สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 19 กันยายน 2558

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ก็ถือเป็นอีกปีที่วงการสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยผู้ผลิตต่างก็ขนเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครเมื่อใช้งาน และเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกาก็ได้เผยโฉม iPhone รุ่นต่อไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีหน้าจอ 3D Touch, กล้องหน้า Retina Flash, การบันทึกวีดีโอความละเอียด 4K เป็นต้น ดังนั้นบทความนี้จึงจะพาไปดูถึงการเปลี่ยนแปลงจาก iPhone 6 ไปสู่ iPhone 6S มีการพัฒนาไปอย่างไรบ้าง...?

เริ่มกันที่ขนาดตัวเครื่อง และนํ้าหนัก

โดย iPhone 6 มีขนาด 138.1 x 67 x 6.9 มิลลิเมตร และมีนํ้าหนัก 129 กรัม ส่วน iPhone 6S ก็จะมีขนาดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยดังนี้ 138.3 x 67.1 x 7.1 ในขณะที่นํ้าหนัก 143 กรัม

ด้านระบบปฏิบัติการ

iPhone รุ่นใหม่ก็ต้องมาพร้อมกับ iOS เวอร์ชั่นใหม่คือ 9 โดยสามารถคลิกอ่านบทความ แตกต่างกันอย่างไรระหว่าง iOS 8.3 VS iOS 9 ตามไปดูกันเลย..? ได้เลย

ด้านดีไซน์

iPhone 6 มาพร้อมวัสดุการผลิต Stainless Steel และ Anodized Aluminum แบบ Unibody โดยทำให้ตัวเครื่องมีความหรูหรา พรีเมี่ยม แต่ในรุ่นใหม่ก็จะถูกผลิตด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นด้วยอลูมิเนียมเกรด 7000 โดยแอปเปิ้ลบอกว่านอกจากให้ความสวยงามมากว่าเดิมแล้ว ยังช่วยลดปัญหาเครื่องโค้งงอ

 

ด้านหน้าจอ

โดย iPhone 6 และ iPhone 6S จะมีหน้าจอที่ขนาดเท่ากันคือ 4.7 นิ้ว และรุ่น iPhone 6 Plus กับ iPhone 6S Plus ขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว โดยใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบ IPS - Retina HD ผสมผสาน Backlit-LED โดยมีความละเอียดที่ 1334 x 750 (326 ppi) และ 1920 x 1080 (401 ppi) ตามลำดับ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตือในรุ่นใหม่นี้ได้มาพร้อม 3D Touch รวมถึง Taptic Engine ซึ่งเราก็จะมาทำความรู้จักกัน...?

สำหรับ 3D Touch เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น โดยจะช่วยให้เราดูตัวอย่างคอนเทนต์ทุกประเภท อาทิ อีเมล์จากเดิมทีที่ต้องการจะดูก็คือต้องกดหนึ่งครั้งเพื่อไปดู แต่ด้วยฟีเจอร์ใหม่นี้เพียงแค่กดเบาๆ บนหัวข้อที่ต้องการ ระบบก็จะแสดงอีเมล์แบบย่อๆ ให้ได้รู้ก่อน แต่ถ้าต้องการดูแบบฉบับเต็มก็ให้กดแรงขึ้น

หรือยกตัวอย่างด้วยแผนที่กับ 3D Touch 

ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้เรียกได้ว่าถูกใจเหล่านักเดินทางแน่นอน โดยหากนาย ก. กำลังสนทนากับนาย ข. อยู่ และนาย ก. ได้ส่ง Location มาให้กับนาย ข. ซึ่งด้วยฟีเจอร์ 3D Touch จะทำให้นาย ข. สามารถกดเบาๆ ที่ Location หนึ่งครั้ง ระบบก็จะแสดง Popup ขึ้นมา เพื่อแสดงตำแหน่งนั้นว่ามีสถานที่ใดอยู่รอบตัวบ้าง 

นอกจากนี้ระบบ 3D Touch ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างการเข้าเมนูย่อยต่างๆ ของเมนูหลักได้ทันที สมมติว่าจะเข้าเช้าใช้กล้อง เพียงกดเบาๆ หนึ่งครั้งที่กล้อง ระบบก็จะแสดงเมนูย่อยออกมาให้ผู้ใช้งานเลือก เช่น ถ่ายเซลฟี่, อัดวีดีโอ, ถ่ายรูป เป็นต้น

ฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)

  iPhone 6 iPhone 6S
 สถาปัตยกรรมแบบ 64 บิต 64 บิต
หน่วยประมวลผล ชิปเซ็ต A8 ชิปเซ็ต A9
GPU PowerVR GX6450 ยังไม่ระบุ
Ram 1GB 2GB
หน่วยความจำภายใน (Rom) 16/64/128GB 16/64/128GB
แบตเตอรี่ 1,810 mAh 1,715 mAh

