สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 12 มีนาคม 2559

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ใกล้เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 18 มีนาคมที่จะถึงนี้สำหรับสองสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปจากแบรนด์เกาหลีใต้ได้แก่ Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge โดยเชื่อได้ว่ายังมีอีกหลายคนเกิดคำถามว่าระหว่างรุ่น Galaxy S6 edge Plus กับรุ่น S7 edge จะเลือกอะไรดีเพราะว่าทั้งสองรุ่นมีราคาวางจำหน่ายที่เท่ากันคือ 26,900 บาท ดังนั้นเรามาวิเคราะห์กันหน่อยว่าทั้งสองต่างกันอย่างไร เผื่อใครที่ต้องการจะจับจองเป็นเจ้าของได้รับทราบข้อมูล...?

1. ด้านขนาดตัวเครื่องและนํ้าหนัก

  • Galaxy S6 edge Plus : ขนาดตัวเครื่อง 154.4 x 75.8 x 6.9 มิลลิเมตร และนํ้าหนัก 153 กรัม
  • Galaxy S7 edge : ขนาดตัวเครื่อง 150.9 x 72.6 x 7.7 มิลลิเมตร และนํ้าหนัก 157 กรัม

สรุป : จะเห็นว่า Galaxy S7 edge มีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่าเพียงแต่มีความหนามากกว่า เช่นเดียว กับนํ้าหนักที่มากกว่านิดหน่อย

2. ด้านระบบปฏิบัติการ

โดยทั้งสองรุ่นจะรันระบบแอนดรอยด์เหมือนกัน เพียงแต่แตกต่างกันที่เวอร์ชั่นเริ่มแรกเท่านั้น โดยในรุ่น Galaxy S6 edge Plus เป็นเวอร์ชั่น 5.1 ส่วน Galaxy S7 edge ก็มาพร้อมเวอร์ชั่น 6.0 เลย และด้านส่วนติดต่อผู้ใช้งาน หรือ UI ยังคงครอบทับด้วย TouchWiz เช่นเคย

เรียกได้ว่า Galaxy S7 edge เนื่องจากมาพร้อมแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 6.0 ก็ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยฟังก์ชั่น Power Management + Ultra-Power Save + ระบบ DOZE กล่าวคือถ้าบริหารจัดการดีๆ ก็ลุยได้ตลอดทั้งวัน

หมายเหตุ : สำหรับการเปลี่ยนแปลงของ Edge UX ก็สามารถดูได้จากคลิปวิดีโอด้านล่าง... อีกทั้งผู้ใช้งานปรับเปลี่ยนหน้าจอแสดงผลของ หน้าจอ Edge-Screen ได้มากกว่า 10 แบบเลยทีเดียว

3. ด้านดีไซน์

สำหรับทั้งสองรุ่นต้องบอกว่าหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยทีเดียว แต่ในความเหมือนก็มีสิ่งแตกต่างกันเล็กน้อยโดยอย่างแรกเลยใน Galaxy S7 edge ด้านหลังของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมีสิ่งเปลี่ยนไป ดังนี้ ขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมีความโค้งงอเล็กน้อย ด้วยเทคโนโลยี 3D เทอร์โมฟอร์มมิ่งเพื่อทำให้กระจก 3D โค้งได้รูป บรรจบเข้ากับโลหะกลายเป็นตัวเครื่องที่โค้งสวยงามไร้รอยต่อ และแข็งแรง

โดยการปกป้องส่วนของตัวเครื่องด้านหลังและก็ส่วนหน้าจอยังคงใช้บริการจากกระจก Corning Gorilla Glass 4 ทั้งคู่ 

นอกจากนี้ในส่วนของเลนส์กล้องก็ไม่นูนออกมาเหมือนเก่าแล้ว โดยเรียกได้ว่าเกือบแบนราบเนียนไปกับตัวเครื่องบางเพียง 0.46 มิลลิเมตร ส่วนในเรื่องวัสดุยังคงใช้โลหะกับกระจกเหมือนกับรุ่น Galaxy S6 edge Plus

