้งาน ก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้ตัวเครื่องมีประสิทธิภาพการใช้งานน้อยลง ดังนั้นจึงควรที่จะลบแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้งานออกจากตัวเครื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน

4. ลบไฟล์แคชภายในเครื่องให้บ่อยครั้ง ซึ่งไฟล์แคชเกิดจากการที่เราใช้งานแอพฯ หรือการใช้งานจากเว็บบราวเซอร์ก็มักจะสร้างประวัติการใช้งาน และบันทึกไฟล์ต่างๆ จึงทำให้หน่วยความจำเต็มได้ทั้งที่ไม่ได้มีรูปภาพ หรือวิดีโอมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มภาระการทำงานให้กับตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งวิธีแก้คือต้องโหลดแอพฯ สำหรับทำความสะอาดไฟล์แคชมาทำความสะอาด สามารถดูแอพฯ ทำความสะอาดไฟล์แคช (คลิกอ่านบทความได้ที่นี่)

5. อัพเดทระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งการอัพเดททุกครั้งนอกจากจะเพิ่มฟีเจอร์การทำงานใหม่ๆ แล้วยังเป็นการอัพเดทเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ที่มีอยู่ในเวอร์ชั่นเดิม และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความเสถียรยิ่งขึ้นอีกด้วย