อย่างไรก็ดีถึงแม้ iPhone 6S จะมีแบตเตอรี่น้อยกว่า แต่ฝ่ายพัฒนาก็บอกว่าด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด "A9" จะมีประสิทธิภาพทั้งการประมวลผลทางกายภาพ (CPU) และกราฟฟิก (GPU) รวมถึงประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม  

ด้านระบบเชื่อมต่อ

โดยรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มีระบบเชื่อมต่อเหมือนกัน อาทิ 3G, 4G LTE, WiFi 802.11a/b/g/n/ac + MIMO (iPhone 6S), NFC (เฉพาะ Apple Pay), Bluetooth 4.0 (iPhone 6) และ Bluetooth 4.2 (iPhone 6S), GPS และ GLONASS

ด้านฟังก์ชั่น Touch ID

สำหรับ iPhone 6S & 6S Plus ได้รับการปรับปรุง Touch ID ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงแม่นยำมากขึ้น และทำงานรวดเร็วขึ้น เพื่อให้การใช้งานไม่ติดขัดอีกต่อไป 

ด้านกล้องดิจิตอล

เริ่มกันที่ iPhone 6 มาพร้อมกล้อง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.2 ประกอบด้วยเลนส์ 5 ชิ้น ช่วยกันประมวลผลภาพให้เป็นธรรมชาติ อีกทั้งก็ยังมีไฟแฟลชแบบ True Tone, ระบบการแตะเพื่อโฟกัส, ระบบตรวจจับใบหน้า, ออโต้โฟกัสพร้อม Focus Pixels เป็นต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายของ iPhone 6 

ส่วน iPhone 6S ยังคงใช้กล้องแบบ iSight แต่เพิ่มความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสง รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกัน ทว่ากลับมี 2 ฟีเจอร์เด่นๆ ถูกเพิ่มเข้ามา ดังต่อไปนี้

1. การบันทึกวีดีโอความละเอียดระกับ 4K และผู้ใช้งานยังสามารถ edit ช่วงเวลา หรือแก้ไขด้วยแอปฯ iMovie

2. คุณสมบัติ Live Photo ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวระยะสั้นประมาณ 1.5 วินาที ด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว โดยภาพที่ได้จะแสดงผลการเคลื่อนไหวเมื่อเรียกชมและก็นำไปใช้งานเป็นภาพหน้าจอล๊อคสกรีน โดยยังจะเคลื่อนไหวเมื่อมีการกดหรือสัมผัสหน้าจอ

ตัวอย่างภาพถ่ายของ iPhone 6S

ส่วนกล้องหน้ามีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้

กล้องหน้ามีการเพิ่มความละเอียดจากเดิม 1.2 ล้านพิกเซล (iPhone 6) ไปเป็นความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (iPhone 6S) แต่ไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ Retina Flash ในการช่วยให้ภาพถ่ายมีความสว่างขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านราคาและเฉดสี

สำหรับ iPhone 6 & 6 Plus เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี เมื่อทาง Apple ประกาศลดราคาลง โดยจะมีให้เลือกแค่รุ่นหน่วยความจำ 16/64GB เท่านั้น พร้อมกับเหลือแค่สองสีคือ สีเทาสเปชเกรย์และสีเงิน 

  • iPhone 6 จากราคาเริ่มต้น 24,900 บาท เหลือราคาเริ่มต้น 22,500 บาท 
  • iPhone 6 Plus จากราคาเริ่มต้น 28,900 บาท เหลือราคาเริ่มต้น 26,500 บาท

หมายเหตุ : คลิกอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ Siamphone.com

ในขณะที่ iPhone 6S & 6S Plus ยังไม่มีการประกาศราคาของประเทศไทยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ส่วนของราคาสากลมีดังต่อไปนี้

  • iPhone 6S เริ่มต้น $649 หรือประมาณ 23,400 บาท
  • iPhone 6S Plus เริ่มต้น $749 หรือประมาณ 27,000 บาท

นอกจากนี้เฉดสีของ iPhone รุ่นใหม่ยังมาพร้อมสีใหม่สุดหวานสำหรับสาวๆ ก็คือ Rose Gold ....ส่วนสีอื่นๆ ยังคงมีเหมือนเดิม

และก็จบลงแล้วสำหรับบทความระหว่าง iPhone 6 และ iPhone 6S เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น เราอาจคงต้องรอถึงช่วงเดือนตุลาคม - พฤษจิกายนกันเลยทีเดียว 

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่