4. ด้านจุดเด่น

โดยหลักๆ ของ Galaxy S6 edge Plus ถูกเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมาเล็กน้อย เช่นหน้าจอที่มีขนาดกว้างขึ้นเป็น 5.7 นิ้ว, Ram มีขนาด 4GB และแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 mAh รวมถึงก็ตอบโจทย์ความบันเทิงด้านเสียงเพลงด้วยการรองรับ UHQ Audio นอกจากนี้ด้านกล้องดิจอตอลเพิ่มฟังก์ชั่นการบันทึกวิดีโอแบบ Real Time ให้กับผู้อื่นบน YouTube ผนึกกำลังด้วย Steady Video + VDIS ช่วยให้การถ่ายวีดีโอนิ่งขึ้น

ในส่วนของ Galaxy S7 edge ได้ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงมากขึ้นกับคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานหลายๆ คนบอกว่าควรมี เพื่อให้มันสมบูรณ์แบบที่สุด อาทิ คุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่นมาตรฐาน IP68, การรองรับ MicroSD Card สูงสุด 200GB, รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ระดับ Cat.9 ทำให้ดีไวซ์ของเรานั้นจะมีอัตราความเร็วการดาวน์โหลดอยู่ที่ 450 Mbps และการอัพโหลดอยู่ที่ 50 Mbps, ฟีเจอร์ Always-on ทำหน้าที่คอยแจ้งเตือนรายละเอียดข้อมูลเบื้องต้นให้กับเรา เช่น วันที่และเวลา, อีเมล์, ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียง 1% ต่อการใช้งานหนึ่ง 1 ชั่วโมง, เทคโนโลยี Vulkan และ Game Launcher อีกตัวช่วยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม, ระบบระบายความร้อนด้วยท่อหล่อเย็นขนาด 0.4 มิลลิเมตร เป็นต้น

5. ด้านหน้าจอ

หากใครที่ชอบหน้าจอใหญ่ๆ Galaxy S6 edge Plus อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เพราะมีขนาดกว้างกว่ากับ 5.7 นิ้ว ทว่า Galaxy S7 edge กว้างเพียง 5.5 นิ้วเท่านั้น โดยทั้งคู่ยังคงใช้เทคโนโลยีหน้าจอรวมถึงความละเอียดเหมือนกันคือ Super AMOLED และความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซลตามลำดับ ส่วนความหนาแน่นต่อพิกเซลแตกต่างกันเล็กน้อย 518 ppi (Galaxy S6 edge Plus) ขณะที่ Galaxy S7 edge อยู่ที่ 534 ppi 

6. ด้านฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)

  Galaxy S6 edge Plus Galaxy S7 edge
สถาปัตยกรรม 64 บิต 64 บิต
หน่วยประมวลผล (CPU) Exynos 7420 CPU Octa-core (Quad-core 2.1GHz & Quad-core 1.5GHz) Exynos 8890 CPU Octa core (Quad-core 2.3GHz & Quad-core 1.6GHz)
หน่วยประะมวลผลกราฟฟิก (GPU) Mali-T760 MP8 Mali-T880 MP12
Ram LPDDR4 4GB LPDDR4 4GB
หน่วยความจำภายใน (Rom) 32GB 32GB
MicroSD Card - 200GB (ถ้าในอนาคตมี MicroSD Card 2TB ก็สามารถนำมาใส่เพื่อใช้งานได้)
แบตเตอรี่ 3,000 mAh (รองรับการชาร์จเร็วและไร้สาย) 3,600 mAh (รองรับการชาร์จเร็วและไร้สาย)

 

7. ด้านระบบเชื่อมต่อ

สิ่งที่มีเหมือนกันก็คือ 3G, 4G LTE, WiFi + MiMo, Wi-Fi Direct, Wi-Fi Hotspot, Bluetooth, NFC, Fingerprint Scanner, A-GPS, GLONASS, microUSB v2.0, Wireless charging, เซ็นเซอร์ Heart-rate monitor และ Mobile payment support รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ

