แท็บเล็ต (Tablet) | วันที่ : 28 มกราคม 2559
ต้องย้อนหลังไปเป็นเวลากว่า 60 ปี ที่ฮาร์ดไดร์ฟถือกำเนิดขึ้น วันนี้ Plextor ผู้ผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสมรรถนะสูง ได้ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนฮาร์ดไดร์ฟรุ่นเก่าที่มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน มาเป็นฮาร์ดไดร์ฟรุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูงขึ้นจากการเริ่มเปิดตัวไดร์ฟแบบ SSD ตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งได้เริ่มสร้างความต้องการในการใช้ไดร์ฟ SSD ในตลาดให้สูงขึ้น Plextor ได้ริเริ่มขยายตลาดในผลิตภัณฑ์ SSD ไปทั่วโลก และนี่คือประวัติศาสตร์ความเป็นมา และพัฒนาการของฮาร์ดไดร์ฟตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
1956 ฮาร์ดไดร์ฟจานแม่เหล็กหมุนรุ่นแรกของโลก
ณ ขณะนั้น ฮาร์ดไดร์ฟเป็นระบบกลไกไฟฟ้า (electromechanical) ที่มีน้ำหนักเกือบหนึ่งตัน และประกอบไปด้วยแผ่นแม่เหล็กกว่า 50 แผ่น ที่มีหัวอ่านเพียงแค่หัวเดียว จึงทำให้หน่วงเวลาเข้าถึงข้อมูลสูงถึง 600ms ณ IBM 350 นั้นเปิดให้เช่าคิดเป็นเงินค่าเช่ากว่า 28 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพในปัจจุบันคือ หากจะใช้ไดร์ฟแบบนี้ลงระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะต้องใช้ไดร์ฟจำนวนทั้งสิ้น 4096 ชุด เพื่อให้ได้พื้นที่ 20GB ซึ่งจะเพียงพอต่อการติดตั้งระบบปฏิบัติการในปัจจุบัน
1970 ไดร์ฟตัวแรกของโลกที่มีระบบแก้ไขความผิดพลาดของข้อมูล
ไดร์ฟ IBM3330 นั้นเป็นไดร์ฟในรูปแบบที่สามารถเปลี่ยนตัวดิสก์ได้ มีแผ่นแม่เหล็ก 11 แผ่นที่สามารถถอดจัดเก็บได้ อัตตราการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 806 KB/s ไดร์ฟรุ่นสุดท้ายของ IBM 3330 นั้นคือ Model 11 ในปี 1974 ราคา 418 พันล้านดอลลาร์
1976 ไดร์ฟตัวแรกของโลกที่มีคุณลักษณะแบบ SSD ไม่มีกลไกการหมุนหรือขยับหัวอ่าน
ก่อนการถือกำเนิดของชิป NAND Flash แถบแม่เหล็กที่ทำจากเหล็กเฟอร์ไรท์ (Ferrite) ได้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการจัดเก็บข้อมูลด้วยแผ่นแม่เหล็ก จุดเด่นในตอนนั้นคือความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ตัวยูนิตหลักของไดร์ฟสามารถใส่โมดูลได้สูงสุด 8 โมดูล แต่ละโมดูลมีความจุ 256 KB โดยไดร์ฟรุ่นเริ่มต้นที่ราคาถูกที่สุดในตอนนั้นมีราคาราว 40 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากต้องการความจุ 1TB ก็จะต้องใช้เงินประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ณ ขณะนั้น
1980 – ฮาร์ดไดร์ฟตัวแรกของโลกที่สามารถใส่ในเคสของคอมพิวเตอร์พีซีได้
รูปแบบของไดร์ฟลักษณะนี้ มาจากการถือกำเนิดของแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ขนาด 5.25” ในช่วงปลายยุค 1970 ตัวไดร์ฟนั้นหนัก 3.2 กิโลกรัม และถือเป็นจุดสูงสุดของการพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดไดร์ฟให้มีขนาดเล็กลงมากในสมัยนั้น ภายในประกอบไปด้วยแผ่นแม่เหล็กสองแผ่น ประกบด้วยหัวอ่านสี่หัว และเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่านชิปคอนโทรลเลอร์ อัตตราการโอนถ่ายข้อมูลทำได้ที่ 655KB /s
1988 – ฮาร์ดไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว ตัวแรกของโลก
PrairieTek company ได้สร้างฮาร์ดไดร์ฟตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเครื่องแล็ปท็อป แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก และได้ล้มละลายไปในปี 1990 ฮาร์ดไดร์ฟขนาด 2.5” ที่ถือว่าเกิดในตลาดจริง ๆ นั้น กลับกลายเป็นไดร์ฟที่ออกมาในยุคศตวรรศที่ 21 ที่เครื่องแล็ปท็อปได้รับความนิยม วันนี้ ไดร์ฟ 2.5” ได้กลายมาเป็นมาตรฐานสำหรับไดร์ฟแบบ SSD ทั่วโลก
1995 – จุดเริ่มต้นของ NAND Flash ในแง่มุมที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสื่อจัดเก็บข้อมูลดิจิตอล