หมายเหตุ : Galaxy S7 edge รองรับการใช้งาน Dual SIM บนถาดซิมแบบ Hybrid Slot 

8. ด้านกล้องดิจิตอล

ซึ่ง Galaxy S6 edge Plus ด้านหลังมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชเซ็นเซอร์ Sony IMX240 และมีรูรับแสงถึง f/1.9 ทำให้การถ่ายภาพในพื้นที่สภาวะแสงน้อยมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวเมื่อถ่ายภาพ (OIS), ระบบตรวจจับใบหน้า, ระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็ว, ระบบ HDR, Panorama และ Geo-tagging รวมถึงการบันทึกวิดีโอระดับ 4K

ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบบ  Wide Selfie Angle 120 องศา รูรับแสง f/1.9 สามารถบันทึกวีดีโอความละเอียด 2K (1440p) พร้อมฟีเจอร์ Video Call, HDR และก็โหมดหน้าสวยปรับได้สูงสุด 8 ระดับ

ส่วน Galaxy S7 edge ถึงแม้จะปรับลดความละเอียดลงเหลือ 12 ล้านพิกเซล แต่ปรับจุดพิกเซลให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งยังมีรูรับแสงที่กว้างขึ้น F/1.7 ส่งผลให้เมื่อทั้งสองทำงานร่วมกัน สามารถรับแสงได้มากกว่า S6 ถึง 95% นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ช่วยให้การบันทึกภาพลดความเบลอ ผนวกด้วยเทคโนโลยี Dual Pixel รุ่นแรกของโลกที่ ก็มาพร้อมคุณสมบัติช่วยจับภาพเร็วขึ้นจากการทำงานร่วมกันของพิกเซลสองจุดในเซ็นเซอร์รับภาพจึงทำให้การโฟกัสมีความแม่นยำและรวดเร็ว

ไฮไลท์อื่นๆ ด้านกล้องดิจิตอลของ Galaxy S7 edge คือขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น 1.4µm ส่งผลให้ภาพที่ได้มีความสว่างคมชัด แถมยังเคลมว่าแม้วัตถุจะเคลื่อนไหวเร็ว ระบบโฟกัสก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่หลุดโฟกัสแต่อย่างใด และก็เพิ่มความสนุกสนานในการถ่ายมากขึ้นไปอีกกับโหมด Motion Panorama, Hyperlapse, Motion Photo, โหมด Pro, โหมด Food เป็นต้น

และส่วนของการบันทึกวิดีโอด้านหลังความละเอียด 4K ขณะที่ด้านหน้าก็ 2K เหมือนกับรุ่น Galaxy S6 edge Plus เช่นเดียวกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แต่ความแตกต่างของกล้องหน้าคือมีรูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็น 1.7 และแฟลชที่นิยามชื่อเรียกว่า Selfie flash ทำให้ภาพถ่ายที่ได้จะมีความสว่างมากขึ้น

9. ด้านราคาและวันวางจำหน่าย

สำหรับ Galaxy S6 edge Plus ก็มีราคากลางอยู่ที่ 26,900 บาท แต่ในช่องทางการซื้อบางที่ก็จะมีราคาที่ถูกลงกว่านี้ประมาณ 2 - 3 พันบาท ส่วน Galaxy S7 edge ก็มีราคาเท่ากันผู้ที่สนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มได้ที่....

 

10. สรุปว่าในเมื่อราคากลางเท่ากัน แล้วเราควรเลือกซื้อรุ่นไหนดี...?

ขอสรุปว่าถ้ามีงบประมาณตั้งใจที่จะซื้อ ควรเลือก Galaxy S7 edge เพราะฟีเจอร์อะไรที่มีอยู่ในรุ่นนี้นั้นมีทุกอย่างครบครัน และน่าจะตอบโจทย์มากกว่าแถมยังมีราคาที่เท่ากันอีกด้วย หากซื้อตามร้านค้าชั้นนำ

ท้ายที่สุดแล้วการเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ก็ควรเลือกให้ตอบโจทย์เพียงพอ ต่อการใช้งานของตัวเองให้มากที่สุดนะครับเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อเม็ดเงินที่จ่ายไปนอกจากนี้ก่อนจ่ายเงินควรตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ให้เรียบร้อย

และกดเปิดเครื่องเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานด้วยการกดรหัส *#0#*

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่