แฟลชไดร์ฟแบบ FFD (Fast Flash Drive) ตัวแรกของโลก ใช้อินเตอร์เฟซแบบ SCSI และมีขนาด 3.5 นิ้ว ใช้กับเครื่องเดสก์ท็อป และเนื่องจากราคาที่สูง ทำให้ FFD นั้นได้ไม่เคยได้รับความนิยมจากผู้ใช้พีซีทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ไดร์ฟประเภทนี้ถูกใช้ในกลุ่มความมั่นคง การป้องกันประเทศ และได้เป็นที่นิยมในอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินบนเครื่องบิน (กล่องดำ)
2007 – ไดร์ฟขนาด 1TB ที่ราคาเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ ตัวแรกของโลก
Hitachi ได้ผลิตฮาร์ดไดร์ฟขนาด 1TB ที่ตามมาด้วยการเปิดตัวไดร์ฟรูปแบบเดียวกันในปีเดียวกัน ไดร์ฟตัวแรกที่มีขนาด 1TB ตอนนั้น มีจานแม่เหล็กหมุน 5 จาน และหัวอ่าน 10 หัว ในปี 2007 ไดร์ฟมีน้ำหนักเพียง 700 กรัม ซึ่งเมื่อย้อนไปเทียบกับปี 1956 นั้น เราจะต้องใช้ไดร์ฟ IBM 350 กว่า สองแสนตัว เพื่อที่จะได้ความจุเท่ากันนี้ และไดร์ฟ IBM 350 สองแสนตัวนั้นก็คงจะมีน้ำหนักเท่า ๆ กับเครื่องบินบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์สองลำรวมกัน
2015 – ไดร์ฟ Solid State เริ่มได้รับความนิยมจากผู้ใช้พีซีทั่วไปจนวันนี้
ถึงแม้ว่าจะเป็นไดร์ฟ SSD ที่ราคาถูกที่สุด ก็ยังมีความเร็วมากกว่าฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟแบบทั่วไป ในตลาดทุกวันนี้ มีไดร์ฟ SSD ให้เลือกมากมาย และมีอินเตอร์เฟซการเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบ ทั้ง SATA, PCIe M.2 ไดร์ฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและคุ้นเคยกันดีคือไดร์ฟรูปแบบ 2.5 นิ้ว อินเตอร์เฟซ แบบ SATA เช่น Plextor M6V ที่สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 และบู้ทระบบได้ภายในเวลาต่ำกว่า 10 วินาที โปรแกรม หรือเกม ที่ติดตั้งในไดร์ฟ จะสามารถรันได้อย่างรวดเร็วกว่าไดร์ฟแบบจานแม่เหล็กหมุนในอดีต ไดร์ฟ SSD ยุคใหม่นี้จะมีเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับไดร์ฟแบบจานแม่เหล็กหมุน ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เช่น PlexTurbo 3.0 ในไดร์ฟของ Plextor ที่จะช่วยลดการเสื่อมสภาพจากสภาพในเซลล์เมมโมรีการใช้งานทั่ว ๆ ไป
ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Plextor นั้นได้รับรางวัลมามากมาย และได้รับการยอมรับถึงความยอดเยี่ยมของตัวผลิตภัณฑ์นั้น ๆ และจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทของเราตลอดไป
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 28 มกราคม 2559
Lenovo Tab M11 แท็บเล็ตหน้าจอ 11 นิ้ว ใช้กับสไตลัส Lenovo Tab Pen เขียนลื่น
vivo Pad 3 Pro หน้าจอคมชัด 3.1K ชิปเซ็ต Dimensity 9300 แบตฯ 11500mAh
มัดรวมเทคโนโลยี HUAWEI MatePad 11.5 PaperMatte Edition แท็บเล็ตที่เป็นมากกว่า PC
HUAWEI MatePad 11.5 PaperMatte Edition เปิดขายในไทย! แท็บเล็ตไม่กลัวแดด ใช้งานสบายตา
Samsung Galaxy Tab S6 Lite (2024) หลุดภาพตัวเครื่อง คาดปรับมาใช้ชิป Exynos 1280
iQOO Pad Air แท็บเล็ตชิปเซ็ต Snapdragon 870 หน้าจอ 11.5 นิ้ว รีเฟรช 144Hz
MOMENTUM Sport หูฟังไร้สาย ตรวจอัตราการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิไปพร้อมเสียงเพลง
OnePlus Nord CE4 กล้องชัดแจ๋วระดับ 50MP มีกันสั่น OIS รองรับชาร์จเร็ว 100W
Lenovo Tab M11 แท็บเล็ตหน้าจอ 11 นิ้ว ใช้กับสไตลัส Lenovo Tab Pen เขียนลื่น
Nothing Ear และ Nothing Ear (a) ประกาศวันเปิดตัว มีการรีเซ็ตชื่อ และมาด้วยกัน 2 รุ่น
realme P1 และ realme P1 Pro หน้าจอ AMOLED-120Hz กล้องหลัง 50MP ชาร์จเร็ว 45W
ส่องฟีเจอร์ realme 12+ 5G บอดี้สุดแกร่ง พร้อมรับทุกแรงปะทะในเทศกาลปีใหม่ไทย
Google Vids ปลดล็อกพลังการสร้างวิดีโอด้วย AI บน Google Workspace23 ชั่วโมงที่แล้ว